ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 เรื่อง หลักเกณฑ์การรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ

ข่าวการเมือง Tuesday May 12, 2015 16:39 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 เรื่อง หลักเกณฑ์การรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 เรื่อง หลักเกณฑ์การรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ โดยให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ ดังนี้

จากเดิม “ให้ส่งรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการวิจัย (เว้นแต่กรณีที่เป็นเอกสาร หรือรายงานที่ระบุชั้นความลับไว้) ไปให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน หลังจากการเดินทางกลับ โดยให้จัดทำข้อมูลในรูปเอกสาร และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จำนวนอย่างละ 1 ชุด ตามรูปแบบและวิธีการที่ วช. กำหนด”

ปรับปรุงเป็น “ให้หน่วยงานที่ส่งบุคลากรไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ จัดทำข้อมูลและเก็บรวบรวมรายงานการไปราชการฯ ไว้ในเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆ (เว้นแต่กรณีที่เป็นเอกสาร หรือรายงานที่ระบุชั้นความลับไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน หลังจากการเดินทางกลับ”

สาระสำคัญของเรื่อง

วช. รายงานว่า

1. ด้วยในปัจจุบันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการเชื่อมโยงผ่านระบบเครือข่ายในทุกแห่ง ทุกหน่วยงานต่างได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสาร และมีการจัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นระบบ สามารถสืบค้นหาข้อมูลได้จากทุก ๆ ที่ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ประกอบกับในปัจจุบัน วช. ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับการปฏิรูประบบวิจัยโดยมุ่งหวังให้เกิดการวิจัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีระบบที่ครอบคลุมกลไก และกระบวนการต่าง ๆ ในโครงสร้างของระบบวิจัย ทั้งระดับนโยบายในการกำหนดทิศทาง และวางนโยบายการวิจัยแห่งชาติ การจัดการทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัย และโครงสร้างในระดับปฏิบัติการวิจัย โดย วช. ได้ร่วมกับเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) และหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ ได้พัฒนาระบบบริหารจัดการงานวิจัยของประเทศ (National Research Management System : NRMS) เพื่อเป็นเครื่องมือประสานความร่วมมือด้านการวิจัย และงบประมาณวิจัยระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลการวิจัยของประเทศ (National Research Data Base : NRDB) เพื่อเป็นการบูรณาการข้อมูลด้านการวิจัย เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการตัดสินใจของนักวิชาการและผู้บริหาร ทั้งในระดับหน่วยงาน และระดับประเทศ และระบบคลังข้อมูลงานวิจัยไทย (Thai National Research Repository : TNRR) ขึ้นมาเพื่อเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลการวิจัย โครงการวิจัย นักวิจัย และผลงานจากโครงการวิจัยของหน่วยงานวิจัยในประเทศไทยในลักษณะเครือข่ายความร่วมมือกัน

2. การรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งหน่วยงานที่ต้องจัดทำรายงานส่ง วช. ตามมติคณะรัฐมนตรี (ข้อ 2) หน่วยงานสามารถดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลด้วยหน่วยงานตนเองได้อย่างสะดวกกว่าเดิมแล้ว รวมทั้งยังสามารถนำออกมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆ ได้สะดวกรวดเร็ว ซึ่งข้อมูลจากฐานข้องดังกล่าวจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับหน่วยงานอื่น และประชาชนผู้สนใจได้อย่างมีประสิทธิผลมากกว่าการมีฐานข้อมูลฯ ไว้ที่ วช. อีกทั้งผู้สนใจข้อมูลนั้น ๆ ยังสามารถปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของหน่วยงานซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลได้โดยตรง ทำให้เกิดความชัดเจนได้ดียิ่งขึ้น

3. ที่ผ่านมา วช. ได้รับข้อมูลรายงานการไปราชการ ประชุม สัมมนา ศึกษาฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย ดูงาน ณ ต่างประเทศ และการไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไปต่างประเทศเท่านั้น ส่วนข้อมูลในเชิงวิชาการและการวิจัยเป็นเพียงข้อมูลชั้นปฐมภูมิ ไม่มีรายละเอียดในเชิงวิชาการที่จะนำมาวิเคราะห์/สังเคราะห์สำหรับที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้มากนัก วช. ได้พิจารณาความคุ้มค่าของการมีฐานข้อมูลดังกล่าวแล้ว เห็นว่าไม่เกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่กับการดำเนินงานที่ผ่านมา

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 พฤษภาคม 2558--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ