ทำเนียบรัฐบาล--21 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการรายงานผลการเจรจาเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการกับธนาคารโลก แล้วมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการของหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา (Letter of Development Policy) และกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix)
2. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา
3. อนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกู้เงินจากธนาคารโลกวงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการ
4. อนุมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญากู้เงิน รวมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
5. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำความเห็นทางกฎหมายโดยด่วนต่อไปด้วย
ทั้งนี้ โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาครราชการกำหนดจะเสนอคณะกรรมการบริหารของธนาคารโลกในวันที่12 ตุลาคม 2542
อนึ่ง กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2541 อนุมัติแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2542 ในวงเงินเทียบเท่าไม่เกิน 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีมติเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2542 รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2542 ซึ่งได้อนุมัติการปรับปรุงแผนการก่อหนี้ฯ ประจำปีงบประมาณ 2542 (ครั้งที่ 1) ประกอบด้วยโครงการหลัก 25 โครงการ วงเงิน 5,828.69 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการสำรอง 10 โครงการ วงเงิน 967.60 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการจากธนาคารโลก วงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นโครงการหลักในแผนการก่อหนี้ฯ ด้วย นั้น
สำหรับสาระสำคัญของผลการเจรจาเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการจากธนาคารโลก สรุปได้ดังนี้
1. ธนาคารโลกได้ตกลงที่จะให้เงินกู้สำหรับโครงการปรับโครงสร้างภาคราชการวงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้กระทรวงการคลังในนามราชอาณาจักรไทย มีพันธะที่จะต้องจัดทำหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา (Letter of Development Policy - LDP) เพื่อแสดงความตั้งใจจริงที่จะดำเนินการปฏิรูประบบราชการโดยมุ่งเน้นปรับปรุงการบริหารจัดการทางการเงินและบุคคลปรับปรุงการให้บริการของภาครัฐ และความโปร่งใสในการบริหารงานราชการ พร้อมกันนั้นรัฐบาลไทยจะต้องจัดทำกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix) ซึ่งเป็นกรอบแผนงานต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการก่อนและหลังจากที่ได้นำโครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการบริหารของธนาคารโลก
2. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะผู้แทนไทยเจรจาในรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินกับธนาคารโลก สำหรับเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการ (Public Sector Reform Loan) ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ คือ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง และที่ปรึกษากฎหมายกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้เจรจารายละเอียดเงื่อนไขการกู้เงินกับคณะผู้แทนธนาคารโลก สำหรับเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ระหว่างวันที่16 - 18 สิงหาคม 2542 โดยมีการพิจารณาร่างเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1) ร่างรายงานและข้อเสนอแนะของโครงการที่จัดทำเสนอประธานธนาคารโลก
2) ร่างกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix)
3) ร่างหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา (Letter of Development Policy)
4) ร่างสัญญาเงินกู้ (Loan Agreement)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 21 กันยายน 2542--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการรายงานผลการเจรจาเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการกับธนาคารโลก แล้วมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการของหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา (Letter of Development Policy) และกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix)
2. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา
3. อนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกู้เงินจากธนาคารโลกวงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการ
4. อนุมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญากู้เงิน รวมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
5. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำความเห็นทางกฎหมายโดยด่วนต่อไปด้วย
ทั้งนี้ โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาครราชการกำหนดจะเสนอคณะกรรมการบริหารของธนาคารโลกในวันที่12 ตุลาคม 2542
อนึ่ง กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2541 อนุมัติแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2542 ในวงเงินเทียบเท่าไม่เกิน 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีมติเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2542 รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2542 ซึ่งได้อนุมัติการปรับปรุงแผนการก่อหนี้ฯ ประจำปีงบประมาณ 2542 (ครั้งที่ 1) ประกอบด้วยโครงการหลัก 25 โครงการ วงเงิน 5,828.69 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการสำรอง 10 โครงการ วงเงิน 967.60 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการจากธนาคารโลก วงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นโครงการหลักในแผนการก่อหนี้ฯ ด้วย นั้น
สำหรับสาระสำคัญของผลการเจรจาเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการจากธนาคารโลก สรุปได้ดังนี้
1. ธนาคารโลกได้ตกลงที่จะให้เงินกู้สำหรับโครงการปรับโครงสร้างภาคราชการวงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้กระทรวงการคลังในนามราชอาณาจักรไทย มีพันธะที่จะต้องจัดทำหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา (Letter of Development Policy - LDP) เพื่อแสดงความตั้งใจจริงที่จะดำเนินการปฏิรูประบบราชการโดยมุ่งเน้นปรับปรุงการบริหารจัดการทางการเงินและบุคคลปรับปรุงการให้บริการของภาครัฐ และความโปร่งใสในการบริหารงานราชการ พร้อมกันนั้นรัฐบาลไทยจะต้องจัดทำกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix) ซึ่งเป็นกรอบแผนงานต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการก่อนและหลังจากที่ได้นำโครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการบริหารของธนาคารโลก
2. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะผู้แทนไทยเจรจาในรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินกับธนาคารโลก สำหรับเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคราชการ (Public Sector Reform Loan) ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ คือ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง และที่ปรึกษากฎหมายกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้เจรจารายละเอียดเงื่อนไขการกู้เงินกับคณะผู้แทนธนาคารโลก สำหรับเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ระหว่างวันที่16 - 18 สิงหาคม 2542 โดยมีการพิจารณาร่างเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1) ร่างรายงานและข้อเสนอแนะของโครงการที่จัดทำเสนอประธานธนาคารโลก
2) ร่างกรอบมาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix)
3) ร่างหนังสือแสดงนโยบายเพื่อการพัฒนา (Letter of Development Policy)
4) ร่างสัญญาเงินกู้ (Loan Agreement)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 21 กันยายน 2542--