ทำเนียบรัฐบาล--14 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ ตั้งแต่วันที่
14 พฤศจิกายน 2540 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2542 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งประกอบด้วย สถานะหนี้สินและภาระผูกพัน
ของรัฐบาล หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และหนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังมีสาระสำคัญ
ดังนี้
1. สถานะหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล
ยอดหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 เท่ากับ 1,710,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอด
คงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2540 ทั้งสิ้น 771,294 ล้านบาท ดังแสดงในตารางด้านล่างนี้
หน่วย : ล้านบาท
พ.ย.2540 มิย .2542 เพิ่มขึ้น (ลดลง)
1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 259,156 908,803 649,647
1.1 หนี้ในประเทศ 33,753 587,641 553,888
1.2 หนี้ต่างประเทศ 225,403 321,162 95,759
2. หนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 679,796 801,444 121,648
2.1 หนี้ในประเทศ 320,502 367,810 47,308
2.2 หนี้ต่างประเทศ 359,294 433,634 74,340
3. รวมหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล 938,952 1,710,246 771,294
3.1 หนี้ในประเทศ 354,255 955,451 601,196
3.2 หนี้ต่างประเทศ 584,697 754,795 170,099
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/เหรียญสหรัฐฯ) 40.2372 37.0009
ที่มา : กรมบัญชีกลาง
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ยอดหนี้คงค้างที่รัฐบาลกู้โดยตรง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 เท่ากับ 908,803 ล้านบาท
ซึ่งประกอบด้วยหนี้ในประเทศ 587,641 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 321,162 ล้านบาท
1) หนี้ในประเทศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2540 ยอดคงค้างหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรง เท่ากับ 33,753
ล้านบาท และได้เพิ่มขึ้นเป็น 587,641 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 553,888 ล้านบาท ซึ่งยอดหนี้คงค้าง
ที่เปลี่ยนแปลงนี้ เกิดจากการออกพันธบัตร 3 รายการ ได้แก่ พันธบัตรเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน
500,000 ล้านบาท พันธบัตรโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง จำนวน 38,210 ล้านบาท และพันธบัตรเพื่อ
ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ปี 2542 จำนวน 25,000 ล้านบาท รวมวงเงิน 563,210 ล้านบาท และหักการชำระหนี้คืนต้น
เงินกู้ 9,322 ล้านบาท
2) หนี้ต่างประเทศ ยอดคงค้างของหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2540 เท่ากับ
225,403 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5,602 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ยอดคงค้างดังกล่าวเท่ากับ 321,162 ล้านบาท หรือคิด
เป็น 8,680 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 95,759 ล้านบาท โดยเกิดจากการเบิกจ่ายเงิน
กู้ 3,290 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหักการชำระคืนต้นเงินกู้ 339 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นการเบิกจ่ายสุทธิ 2,950 ล้าน
เหรียญสหรัฐฯ โดยหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) และเงินกู้ภายใต้แผนมิยาซาวา
เพื่อนำมาเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้โครงการลงทุนเพื่อสังคม เงินกู้เพื่อเตรียมการ
ปรับโครงสร้างและจัดการด้านเศรษฐกิจมหภาค และมีเงินกู้โครงการของส่วนราชการและอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการเงินกู้
ที่ได้ทำสัญญาไว้ก่อนเดือนพฤศจิกายน 2540
1.2 หนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน
ยอดหนี้คงค้างที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 เท่ากับ 801,444 ล้านบาท ซึ่งประกอบ
ด้วยหนี้ในประเทศ 367,810 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 433,634 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดหนี้ดังกล่าวรวมทั้งหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ที่เป็นสถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
1) หนี้ในประเทศ หนี้ในประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นจาก 320,502 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน
พฤศจิกายน 2540 เป็น 367,810 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 47,308 ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจซึ่งมีหนี้
ในประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลาดังกล่าว 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) องค์การสวนยาง เพิ่มขึ้น
10,081 ล้านบาท เพื่อพยุงราคายาง 2) องค์การรถไฟฟ้ามหานคร 9,000 ล้านบาท 3) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 8,927
ล้านบาท 4) การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย 7,111 ล้านบาท และ 5) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 6,218 ล้านบาท ซึ่ง
ยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ รวมเป็นร้อยละ 87.4 ของยอดคงค้างหนี้ในประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันที่เพิ่ม
ขึ้นทั้งหมด
2) หนี้ต่างประเทศ หนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นจาก 359,294 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน
พฤศจิกายน 2540 เป็น 433,634 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 74,340 ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจและ
สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลาดังกล่าว 5 อันดับแรก ได้แก่
1) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้น 19,721 ล้านบาท 2) องค์การรถไฟฟ้ามหานคร 17,075
ล้านบาท 3) บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย 13,590 ล้านบาท 4) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 8,253
ล้านบาท และ 5) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 6,753 ล้านบาท ซึ่งยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
เหล่านี้ รวมเป็นร้อยละ 88.0 ของยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด
1.3 ยอดหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล ซึ่งเปลี่ยนแปลงจาก 938,952 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2540
เป็น 1,710,246 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 771,294 ล้านบาท นั้น สามารถจำแนกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงของหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 121,648 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.8
ของการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินและภาระผูกพันทั้งหมด แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 47,308 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 74,340
ล้านบาท
2) การเปลี่ยนแปลงของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานก่อนเดือนพฤศจิกายน 2540 ประกอบ
ด้วย พันธบัตรเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 500,000 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงซึ่งลงนามใน
สัญญาเงินกู้ก่อนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 แต่ เบิกจ่ายหลังวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 25,694 ล้านบาท รวมเปลี่ยน
แปลงเพิ่มขึ้นสุทธิ 525,694 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 68.2 ของการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินและภาระผูกพันทั้งหมด
3) การเปลี่ยนแปลงของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานหลังเดือนพฤศจิกายน 2540 ซึ่งเพิ่มขึ้น
สุทธิ 123,953 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.1 ของการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินและภาระผูกพันทั้งหมด ประกอบด้วยพันธบัตร
เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 25,000 ล้านบาท พันธบัตรโครงการช่วยเพิ่มเงินกองุทน 38,210 ล้านบาท การเบิกจ่าย
เงินกู้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงซึ่งลงนามในสัญญาเงินกู้หลังวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 81,081 ล้านบาท หัก
การชำระคืนต้นเงินกู้ของหนี้ในประเทศ 9,322 ล้านบาท และการชำระคืนต้นเงินกู้ของหนี้ต่างประเทศ 11,016 ล้านบาท
2. หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
หนี้สินรวมของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 57,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2539 เป็น 865,123
ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งหนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการระดมเงินกู้ยืมผ่านตลาดซื้อคืนพันธบัตรเพื่อให้ความช่วย
เหลือสถาบันการเงิน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ยังมีภาระผูกพันภายหน้าจากการ
อาวัลและโครงการแลกเปลี่ยนตั๋วอีกประมาณ 173,823 ล้านบาท ทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีหนี้สินและภาระผูกพันภายหน้า
รวม 1,038,946 ล้านบาท
3. หนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย
หนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย 1) ธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบ 2) หนี้สินต่อรัฐบาล ซึ่งส่วน
ใหญ่เป็นเงินฝากของกระทรวงการคลัง 3) หนี้สินต่อรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน
ต่าง ๆ และ 4) หนี้สินต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และหนี้สินต่างประเทศอื่นๆ
ซึ่งตามหลักสากลโดยทั่วไปแล้ว จะไม่นับหนี้สินของธนาคารกลางเป็นส่วนหนึ่งของหนี้สาธารณะ เนื่องจากหนี้สินเหล่านี้เป็นผล
จากการทำหน้าที่ตามปกติของธนาคารกลาง ทั้งในด้านการบริหารนโยบายการเงิน และการบริหารเงินทุนสำรองเงินตราต่าง
ประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 กันยายน 2542--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ ตั้งแต่วันที่
14 พฤศจิกายน 2540 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2542 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งประกอบด้วย สถานะหนี้สินและภาระผูกพัน
ของรัฐบาล หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และหนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังมีสาระสำคัญ
ดังนี้
1. สถานะหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล
ยอดหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 เท่ากับ 1,710,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอด
คงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2540 ทั้งสิ้น 771,294 ล้านบาท ดังแสดงในตารางด้านล่างนี้
หน่วย : ล้านบาท
พ.ย.2540 มิย .2542 เพิ่มขึ้น (ลดลง)
1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 259,156 908,803 649,647
1.1 หนี้ในประเทศ 33,753 587,641 553,888
1.2 หนี้ต่างประเทศ 225,403 321,162 95,759
2. หนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 679,796 801,444 121,648
2.1 หนี้ในประเทศ 320,502 367,810 47,308
2.2 หนี้ต่างประเทศ 359,294 433,634 74,340
3. รวมหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล 938,952 1,710,246 771,294
3.1 หนี้ในประเทศ 354,255 955,451 601,196
3.2 หนี้ต่างประเทศ 584,697 754,795 170,099
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/เหรียญสหรัฐฯ) 40.2372 37.0009
ที่มา : กรมบัญชีกลาง
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ยอดหนี้คงค้างที่รัฐบาลกู้โดยตรง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 เท่ากับ 908,803 ล้านบาท
ซึ่งประกอบด้วยหนี้ในประเทศ 587,641 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 321,162 ล้านบาท
1) หนี้ในประเทศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2540 ยอดคงค้างหนี้ในประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรง เท่ากับ 33,753
ล้านบาท และได้เพิ่มขึ้นเป็น 587,641 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 553,888 ล้านบาท ซึ่งยอดหนี้คงค้าง
ที่เปลี่ยนแปลงนี้ เกิดจากการออกพันธบัตร 3 รายการ ได้แก่ พันธบัตรเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน
500,000 ล้านบาท พันธบัตรโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง จำนวน 38,210 ล้านบาท และพันธบัตรเพื่อ
ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ปี 2542 จำนวน 25,000 ล้านบาท รวมวงเงิน 563,210 ล้านบาท และหักการชำระหนี้คืนต้น
เงินกู้ 9,322 ล้านบาท
2) หนี้ต่างประเทศ ยอดคงค้างของหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2540 เท่ากับ
225,403 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5,602 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ยอดคงค้างดังกล่าวเท่ากับ 321,162 ล้านบาท หรือคิด
เป็น 8,680 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 95,759 ล้านบาท โดยเกิดจากการเบิกจ่ายเงิน
กู้ 3,290 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหักการชำระคืนต้นเงินกู้ 339 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นการเบิกจ่ายสุทธิ 2,950 ล้าน
เหรียญสหรัฐฯ โดยหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) และเงินกู้ภายใต้แผนมิยาซาวา
เพื่อนำมาเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้โครงการลงทุนเพื่อสังคม เงินกู้เพื่อเตรียมการ
ปรับโครงสร้างและจัดการด้านเศรษฐกิจมหภาค และมีเงินกู้โครงการของส่วนราชการและอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการเงินกู้
ที่ได้ทำสัญญาไว้ก่อนเดือนพฤศจิกายน 2540
1.2 หนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน
ยอดหนี้คงค้างที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 เท่ากับ 801,444 ล้านบาท ซึ่งประกอบ
ด้วยหนี้ในประเทศ 367,810 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 433,634 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดหนี้ดังกล่าวรวมทั้งหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ที่เป็นสถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
1) หนี้ในประเทศ หนี้ในประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นจาก 320,502 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน
พฤศจิกายน 2540 เป็น 367,810 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 47,308 ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจซึ่งมีหนี้
ในประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลาดังกล่าว 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) องค์การสวนยาง เพิ่มขึ้น
10,081 ล้านบาท เพื่อพยุงราคายาง 2) องค์การรถไฟฟ้ามหานคร 9,000 ล้านบาท 3) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 8,927
ล้านบาท 4) การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย 7,111 ล้านบาท และ 5) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 6,218 ล้านบาท ซึ่ง
ยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ รวมเป็นร้อยละ 87.4 ของยอดคงค้างหนี้ในประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันที่เพิ่ม
ขึ้นทั้งหมด
2) หนี้ต่างประเทศ หนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นจาก 359,294 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน
พฤศจิกายน 2540 เป็น 433,634 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 74,340 ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจและ
สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลาดังกล่าว 5 อันดับแรก ได้แก่
1) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้น 19,721 ล้านบาท 2) องค์การรถไฟฟ้ามหานคร 17,075
ล้านบาท 3) บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย 13,590 ล้านบาท 4) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 8,253
ล้านบาท และ 5) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 6,753 ล้านบาท ซึ่งยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
เหล่านี้ รวมเป็นร้อยละ 88.0 ของยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด
1.3 ยอดหนี้สินและภาระผูกพันของรัฐบาล ซึ่งเปลี่ยนแปลงจาก 938,952 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2540
เป็น 1,710,246 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2542 หรือเพิ่มขึ้น 771,294 ล้านบาท นั้น สามารถจำแนกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงของหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 121,648 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.8
ของการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินและภาระผูกพันทั้งหมด แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 47,308 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 74,340
ล้านบาท
2) การเปลี่ยนแปลงของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานก่อนเดือนพฤศจิกายน 2540 ประกอบ
ด้วย พันธบัตรเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 500,000 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงซึ่งลงนามใน
สัญญาเงินกู้ก่อนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 แต่ เบิกจ่ายหลังวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 25,694 ล้านบาท รวมเปลี่ยน
แปลงเพิ่มขึ้นสุทธิ 525,694 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 68.2 ของการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินและภาระผูกพันทั้งหมด
3) การเปลี่ยนแปลงของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานหลังเดือนพฤศจิกายน 2540 ซึ่งเพิ่มขึ้น
สุทธิ 123,953 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.1 ของการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินและภาระผูกพันทั้งหมด ประกอบด้วยพันธบัตร
เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 25,000 ล้านบาท พันธบัตรโครงการช่วยเพิ่มเงินกองุทน 38,210 ล้านบาท การเบิกจ่าย
เงินกู้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงซึ่งลงนามในสัญญาเงินกู้หลังวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 จำนวน 81,081 ล้านบาท หัก
การชำระคืนต้นเงินกู้ของหนี้ในประเทศ 9,322 ล้านบาท และการชำระคืนต้นเงินกู้ของหนี้ต่างประเทศ 11,016 ล้านบาท
2. หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
หนี้สินรวมของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 57,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2539 เป็น 865,123
ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งหนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการระดมเงินกู้ยืมผ่านตลาดซื้อคืนพันธบัตรเพื่อให้ความช่วย
เหลือสถาบันการเงิน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ยังมีภาระผูกพันภายหน้าจากการ
อาวัลและโครงการแลกเปลี่ยนตั๋วอีกประมาณ 173,823 ล้านบาท ทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีหนี้สินและภาระผูกพันภายหน้า
รวม 1,038,946 ล้านบาท
3. หนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย
หนี้สินของธนาคารแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย 1) ธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบ 2) หนี้สินต่อรัฐบาล ซึ่งส่วน
ใหญ่เป็นเงินฝากของกระทรวงการคลัง 3) หนี้สินต่อรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน
ต่าง ๆ และ 4) หนี้สินต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และหนี้สินต่างประเทศอื่นๆ
ซึ่งตามหลักสากลโดยทั่วไปแล้ว จะไม่นับหนี้สินของธนาคารกลางเป็นส่วนหนึ่งของหนี้สาธารณะ เนื่องจากหนี้สินเหล่านี้เป็นผล
จากการทำหน้าที่ตามปกติของธนาคารกลาง ทั้งในด้านการบริหารนโยบายการเงิน และการบริหารเงินทุนสำรองเงินตราต่าง
ประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 กันยายน 2542--