คณะรัฐมนตรีพิจารณาการออกกฎกระทรวง ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. กรณีบุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่ธนาคารหรือเอกชนเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัย บุคคลธรรมดาไม่สามารถนำหลักฐานใบนำฝากหรือใบรับชั่วคราวของธนาคารหรือเอกชนไปเป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติภัย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงกำหนดให้บุคคลธรรมดาซึ่งบริจาคให้แก่ธนาคารหรือเอกชนสามารถหักลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับการบริจาคให้แก่ส่วนราชการ อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันมิให้มีการรับบริจาคโดยไม่มีเจตนาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัยจริง จึงกำหนดให้เอกชนผู้รับบริจาคต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเท่านั้น และการบริจาคต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมสรรพากรกำหนด ซึ่งกรมสรรพากรจะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เช่นเดียวกับกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคผ่านธนาคารหรือเอกชน ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งดำเนินงานในลักษณะเป็นสื่อกลางในการรับบริจาคอย่างเปิดเผยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัยตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 หรือต้องนำเงินหรือทรัพย์สินที่รับบริจาคทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัยโดยตรง และต้อจัดส่งเอกสารหลักฐาน ได้แก่ สำเนาบัญชีการรับเงินบริจาค ซึ่งต้องแยกออกจากบัญชีการดำเนินงานตามปกติ สำเนาบัญชีแสดงรายการจ่ายค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัย สำเนารายชื่อผู้บริจาค และสำเนาใบนำฝากหรือใบรับเงินชั่วคราวที่ออกให้แก่ผู้บริจาคให้แก่กรมสรรพากร โดยให้จัดส่งภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 และภายหลังจากวันที่ 31พฤษภาคม 2548 หากยังมีเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคเหลืออยู่ ให้ธนาคารหรือเอกชนนำส่งมอบให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศลต่อไป
2. การดำเนินงานสามารถกระทำได้โดยการออกกฎกระทรวงเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 มกราคม 2548--จบ--
1. กรณีบุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่ธนาคารหรือเอกชนเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัย บุคคลธรรมดาไม่สามารถนำหลักฐานใบนำฝากหรือใบรับชั่วคราวของธนาคารหรือเอกชนไปเป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติภัย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงกำหนดให้บุคคลธรรมดาซึ่งบริจาคให้แก่ธนาคารหรือเอกชนสามารถหักลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับการบริจาคให้แก่ส่วนราชการ อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันมิให้มีการรับบริจาคโดยไม่มีเจตนาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัยจริง จึงกำหนดให้เอกชนผู้รับบริจาคต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเท่านั้น และการบริจาคต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมสรรพากรกำหนด ซึ่งกรมสรรพากรจะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เช่นเดียวกับกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคผ่านธนาคารหรือเอกชน ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งดำเนินงานในลักษณะเป็นสื่อกลางในการรับบริจาคอย่างเปิดเผยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัยตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 หรือต้องนำเงินหรือทรัพย์สินที่รับบริจาคทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัยโดยตรง และต้อจัดส่งเอกสารหลักฐาน ได้แก่ สำเนาบัญชีการรับเงินบริจาค ซึ่งต้องแยกออกจากบัญชีการดำเนินงานตามปกติ สำเนาบัญชีแสดงรายการจ่ายค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุธรณีพิบัติภัย สำเนารายชื่อผู้บริจาค และสำเนาใบนำฝากหรือใบรับเงินชั่วคราวที่ออกให้แก่ผู้บริจาคให้แก่กรมสรรพากร โดยให้จัดส่งภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 และภายหลังจากวันที่ 31พฤษภาคม 2548 หากยังมีเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคเหลืออยู่ ให้ธนาคารหรือเอกชนนำส่งมอบให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศลต่อไป
2. การดำเนินงานสามารถกระทำได้โดยการออกกฎกระทรวงเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 มกราคม 2548--จบ--