แท็ก
สำนักนายกรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--29 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายสังคมให้ความเห็นชอบนโยบายและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไข ปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวจะ ต้องนำเสนอให้ที่ประชุม FIRST WORLD CONGRESS ในระหว่างวันที่ 27 - 31 สิงหาคม 2539 ที่ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ทราบ และให้ความเห็นชอบข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมการประสาน การปฏิบัติการแก้ปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ (ปปพ.) และคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรี แห่งชาติ (กสส.) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1.1 แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ มีนโยบายของรัฐ 3 ข้อคือ
1)ขจัดมิให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งหญิงและชายเข้าสู่ธุรกิจบริการทางเพศ โดยเด็ดขาด
2) ห้ามมิให้มีการล่อลวง การบังคับขู่เข็ญ การเอารัดเอาเปรียบ และการทำ ร้ายทารุณทุกรูปแบบในการดำเนินการธุรกิจบริการทางเพศ
3) ให้มีการลงโทษผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่มีส่วนในการนำเด็กเข้าสู่ธุรกิจบริการทาง เพศ และลงโทษ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ละเลยหรือไม่ดำเนินการตามนโยบาย กฎหมาย กฎ และระ เบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
1.2 แผนปฏิบัติการดังกล่าวประกอบด้วย 5 แผนงานหลัก คือ
1) แผนงานป้องกันมิให้เด็กและสตรีเข้าสู่วงจรธุรกิจบริการทางเพศ เน้นการเฝ้า ระวังและป้องกันปัญหาเป็นหลัก รวมทั้งการขจัดปัจจัยเสี่ยงที่เด็กและสตรีจะถูกผลักดันหรือดึงเข้าสู่ธุร กิจบริการทางเพศ โดยมีการเฝ้าระวังสำรวจ วิจัย และติดตามประเมินผลเกี่ยวกับสถานการณ์และ สภาพปัญหาของธุรกิจบริการทางเพศให้เป็นไปอย่างทันเหตุการณ์ การสกัดกั้นมิให้การล่อลวงหรือนำพา เด็กและหญิงทั้งในและนอกประเทศเพื่อการประกอบธุรกิจบริการทางเพศ การรณรงค์เผยแพร่ประชา สัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างค่านิยมที่ดี และระดมการมีส่วนร่วมจากสังคมในวงกว้างในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา รวมทั้งการจัดบริการสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒ นาตามวัยและไม่เข้าสู่วงจรธุรกิจบริการทางเพศอีกด้วย
2) แผนงานปราบปราม เน้นการบัญญัติกฎหมายใหม่และปรับปรุงกฎหมาย ระ เบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาปัจจุบัน และเร่งผลักดันให้มีการพิจารณาออกกฎ หมายใหม่โดยเร็ว และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง การส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องของผู้ใช้กฎ หมาย รวมทั้งปรับกระบวนการทางยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจบริการทางเพศอย่างแท้จริง
3) แผนช่วยเหลือและคุ้มครอง จากการถูกกระทำทารุณ ทำร้ายร่างกายและจิตใจ รวมทั้งการจัดบริการให้ความช่วยเหลือทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นระบบครบวงจร และเพื่อ เสนอทางเลือกแก่หญิงในการประกอบอาชีพอื่น ๆ
4) แผนงานช่วยเหลือฟื้นฟูและปรับตัวเข้าสู่สังคมปกติ เน้นการฟื้นฟูทั้งร่างกายและ จิตใจแก่เด็กที่พ้นจากงานบริการทางเพศ โดยให้บริการที่พัก การศึกษา การฝึอบรมอาชีพ การจัดหา งาน รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคเอกชนได้เข้าดำเนินการในสถานสงเคราะห์ของรัฐได้
5) แผนงานจัดโครงสร้าง กลไก และระบบงานที่กำกับ ควบคุม ติดตาม และ เร่งรัดการปฏิบัติงานเน้นการระดมความร่วมมือในการประสานงานกลไกทั้งในระดับท้องถิ่นไปจนถึงระ ดับจังหวัด กลไกระดับชาติและกลไกระหว่างประเทศที่มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถ ป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบในทุกพื้นที่โดยใช้องค์กรที่มีอยู่แล้วเป็นหลักในการดำเนินงาน รวมทั้งการสร้างกลไกการประสานความร่วมมือใรการส่งเด็กกลับภูมิลำเนา และการติดตามการดำเนิน คดีกับผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็ก
2.ข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมการประสานการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ (ปปพ.) และคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ที่เสนอเพิ่มเติม ดังนี้
1) ถึงแม้ว่าจะมีแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ กฎหมาย และหน่วยงานหลักในเรื่องนี้แล้วก็ตาม แต่การดำเนินงานป้องกันและปราบปรามธุรกิจบริการทางเพศจะ ได้ผลจริงจังยิ่งขึ้นต่อเมื่อผู้บริหารระดับสูงของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐ มนตรี และรัฐมนตรีด้านสังคม ให้ความสำคัญต่อเนื่อง นอกจากนั้น อธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดี กรมตำรวจ ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับสูงและผลักดันการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในรัฐ บาลทุกยุคทุกสมัย
2)ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ส่วนใหญ่มีลักษณะรวมศูนย์ ทั้งใน โครงสร้างและระบบปฏิบัติงาน ทำให้การดำเนินงานขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลการประสาน กิจกรรมและการติดตามงาน จึงเป็นเรื่องที่ต้องได้รับความสนใจ มิฉะนั้นจะเป็นการต่างคนต่างทำ
3) แผนปฏิบัติการดังกล่าวมีกิจกรรมส่วนหนึ่งเป็นภารกิจปกติของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง อย่างไรก็ดีบางกิจกรรมยังต้องการงบประมาณเพิ่มเพื่อให้มีผลอย่างรวดเร็ว และในบางกรณีมี กิจกรรมใหม่ที่ต้องการงบประมาณต่างหาก
4) กระทรวงการต่างประเทศจะต้องให้ความช่วยเหลือในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ธุรกิจบริการทางเพศที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ รวมทั้งการให้ข้อมูลข่าวสารแก่สื่อมวลชนต่างประเทศที่ ทางกรมตำรวจและ กสส. จะช่วยกันจัดให้ต่อไปตามแผนปฏิบัติการนี้
5) การสนับสนุนส่งเสริมองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ที่ดำเนินงานตามนโยบายและ แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ จะต้องเป็นไปอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องยิ่ง ขึ้น โดยการให้เงินอุดหนุนจากงบประมาณช่วยเหลือการดำเนินงาน และการช่วยเหลือทางวิชาการ จากภาครัฐ เป็นต้น
3. ให้คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ดำเนินการให้หน่วย งานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการไปจัดทำโครงการและกิจกรรม จัดลำดับความสำคัญ ของโครงการและกิจกรรมที่จะดำเนินการเป็นรายปี และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุน เป็นพิเศษตามความเหมาะสม โดยถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
4. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งผลการดำเนินงานทุก 6 เดือน ต่อคณะกรรมการ กสส. ซึ่ง เป็นหน่วยงานกลางประสานการปฏิบัติ รวมทั้งติดตามงานและรายงานผลต่อคณะกรรมการระดับชาติ ซึ่ง ประกอบด้วยผู้แทนจาก อาทิ คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนระดับชาติ คณะกรรมการส่งเสริมสวัส ดิการแห่งชาติ คณะกรรมการคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ กสส. เป็นต้น ตามลำดับ และให้คณะรัฐมนตรีได้ รับทราบผลงาน ปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยมติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินงานให้บรรลุนโยบาย ของรัฐตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศตามข้อ 1.
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายสังคม (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 26 สิงหาคม 2539--
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายสังคมให้ความเห็นชอบนโยบายและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไข ปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวจะ ต้องนำเสนอให้ที่ประชุม FIRST WORLD CONGRESS ในระหว่างวันที่ 27 - 31 สิงหาคม 2539 ที่ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ทราบ และให้ความเห็นชอบข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมการประสาน การปฏิบัติการแก้ปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ (ปปพ.) และคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรี แห่งชาติ (กสส.) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1.1 แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ มีนโยบายของรัฐ 3 ข้อคือ
1)ขจัดมิให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งหญิงและชายเข้าสู่ธุรกิจบริการทางเพศ โดยเด็ดขาด
2) ห้ามมิให้มีการล่อลวง การบังคับขู่เข็ญ การเอารัดเอาเปรียบ และการทำ ร้ายทารุณทุกรูปแบบในการดำเนินการธุรกิจบริการทางเพศ
3) ให้มีการลงโทษผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่มีส่วนในการนำเด็กเข้าสู่ธุรกิจบริการทาง เพศ และลงโทษ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ละเลยหรือไม่ดำเนินการตามนโยบาย กฎหมาย กฎ และระ เบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
1.2 แผนปฏิบัติการดังกล่าวประกอบด้วย 5 แผนงานหลัก คือ
1) แผนงานป้องกันมิให้เด็กและสตรีเข้าสู่วงจรธุรกิจบริการทางเพศ เน้นการเฝ้า ระวังและป้องกันปัญหาเป็นหลัก รวมทั้งการขจัดปัจจัยเสี่ยงที่เด็กและสตรีจะถูกผลักดันหรือดึงเข้าสู่ธุร กิจบริการทางเพศ โดยมีการเฝ้าระวังสำรวจ วิจัย และติดตามประเมินผลเกี่ยวกับสถานการณ์และ สภาพปัญหาของธุรกิจบริการทางเพศให้เป็นไปอย่างทันเหตุการณ์ การสกัดกั้นมิให้การล่อลวงหรือนำพา เด็กและหญิงทั้งในและนอกประเทศเพื่อการประกอบธุรกิจบริการทางเพศ การรณรงค์เผยแพร่ประชา สัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างค่านิยมที่ดี และระดมการมีส่วนร่วมจากสังคมในวงกว้างในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา รวมทั้งการจัดบริการสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒ นาตามวัยและไม่เข้าสู่วงจรธุรกิจบริการทางเพศอีกด้วย
2) แผนงานปราบปราม เน้นการบัญญัติกฎหมายใหม่และปรับปรุงกฎหมาย ระ เบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาปัจจุบัน และเร่งผลักดันให้มีการพิจารณาออกกฎ หมายใหม่โดยเร็ว และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง การส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องของผู้ใช้กฎ หมาย รวมทั้งปรับกระบวนการทางยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจบริการทางเพศอย่างแท้จริง
3) แผนช่วยเหลือและคุ้มครอง จากการถูกกระทำทารุณ ทำร้ายร่างกายและจิตใจ รวมทั้งการจัดบริการให้ความช่วยเหลือทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นระบบครบวงจร และเพื่อ เสนอทางเลือกแก่หญิงในการประกอบอาชีพอื่น ๆ
4) แผนงานช่วยเหลือฟื้นฟูและปรับตัวเข้าสู่สังคมปกติ เน้นการฟื้นฟูทั้งร่างกายและ จิตใจแก่เด็กที่พ้นจากงานบริการทางเพศ โดยให้บริการที่พัก การศึกษา การฝึอบรมอาชีพ การจัดหา งาน รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคเอกชนได้เข้าดำเนินการในสถานสงเคราะห์ของรัฐได้
5) แผนงานจัดโครงสร้าง กลไก และระบบงานที่กำกับ ควบคุม ติดตาม และ เร่งรัดการปฏิบัติงานเน้นการระดมความร่วมมือในการประสานงานกลไกทั้งในระดับท้องถิ่นไปจนถึงระ ดับจังหวัด กลไกระดับชาติและกลไกระหว่างประเทศที่มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถ ป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบในทุกพื้นที่โดยใช้องค์กรที่มีอยู่แล้วเป็นหลักในการดำเนินงาน รวมทั้งการสร้างกลไกการประสานความร่วมมือใรการส่งเด็กกลับภูมิลำเนา และการติดตามการดำเนิน คดีกับผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็ก
2.ข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมการประสานการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ (ปปพ.) และคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ที่เสนอเพิ่มเติม ดังนี้
1) ถึงแม้ว่าจะมีแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ กฎหมาย และหน่วยงานหลักในเรื่องนี้แล้วก็ตาม แต่การดำเนินงานป้องกันและปราบปรามธุรกิจบริการทางเพศจะ ได้ผลจริงจังยิ่งขึ้นต่อเมื่อผู้บริหารระดับสูงของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐ มนตรี และรัฐมนตรีด้านสังคม ให้ความสำคัญต่อเนื่อง นอกจากนั้น อธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดี กรมตำรวจ ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับสูงและผลักดันการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในรัฐ บาลทุกยุคทุกสมัย
2)ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ส่วนใหญ่มีลักษณะรวมศูนย์ ทั้งใน โครงสร้างและระบบปฏิบัติงาน ทำให้การดำเนินงานขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลการประสาน กิจกรรมและการติดตามงาน จึงเป็นเรื่องที่ต้องได้รับความสนใจ มิฉะนั้นจะเป็นการต่างคนต่างทำ
3) แผนปฏิบัติการดังกล่าวมีกิจกรรมส่วนหนึ่งเป็นภารกิจปกติของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง อย่างไรก็ดีบางกิจกรรมยังต้องการงบประมาณเพิ่มเพื่อให้มีผลอย่างรวดเร็ว และในบางกรณีมี กิจกรรมใหม่ที่ต้องการงบประมาณต่างหาก
4) กระทรวงการต่างประเทศจะต้องให้ความช่วยเหลือในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ธุรกิจบริการทางเพศที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ รวมทั้งการให้ข้อมูลข่าวสารแก่สื่อมวลชนต่างประเทศที่ ทางกรมตำรวจและ กสส. จะช่วยกันจัดให้ต่อไปตามแผนปฏิบัติการนี้
5) การสนับสนุนส่งเสริมองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ที่ดำเนินงานตามนโยบายและ แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ จะต้องเป็นไปอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องยิ่ง ขึ้น โดยการให้เงินอุดหนุนจากงบประมาณช่วยเหลือการดำเนินงาน และการช่วยเหลือทางวิชาการ จากภาครัฐ เป็นต้น
3. ให้คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ดำเนินการให้หน่วย งานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการไปจัดทำโครงการและกิจกรรม จัดลำดับความสำคัญ ของโครงการและกิจกรรมที่จะดำเนินการเป็นรายปี และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุน เป็นพิเศษตามความเหมาะสม โดยถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
4. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งผลการดำเนินงานทุก 6 เดือน ต่อคณะกรรมการ กสส. ซึ่ง เป็นหน่วยงานกลางประสานการปฏิบัติ รวมทั้งติดตามงานและรายงานผลต่อคณะกรรมการระดับชาติ ซึ่ง ประกอบด้วยผู้แทนจาก อาทิ คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนระดับชาติ คณะกรรมการส่งเสริมสวัส ดิการแห่งชาติ คณะกรรมการคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ กสส. เป็นต้น ตามลำดับ และให้คณะรัฐมนตรีได้ รับทราบผลงาน ปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยมติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินงานให้บรรลุนโยบาย ของรัฐตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศตามข้อ 1.
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายสังคม (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 26 สิงหาคม 2539--