ทำเนียบรัฐบาล--18 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายกร่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป โดยได้แก้ไขวันบังคับใช้จากเดิม วันที่ 1 มกราคม 2540 เป็น วันที่ 1 เมษายน 2540 และอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติหลักการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เนื่องจากร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเลมีหลักการให้ยุบองค์การเหมืองแร่ในทะเล จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเลดังกล่าว
ร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเล พ.ศ. .... มีหลักการให้ยุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเล เนื่องจากราคาแร่ดีบุกในตลาดโลกได้ตกต่ำต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน ไม่เป็นการเหมาะสมที่องค์การเหมืองแร่ในทะเลจะดำเนินการธุรกิจนี้ต่อไป และมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1) ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเล พ.ศ.2518 และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2527
2) ให้ยุบเลิกกิจการองค์การเหมืองแร่ในทะเลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2540 แต่ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี
3) กำหนดให้มีการชำระบัญชีกิจการองค์การเหมืองแร่ในทะเล โดยคณะกรรมการผู้ชำระบัญชี ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแต่งตั้ง จำนวนไม่เกินเก้าคน ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทนสำนักงบประมาณ และให้คณะกรรมการเสนอรายงานการชำระบัญชีตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่ออนุมัติ และนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี
4) กำหนดให้คณะกรรมการผู้ชำระบัญชีด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีอำนาจโอนประทานบัตรขององค์การเหมืองแร่ในทะเลให้แก่รัฐวิสาหกิจหรือเอกชนโดยได้รับค่าตอบแทนจากการโอนประทานบัตรนั้น
5) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2540--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายกร่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป โดยได้แก้ไขวันบังคับใช้จากเดิม วันที่ 1 มกราคม 2540 เป็น วันที่ 1 เมษายน 2540 และอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติหลักการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เนื่องจากร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเลมีหลักการให้ยุบองค์การเหมืองแร่ในทะเล จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเลดังกล่าว
ร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเล พ.ศ. .... มีหลักการให้ยุบเลิกองค์การเหมืองแร่ในทะเล เนื่องจากราคาแร่ดีบุกในตลาดโลกได้ตกต่ำต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน ไม่เป็นการเหมาะสมที่องค์การเหมืองแร่ในทะเลจะดำเนินการธุรกิจนี้ต่อไป และมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1) ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเล พ.ศ.2518 และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การเหมืองแร่ในทะเล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2527
2) ให้ยุบเลิกกิจการองค์การเหมืองแร่ในทะเลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2540 แต่ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี
3) กำหนดให้มีการชำระบัญชีกิจการองค์การเหมืองแร่ในทะเล โดยคณะกรรมการผู้ชำระบัญชี ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแต่งตั้ง จำนวนไม่เกินเก้าคน ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทนสำนักงบประมาณ และให้คณะกรรมการเสนอรายงานการชำระบัญชีตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่ออนุมัติ และนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี
4) กำหนดให้คณะกรรมการผู้ชำระบัญชีด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีอำนาจโอนประทานบัตรขององค์การเหมืองแร่ในทะเลให้แก่รัฐวิสาหกิจหรือเอกชนโดยได้รับค่าตอบแทนจากการโอนประทานบัตรนั้น
5) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2540--