ทำเนียบรัฐบาล--27 เม.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานปัญหาสภาพคล่องของประเทศ และมาตรการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทั้งระบบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. จัดหาเงินกู้ยืมจากแหล่งเงินที่เป็นแหล่งเงินทุนกึ่งทางการเช่น ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเซีย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของญี่ปุ่น เป็นต้น ให้มากขึ้น
2. ออกพันธบัตรในต่างประเทศเพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องภายในประเทศ
3. ส่งเสริมให้กระบวนการประมูลขายทรัพย์สินของ ปรส. มีความโปร่งใส มีมาตรฐานสากลเพื่อให้มีผู้นำเงินจากต่างประเทศมาซื้อทรัพย์สินดังกล่าว
4. เร่งรัดให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินทุนเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการร่วมทุนหรือการขายหุ้นเพิ่มทุนแก่สถาบันการเงินต่างประเทศ
5. แก้ไขปัญหาความบิดเบือนในตลาดเงินระยะสั้น รวมทั้งหยุดยั้งการเติบโตของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งจะมีผลอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคต
6. ให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเร่งรัดกระบวนการประนอมหนี้กับลูกหนี้เพื่อที่จะทำให้กิจการสามารถดำเนินการต่อไปได้
7. ศึกษาแนวทางนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ โดยให้มีผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดให้น้อยที่สุด ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงการคลังได้ดำเนินการศึกษาปัญหาภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และจะนำผลการศึกษาทั้งหมดหารือร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในการที่จะทบทวนมาตรการทางเศรษฐกิจระหว่างวันที่ 4 - 14 พฤษภาคม 2541 และเร่งรัดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการส่งเสริมสถาบันการเงินให้ประนอมหนี้กับลูกหนี้โดยเร็วที่สุดตามที่ได้กล่าว ในข้อ 6
8. เร่งรัดให้มีการประนอมหนี้กับสถาบันการเงินต่างประเทศในภาคธุรกิจให้มีความรวดเร็วมากขึ้น
9. เร่งรัดการเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ให้มีทุนที่เพียงพอเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับระบบการเงินจากตลาดการเงินต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการเจรจาขอยืดหนี้ และนำมาซึ่งเงินทุนไหลเข้าในที่สุด
10. เร่งรัดการแก้ไขโครงสร้างกฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินโดยเร็วที่สุด
11. ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันศึกษาการฟื้นสภาพตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเพื่อนำมาซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศ
12. ดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนด้วยความโปร่งใสและมีความสมดุลในการจัดประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในขอบเขตที่มีการถือครองหุ้น และในราคาจำหน่ายหุ้นที่เหมาะสม
13. ดำเนินนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินระยะสั้นในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในแนวนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน
14. เร่งแก้ไขกลไกทางการเงินที่ขาดหายไป เช่นการให้เช่าซื้อ ซึ่งทำให้ระบบต่อการให้กู้ยืมสำหรับธุรกิจที่ส่งเสริมการให้บริการอุปโภคบริโภค เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น และเร่งฟื้นความสามารถของสถาบันการเงินในการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
15. เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาที่ทำงานให้ภาครัฐโดยเร็ว
16. เสริมบทบาทของกิจการวิเทศธนกิจ (BIBF) และปรับกฎเกณฑ์เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการให้กู้ยืม มาตรการเกี่ยวกับ BIBF นี้ จะเพิ่มความคล่องตัวในการให้กู้ยืมของ BIBF มากขึ้น ซึ่งจะมีการขยายขอบเขตการบริการของ BIBF เพื่อให้ BIBF สามารถเปิดบริการนำเข้าได้ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 เมษายน 2541--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานปัญหาสภาพคล่องของประเทศ และมาตรการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทั้งระบบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. จัดหาเงินกู้ยืมจากแหล่งเงินที่เป็นแหล่งเงินทุนกึ่งทางการเช่น ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเซีย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของญี่ปุ่น เป็นต้น ให้มากขึ้น
2. ออกพันธบัตรในต่างประเทศเพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องภายในประเทศ
3. ส่งเสริมให้กระบวนการประมูลขายทรัพย์สินของ ปรส. มีความโปร่งใส มีมาตรฐานสากลเพื่อให้มีผู้นำเงินจากต่างประเทศมาซื้อทรัพย์สินดังกล่าว
4. เร่งรัดให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินทุนเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการร่วมทุนหรือการขายหุ้นเพิ่มทุนแก่สถาบันการเงินต่างประเทศ
5. แก้ไขปัญหาความบิดเบือนในตลาดเงินระยะสั้น รวมทั้งหยุดยั้งการเติบโตของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งจะมีผลอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคต
6. ให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเร่งรัดกระบวนการประนอมหนี้กับลูกหนี้เพื่อที่จะทำให้กิจการสามารถดำเนินการต่อไปได้
7. ศึกษาแนวทางนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ โดยให้มีผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดให้น้อยที่สุด ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงการคลังได้ดำเนินการศึกษาปัญหาภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และจะนำผลการศึกษาทั้งหมดหารือร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในการที่จะทบทวนมาตรการทางเศรษฐกิจระหว่างวันที่ 4 - 14 พฤษภาคม 2541 และเร่งรัดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการส่งเสริมสถาบันการเงินให้ประนอมหนี้กับลูกหนี้โดยเร็วที่สุดตามที่ได้กล่าว ในข้อ 6
8. เร่งรัดให้มีการประนอมหนี้กับสถาบันการเงินต่างประเทศในภาคธุรกิจให้มีความรวดเร็วมากขึ้น
9. เร่งรัดการเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ให้มีทุนที่เพียงพอเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับระบบการเงินจากตลาดการเงินต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการเจรจาขอยืดหนี้ และนำมาซึ่งเงินทุนไหลเข้าในที่สุด
10. เร่งรัดการแก้ไขโครงสร้างกฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินโดยเร็วที่สุด
11. ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันศึกษาการฟื้นสภาพตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเพื่อนำมาซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศ
12. ดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนด้วยความโปร่งใสและมีความสมดุลในการจัดประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในขอบเขตที่มีการถือครองหุ้น และในราคาจำหน่ายหุ้นที่เหมาะสม
13. ดำเนินนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินระยะสั้นในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในแนวนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน
14. เร่งแก้ไขกลไกทางการเงินที่ขาดหายไป เช่นการให้เช่าซื้อ ซึ่งทำให้ระบบต่อการให้กู้ยืมสำหรับธุรกิจที่ส่งเสริมการให้บริการอุปโภคบริโภค เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น และเร่งฟื้นความสามารถของสถาบันการเงินในการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
15. เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาที่ทำงานให้ภาครัฐโดยเร็ว
16. เสริมบทบาทของกิจการวิเทศธนกิจ (BIBF) และปรับกฎเกณฑ์เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการให้กู้ยืม มาตรการเกี่ยวกับ BIBF นี้ จะเพิ่มความคล่องตัวในการให้กู้ยืมของ BIBF มากขึ้น ซึ่งจะมีการขยายขอบเขตการบริการของ BIBF เพื่อให้ BIBF สามารถเปิดบริการนำเข้าได้ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 เมษายน 2541--