ทำเนียบรัฐบาล--17 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา(กรรมการร่างกฎหมาย คณะพิเศษ) เกี่ยวกับการวางแบบกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้กำหนดรูปแบบการร่างกฎหมายในเรื่องการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและสอดคล้องกับมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และแจ้งเวียนให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติต่อไปทั้งนี้ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 ได้บัญญัติให้การตรากฎหมายที่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลต้องระบุบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจตรากฎหมายเช่นนั้นไว้ด้วย ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องใหม่และมีผลทำให้ต้องมีการกำหนดรูปแบบของกฎหมายแตกต่างจากที่เคยดำเนินการ ฉะนั้น เพื่อให้มีการกำหนดรูปแบบกฎหมายในกรณีดังกล่าวให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และใช้เป็นแบบมาตรฐานของการตรากฎหมายลักษณะดังกล่าวให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะพิเศษ) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า แนวทางที่เหมาะสมในการอ้างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญควรยกร่างขึ้นเป็นอีกมาตราหนึ่งในพระราชบัญญัติ เพื่อระบุว่าพระราชบัญญัตินั้นเป็นเรื่องการจำกัดสิทธิและเสรีภาพหรือมีส่วนเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในเรื่องใดบ้าง รวมทั้งได้กำหนดแบบและวิธีการเขียนสำหรับพระราช-บัญญัติและกฎหมายลำดับรอง (กฎหรือข้อบังคับ) ไว้ด้วยแล้ว ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้ใช้แนวทางตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดดังกล่าวเป็นรูปแบบในการตรวจร่างกฎหมายทุกฉบับต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 มีนาคม 2541--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา(กรรมการร่างกฎหมาย คณะพิเศษ) เกี่ยวกับการวางแบบกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งได้กำหนดรูปแบบการร่างกฎหมายในเรื่องการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและสอดคล้องกับมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และแจ้งเวียนให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติต่อไปทั้งนี้ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 ได้บัญญัติให้การตรากฎหมายที่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลต้องระบุบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจตรากฎหมายเช่นนั้นไว้ด้วย ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องใหม่และมีผลทำให้ต้องมีการกำหนดรูปแบบของกฎหมายแตกต่างจากที่เคยดำเนินการ ฉะนั้น เพื่อให้มีการกำหนดรูปแบบกฎหมายในกรณีดังกล่าวให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และใช้เป็นแบบมาตรฐานของการตรากฎหมายลักษณะดังกล่าวให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะพิเศษ) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า แนวทางที่เหมาะสมในการอ้างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญควรยกร่างขึ้นเป็นอีกมาตราหนึ่งในพระราชบัญญัติ เพื่อระบุว่าพระราชบัญญัตินั้นเป็นเรื่องการจำกัดสิทธิและเสรีภาพหรือมีส่วนเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในเรื่องใดบ้าง รวมทั้งได้กำหนดแบบและวิธีการเขียนสำหรับพระราช-บัญญัติและกฎหมายลำดับรอง (กฎหรือข้อบังคับ) ไว้ด้วยแล้ว ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้ใช้แนวทางตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดดังกล่าวเป็นรูปแบบในการตรวจร่างกฎหมายทุกฉบับต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 17 มีนาคม 2541--