ทำเนียบรัฐบาล--24 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติรวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติอนุพันธ์และตลาดอนุพันธ์ พ.ศ. ....
2. ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
กระทรวงการคลังเสนอว่า ในปัจจุบันตลาดการเงินของไทยได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก เป็นทั้งแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบการ และเป็นแหล่งทุนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การที่ตลาดการเงินของไทยเชื่อมโยงกับตลาดทางการเงินของโลก ทำให้เกิดความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และดัชนีราคาหลักทรัพย์ มีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีเครื่องมือสำหรับใช้ในการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การจัดตั้งตลาดอนุพันธ์ในไทยจะเป็นการสนับสนุนกระบวนการระดมทุนที่หลากหลาย และมีต้นทุนที่ถูกลง สามารถเสริมสร้างความมั่นคงของระบบการเงิน โดยมีการพัฒนาเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนของนักลงทุนและผู้ประกอบการ และเมื่อตลาดการเงินของไทยมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ครบถ้วน จะทำให้สามารถดึงดูดผู้ลงทุนเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยอนุพันธ์เป็นการเฉพาะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการทำธุรกรรม และทำให้รัฐไม่สามารถเข้าไปบังคับหรือกำหนดมาตรการในตลาดอนุพันธ์ได้ จึงจำเป็นต้องมีการยกร่างพระราชบัญญัตินี้ขึ้นเพื่อ
1. รองรับสถานภาพทางกฎหมายของสัญญาประเภทอนุพันธ์
2. ให้ทางการมีอำนาจในการกำกับดูแลผู้ประกอบการให้เกิดตลาดอนุพันธ์และผู้ที่มีบทบาทในการชักชวนผู้ลงทุนให้ทำสัญญา
3. ให้ทางการมีอำนาจในการกำกับดูแลผลกระทบของการซื้อขายอนุพันธ์ต่อความมั่นคงของระบบการเงิน
ร่างพระราชบัญญัติอนุพันธ์มีเป้าหมายในการกำกับดูแลการซื้อขายอนุพันธ์ โดยเป้าหมายหลัก ได้แก่
1. ให้ความคุ้มครองผู้ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงทุนทั่วไปซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอนุพันธ์น้อย และอาจไม่อยู่ในฐานะที่จะป้องกันตัวเองได้
2. สร้างความเป็นธรรม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และประสิทธิภาพของตลาด เพื่อให้มีความโปร่งใสในเรื่องราคา และป้องกันการทุจริตบิดเบือนราคาหรือการกระทำไม่เป็นธรรมอื่น ๆ ในการซื้อขาย
3. ป้องกันความเสี่ยงต่อระบบการเงิน เพื่อมิให้ปัญหาในการชำระราคาและส่งมอบที่เกิดจากคู่สัญญารายใดรายหนึ่งหรือในตลาดใดตลาดหนึ่งกระทบไปถึงความมั่นคงของระบบชำระราคาและส่งมอบในตลาดนั้นหรือตลาดอื่นหรือของระบบการเงินโดยรวม
ร่างพระราชบัญญัติอนุพันธ์และตลาดอนุพันธ์ มีสาระสำคัญ คือ
1. อนุพันธ์คือ สัญญาที่มีมูลค่าเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของสินค้าอ้างอิงหรือตัวแปรอ้างอิง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอ้างอิงหรือตัวแปรอ้างอิง
2. ประเภทของสินค้าอ้างอิงและตัวแปรอ้างอิง ครอบคลุมเฉพาะสินค้าในตลาดทางการเงิน เช่น หลักทรัพย์เงินตราสกุลใด ๆ ทองคำ ดัชนีการเงิน ดัชนีกลุ่มหลักทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยและน้ำมันดิบ
3. ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
4. ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบธุรกิจอนุพันธ์ เว้นแต่
4.1 เป็นผู้ที่ได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์จำกัดเฉพาะกับผู้ลงทุนสถาบัน หรือ
4.2 เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์กับบุคคลทั่วไป
5. บุคคลที่จะจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์ตามข้อ 4.1 ได้ต้องเป็นบุคคลในประเภทดังต่อไปนี้
5.1 ธนาคารพาณิชย์ ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์
5.2 บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
5.3 บริษัทหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามประเภทที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
5.4 บุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
6. ให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจอนุพันธ์กับบุคคลทั่วไปตามข้อ 4.2 ยื่นคำขออนุญาตต่อคณะกรรมการก.ล.ต. ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง
7. ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์ใดมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชนให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งพักการประกอบธุรกิจอนุพันธ์หรือสั่งเพิกถอนการจดทะเบียน
8. การประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายอนุพันธ์ให้กระทำได้เฉพาะผู้ประกอบการได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต. (ผู้ลงทุนที่เป็นสถาบันการเงิน หน่วยงานของรัฐฯ) และผู้ประกอบการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. (ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลทั่วไป)
9. การประกอบการเป็นสำนักหักบัญชีอนุพันธ์จะต้องเป็นผู้ที่ได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต. หรือเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้วแต่กรณี
10. ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อขายอนุพันธ์ เสนอที่จะซื้อขายอนุพันธ์ ซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ราคาอนุพันธ์สูงขึ้น ลดลง คงที่ หรือผันผวน อันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด หรือเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จที่เกี่ยวกับอนุพันธ์สินค้าอ้างอิงหรือตัวแปรอ้างอิงหรือข้อความอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญที่เกี่ยวกับอนุพันธ์ สินค้าอ้างอิง หรือต้วแปรอ้างอิงต่อผู้อื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ราคาอนุพันธ์สูงขึ้น ลดลง คงที่ หรือผันผวน อันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด
11. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจและหน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไปเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี
12. ผู้ใดกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัตินี้ มีบทกำหนดโทษทางบริหารและบทกำหนดโทษทางอาญา
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คือ
1. ปรับปรุงนิยามคำว่า "การจัดการกองทุนรวม" เพื่อให้กองทุนรวมมีความหมายกว้างรวมถึงการลงทุนในอนุพันธ์ด้วย
2. เพิ่มบทนิยามคำว่า "อนุพันธ์" ให้ความหมายว่า อนุพันธ์ตามกฎหมายว่าด้วยอนุพันธ์และตลาดอนุพันธ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 มีนาคม 2541--
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติรวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติอนุพันธ์และตลาดอนุพันธ์ พ.ศ. ....
2. ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
กระทรวงการคลังเสนอว่า ในปัจจุบันตลาดการเงินของไทยได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก เป็นทั้งแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบการ และเป็นแหล่งทุนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การที่ตลาดการเงินของไทยเชื่อมโยงกับตลาดทางการเงินของโลก ทำให้เกิดความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และดัชนีราคาหลักทรัพย์ มีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีเครื่องมือสำหรับใช้ในการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การจัดตั้งตลาดอนุพันธ์ในไทยจะเป็นการสนับสนุนกระบวนการระดมทุนที่หลากหลาย และมีต้นทุนที่ถูกลง สามารถเสริมสร้างความมั่นคงของระบบการเงิน โดยมีการพัฒนาเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนของนักลงทุนและผู้ประกอบการ และเมื่อตลาดการเงินของไทยมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ครบถ้วน จะทำให้สามารถดึงดูดผู้ลงทุนเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยอนุพันธ์เป็นการเฉพาะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการทำธุรกรรม และทำให้รัฐไม่สามารถเข้าไปบังคับหรือกำหนดมาตรการในตลาดอนุพันธ์ได้ จึงจำเป็นต้องมีการยกร่างพระราชบัญญัตินี้ขึ้นเพื่อ
1. รองรับสถานภาพทางกฎหมายของสัญญาประเภทอนุพันธ์
2. ให้ทางการมีอำนาจในการกำกับดูแลผู้ประกอบการให้เกิดตลาดอนุพันธ์และผู้ที่มีบทบาทในการชักชวนผู้ลงทุนให้ทำสัญญา
3. ให้ทางการมีอำนาจในการกำกับดูแลผลกระทบของการซื้อขายอนุพันธ์ต่อความมั่นคงของระบบการเงิน
ร่างพระราชบัญญัติอนุพันธ์มีเป้าหมายในการกำกับดูแลการซื้อขายอนุพันธ์ โดยเป้าหมายหลัก ได้แก่
1. ให้ความคุ้มครองผู้ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงทุนทั่วไปซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอนุพันธ์น้อย และอาจไม่อยู่ในฐานะที่จะป้องกันตัวเองได้
2. สร้างความเป็นธรรม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และประสิทธิภาพของตลาด เพื่อให้มีความโปร่งใสในเรื่องราคา และป้องกันการทุจริตบิดเบือนราคาหรือการกระทำไม่เป็นธรรมอื่น ๆ ในการซื้อขาย
3. ป้องกันความเสี่ยงต่อระบบการเงิน เพื่อมิให้ปัญหาในการชำระราคาและส่งมอบที่เกิดจากคู่สัญญารายใดรายหนึ่งหรือในตลาดใดตลาดหนึ่งกระทบไปถึงความมั่นคงของระบบชำระราคาและส่งมอบในตลาดนั้นหรือตลาดอื่นหรือของระบบการเงินโดยรวม
ร่างพระราชบัญญัติอนุพันธ์และตลาดอนุพันธ์ มีสาระสำคัญ คือ
1. อนุพันธ์คือ สัญญาที่มีมูลค่าเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของสินค้าอ้างอิงหรือตัวแปรอ้างอิง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอ้างอิงหรือตัวแปรอ้างอิง
2. ประเภทของสินค้าอ้างอิงและตัวแปรอ้างอิง ครอบคลุมเฉพาะสินค้าในตลาดทางการเงิน เช่น หลักทรัพย์เงินตราสกุลใด ๆ ทองคำ ดัชนีการเงิน ดัชนีกลุ่มหลักทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยและน้ำมันดิบ
3. ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. และสำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
4. ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบธุรกิจอนุพันธ์ เว้นแต่
4.1 เป็นผู้ที่ได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์จำกัดเฉพาะกับผู้ลงทุนสถาบัน หรือ
4.2 เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์กับบุคคลทั่วไป
5. บุคคลที่จะจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์ตามข้อ 4.1 ได้ต้องเป็นบุคคลในประเภทดังต่อไปนี้
5.1 ธนาคารพาณิชย์ ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์
5.2 บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
5.3 บริษัทหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามประเภทที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
5.4 บุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
6. ให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจอนุพันธ์กับบุคคลทั่วไปตามข้อ 4.2 ยื่นคำขออนุญาตต่อคณะกรรมการก.ล.ต. ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง
7. ในกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจอนุพันธ์ใดมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชนให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจสั่งพักการประกอบธุรกิจอนุพันธ์หรือสั่งเพิกถอนการจดทะเบียน
8. การประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายอนุพันธ์ให้กระทำได้เฉพาะผู้ประกอบการได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต. (ผู้ลงทุนที่เป็นสถาบันการเงิน หน่วยงานของรัฐฯ) และผู้ประกอบการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. (ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลทั่วไป)
9. การประกอบการเป็นสำนักหักบัญชีอนุพันธ์จะต้องเป็นผู้ที่ได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต. หรือเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้วแต่กรณี
10. ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อขายอนุพันธ์ เสนอที่จะซื้อขายอนุพันธ์ ซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ราคาอนุพันธ์สูงขึ้น ลดลง คงที่ หรือผันผวน อันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด หรือเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จที่เกี่ยวกับอนุพันธ์สินค้าอ้างอิงหรือตัวแปรอ้างอิงหรือข้อความอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญที่เกี่ยวกับอนุพันธ์ สินค้าอ้างอิง หรือต้วแปรอ้างอิงต่อผู้อื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ราคาอนุพันธ์สูงขึ้น ลดลง คงที่ หรือผันผวน อันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด
11. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจและหน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไปเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี
12. ผู้ใดกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัตินี้ มีบทกำหนดโทษทางบริหารและบทกำหนดโทษทางอาญา
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คือ
1. ปรับปรุงนิยามคำว่า "การจัดการกองทุนรวม" เพื่อให้กองทุนรวมมีความหมายกว้างรวมถึงการลงทุนในอนุพันธ์ด้วย
2. เพิ่มบทนิยามคำว่า "อนุพันธ์" ให้ความหมายว่า อนุพันธ์ตามกฎหมายว่าด้วยอนุพันธ์และตลาดอนุพันธ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 24 มีนาคม 2541--