แท็ก
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--30 เม.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ. 1973 และพิธีสาร ค.ศ. 1978 (International Convention for the Prevention of Pollution from Ships 1973 asmodified by the Protocol of 1978 - MARPOL 73/78) และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการภาคยานุวัติโดยการส่งมอบตราสารการเข้าเป็นภาคีต่อองค์การทางทะเลระหว่างประเทศต่อไป ตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของอนุสัญญาดังกล่าวเพื่อกำหนดมาตรการการป้องกันมลพิษทางทะเลที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามปกติของเรือยานพาหนะทางน้ำ แท่นที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการสำรวจและการผลิตทรัพยากรใต้ทะเล รวมทั้งพัฒนามาตรการป้องกันสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมกัน โดยสาระสำคัญของอนุสัญญาฯ มีข้อบังคับที่จะกำหนดเป็นกฎเกณฑ์สำหรับการควบคุมและป้องกันสิ่งแวดล้อมทางน้ำ โดยกำหนดให้
1. ออกแบบเรือให้มีความปลอดภัยสูง
2. ติดตั้งอุปกรณ์ประจำเรือเพื่อลดปริมาณสารอันตรายที่ปล่อยทิ้งในขณะการปฏิบัติงานตามปกติ
3. จัดเตรียมอุปกรณ์รองรับของเสียจากเรือของท่าเรือหรือเมืองท่าต่าง ๆ
4. ลงโทษทางกฎหมายต่อผู้ละเมิดข้อบังคับอย่างเท่าเทียมกัน
5. มีความร่วมมือทางด้านวิชาการระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการวิจัย ปรับปรุงและพัฒนามาตรการ ตลอดจนเครื่องมืออุปกรณ์ในการป้องกันและลดมลพิษที่เกิดจากเรือ
ในการนี้ ภาระผูกพันจากการที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ คือ
1. กรมเจ้าท่าต้องปรับปรุงระเบียบข้อบังคับการตรวจเรือให้เป็นมาตรฐานเดียวกับที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ พร้อมทั้งจัดเตรียมบุคลากรและอุปกรณ์เพื่อการตรวจตรา ดูแลเรือไทยให้ปฏิบัติตามข้อบังคับ
2. เจ้าของเรือต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและติดตั้งอุปกรณ์ประจำเรือ รวมทั้งต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานในเรือเพิ่มขึ้น
3. เจ้าของท่าเรือบางประเภท บางขนาด เช่น ท่าเรือทั่วไปที่รับเรือขนาดตั้งแต่ 400 ตันกรอสส์ขึ้นไป และท่าเรือขนส่งน้ำมันที่รับเรือบรรทุกน้ำมันขนาดตั้งแต่ 150 ตันกรอสส์ขึ้นไป ท่าเรือขนถ่ายสารเคมีเหลวในปริมาตรรวม ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นในการจัดการของเสียจากเรือที่เข้าเทียบท่า โดยการจัดเตรียมอุปกรณ์รองรับของเสียจากเรือ (Reception facility)
ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2526 มีประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ นับถึงวันที่1 มิถุนายน 2539 จำนวน 97 ประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 29 เมษายน 2540--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ. 1973 และพิธีสาร ค.ศ. 1978 (International Convention for the Prevention of Pollution from Ships 1973 asmodified by the Protocol of 1978 - MARPOL 73/78) และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการภาคยานุวัติโดยการส่งมอบตราสารการเข้าเป็นภาคีต่อองค์การทางทะเลระหว่างประเทศต่อไป ตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของอนุสัญญาดังกล่าวเพื่อกำหนดมาตรการการป้องกันมลพิษทางทะเลที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามปกติของเรือยานพาหนะทางน้ำ แท่นที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการสำรวจและการผลิตทรัพยากรใต้ทะเล รวมทั้งพัฒนามาตรการป้องกันสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมกัน โดยสาระสำคัญของอนุสัญญาฯ มีข้อบังคับที่จะกำหนดเป็นกฎเกณฑ์สำหรับการควบคุมและป้องกันสิ่งแวดล้อมทางน้ำ โดยกำหนดให้
1. ออกแบบเรือให้มีความปลอดภัยสูง
2. ติดตั้งอุปกรณ์ประจำเรือเพื่อลดปริมาณสารอันตรายที่ปล่อยทิ้งในขณะการปฏิบัติงานตามปกติ
3. จัดเตรียมอุปกรณ์รองรับของเสียจากเรือของท่าเรือหรือเมืองท่าต่าง ๆ
4. ลงโทษทางกฎหมายต่อผู้ละเมิดข้อบังคับอย่างเท่าเทียมกัน
5. มีความร่วมมือทางด้านวิชาการระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมการวิจัย ปรับปรุงและพัฒนามาตรการ ตลอดจนเครื่องมืออุปกรณ์ในการป้องกันและลดมลพิษที่เกิดจากเรือ
ในการนี้ ภาระผูกพันจากการที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ คือ
1. กรมเจ้าท่าต้องปรับปรุงระเบียบข้อบังคับการตรวจเรือให้เป็นมาตรฐานเดียวกับที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ พร้อมทั้งจัดเตรียมบุคลากรและอุปกรณ์เพื่อการตรวจตรา ดูแลเรือไทยให้ปฏิบัติตามข้อบังคับ
2. เจ้าของเรือต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและติดตั้งอุปกรณ์ประจำเรือ รวมทั้งต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานในเรือเพิ่มขึ้น
3. เจ้าของท่าเรือบางประเภท บางขนาด เช่น ท่าเรือทั่วไปที่รับเรือขนาดตั้งแต่ 400 ตันกรอสส์ขึ้นไป และท่าเรือขนส่งน้ำมันที่รับเรือบรรทุกน้ำมันขนาดตั้งแต่ 150 ตันกรอสส์ขึ้นไป ท่าเรือขนถ่ายสารเคมีเหลวในปริมาตรรวม ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นในการจัดการของเสียจากเรือที่เข้าเทียบท่า โดยการจัดเตรียมอุปกรณ์รองรับของเสียจากเรือ (Reception facility)
ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2526 มีประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ นับถึงวันที่1 มิถุนายน 2539 จำนวน 97 ประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 29 เมษายน 2540--