ทำเนียบรัฐบาล--2 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวสารตามมติ กนข. ขององค์การคลังสินค้า ปี 2541/2542 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. ให้องค์การคลังสินค้ากู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อแทรกแซงตลาดข้าวสาร โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในวงเงินรวม 3,500 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้
2. ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยให้กู้ยืมเงินแก่องค์การคลังสินค้าในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นกรณีพิเศษระยะเวลา 1 ปี และในกรณีที่องค์การคลังสินค้ายังไม่สามารถจำหน่ายข้าวสารได้ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาชำระหนี้ต่อไปอีกจนกว่าองค์การคลังสินค้าจะจำหน่ายข้าวสารได้และได้ชำระเงินครบถ้วน
3. ให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจ่ายค่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในส่วนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวสารเพิ่มเติมจาก 200,000 ตัน เป็น 500,000 ตัน รวมทั้งจ่ายเงินชดเชยผลขาดทุนจากการดำเนินงานทั้งหมด
ต่อมาคณะกรรมการนโยบายข้าวได้มีมติเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2542 ในส่วนของมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวสารที่ให้ปรับเพิ่มเติม ดังนี้
1. อนุมัติให้ อคส. และ อตก. ดำเนินการตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวสาร โดยรับซื้อข้าวสารจากโรงสีทั่วประเทศในราคานำตลาดจำนวน 500,000 ตัน โดยโรงสีที่เข้าร่วมโครงการจะต้องรับซื้อข้าวเปลือกใหม่จากเกษตรกรในสัดส่วนเดียวกับการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารเพื่อเสริมสภาพคล่องให้โรงสีอีกทางหนึ่ง และเป็นการกระตุ้นอุปสงค์ข้าวสารในต้นฤดูเพิ่มขึ้นอันจะส่งผลดีต่อระดับราคาข้าวเปลือกโดยทั่วไป
2. ให้ อคส. เร่งระบายส่งออกและให้นำข้าวสารที่รับซื้อไว้ตามโครงการไป PACKING CREDIT กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้เช่นเดียวกับผู้ส่งออกภาคเอกชน โดยมอบหมายให้ประธาน กนข. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติชนิดข้าว ปริมาณและราคาข้าวสารที่ อตก. และ อคส. จะดำเนินการแทรกแซงรับซื้อตามโครงการดังกล่าว รวมตลอดถึงการระบายส่งออกไปต่างประเทศด้วย
โครงการรับซื้อข้าวสารแทรกแซงตลาดขององค์การคลังสินค้า ปี 2541/2542 เพื่อเป็นการเตรียมการที่จะรักษาระดับราคาข้าวเปลือกซึ่งอาจมีการตกต่ำลงตามสภาวะตลาดเป็นเหตุให้ราคาข้าวเปลือกต่ำกว่าราคาเป้าหมายนำ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นจึงควรมีมาตรการรับซื้อข้าวสารจากโรงสีทั่วไปเพื่อเป็นการเพิ่มแรงซื้อ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในท้องตลาดให้มีราคาอยู่ในระดับเหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่เหมาะสมและมีราคาไม่ต่ำกว่าราคาเป้าหมายนำ และเพื่อให้มีแหล่งระบายข้าวสารเพิ่มขึ้นจากกลไกตลาดปกติเป็นการช่วยกระตุ้นสภาวะตลาดการค้าข้าวสารให้มีความคล่องตัวขึ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินการ ดังนี้
1. ระยะเวลารับซื้อและส่งมอบ อคส. จะรับซื้อข้าวสารตั้งแต่เดือนธันวาคม 2541 - เมษายน 2542 (ตามสภาพการณ์และความจำเป็น)
2. ระยะเวลาโครงการ ธันวาคม 2541 - กรกฎาคม 2542
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวสารตามมติ กนข. ขององค์การคลังสินค้า ปี 2541/2542 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. ให้องค์การคลังสินค้ากู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อแทรกแซงตลาดข้าวสาร โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในวงเงินรวม 3,500 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้
2. ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยให้กู้ยืมเงินแก่องค์การคลังสินค้าในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นกรณีพิเศษระยะเวลา 1 ปี และในกรณีที่องค์การคลังสินค้ายังไม่สามารถจำหน่ายข้าวสารได้ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาชำระหนี้ต่อไปอีกจนกว่าองค์การคลังสินค้าจะจำหน่ายข้าวสารได้และได้ชำระเงินครบถ้วน
3. ให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจ่ายค่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในส่วนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวสารเพิ่มเติมจาก 200,000 ตัน เป็น 500,000 ตัน รวมทั้งจ่ายเงินชดเชยผลขาดทุนจากการดำเนินงานทั้งหมด
ต่อมาคณะกรรมการนโยบายข้าวได้มีมติเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2542 ในส่วนของมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวสารที่ให้ปรับเพิ่มเติม ดังนี้
1. อนุมัติให้ อคส. และ อตก. ดำเนินการตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวสาร โดยรับซื้อข้าวสารจากโรงสีทั่วประเทศในราคานำตลาดจำนวน 500,000 ตัน โดยโรงสีที่เข้าร่วมโครงการจะต้องรับซื้อข้าวเปลือกใหม่จากเกษตรกรในสัดส่วนเดียวกับการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารเพื่อเสริมสภาพคล่องให้โรงสีอีกทางหนึ่ง และเป็นการกระตุ้นอุปสงค์ข้าวสารในต้นฤดูเพิ่มขึ้นอันจะส่งผลดีต่อระดับราคาข้าวเปลือกโดยทั่วไป
2. ให้ อคส. เร่งระบายส่งออกและให้นำข้าวสารที่รับซื้อไว้ตามโครงการไป PACKING CREDIT กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้เช่นเดียวกับผู้ส่งออกภาคเอกชน โดยมอบหมายให้ประธาน กนข. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติชนิดข้าว ปริมาณและราคาข้าวสารที่ อตก. และ อคส. จะดำเนินการแทรกแซงรับซื้อตามโครงการดังกล่าว รวมตลอดถึงการระบายส่งออกไปต่างประเทศด้วย
โครงการรับซื้อข้าวสารแทรกแซงตลาดขององค์การคลังสินค้า ปี 2541/2542 เพื่อเป็นการเตรียมการที่จะรักษาระดับราคาข้าวเปลือกซึ่งอาจมีการตกต่ำลงตามสภาวะตลาดเป็นเหตุให้ราคาข้าวเปลือกต่ำกว่าราคาเป้าหมายนำ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นจึงควรมีมาตรการรับซื้อข้าวสารจากโรงสีทั่วไปเพื่อเป็นการเพิ่มแรงซื้อ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในท้องตลาดให้มีราคาอยู่ในระดับเหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่เหมาะสมและมีราคาไม่ต่ำกว่าราคาเป้าหมายนำ และเพื่อให้มีแหล่งระบายข้าวสารเพิ่มขึ้นจากกลไกตลาดปกติเป็นการช่วยกระตุ้นสภาวะตลาดการค้าข้าวสารให้มีความคล่องตัวขึ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินการ ดังนี้
1. ระยะเวลารับซื้อและส่งมอบ อคส. จะรับซื้อข้าวสารตั้งแต่เดือนธันวาคม 2541 - เมษายน 2542 (ตามสภาพการณ์และความจำเป็น)
2. ระยะเวลาโครงการ ธันวาคม 2541 - กรกฎาคม 2542
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542--