ทำเนียบรัฐบาล--20 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจได้พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีหลักการสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. โดยที่ในปัจจุบันปัญหาสังคมในเรื่องเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำของรายได้การกระจายรายได้ และระดับความเจริญที่แตกต่างกันระหว่างสังคมเมืองและชนบทได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในขณะที่องค์กรชุมชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคมยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร เนื่องจากประสบปัญหาขาดความรู้และทักษะในการบริหารจัดการและมีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ ทำให้ยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งของชุมชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวสมควรจัดตั้งองค์การของรัฐบาลเพื่อทำหน้าที่เป็นสถาบันกลางทางการเงินและการพัฒนาเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนองค์กรชุมชนให้มีความเข้มแข็งมีกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีทักษะในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพอันจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและยั่งยืน
2. ให้มีการจัดตั้งองค์กรของรัฐบาลชื่อ “สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน”สังกัดกระทรวงการคลัง มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรของรัฐบาล พ.ศ. 2496โดยการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและในระยะต่อไปเมื่อถึงเวลาอันสมควรให้ออกเป็นพระราชบัญญัติทำหน้าที่เป็นสถาบันกลางทางการเงินและการพัฒนาเพื่อส่งเสริมสนับสนุนองค์กรชุมชนและเครือข่ายองค์กรชุมชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในชนบทและในเมือง ให้มีความเข้มแข็งและมีความสามารถในการบริหารจัดการ พัฒนาช่วยเหลือตนเองได้ต่อไป
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจหลายท่านมีความเห็นทักท้วงว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่เนื่องจากมีหน่วยงานเดิมของทางราชการหลายหน่วยงานรับผิดชอบอยู่เดิมแล้วและการพัฒนาองค์กรชุมชนนี้จะมีผลและอุปสรรคเพียงใดต่อการจัดระเบียบชุมชนจึงให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลับไปทำแผนปฏิบัติการโดยละเอียดเพื่อมาประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 20 มกราคม 2540--
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจได้พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีหลักการสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. โดยที่ในปัจจุบันปัญหาสังคมในเรื่องเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำของรายได้การกระจายรายได้ และระดับความเจริญที่แตกต่างกันระหว่างสังคมเมืองและชนบทได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในขณะที่องค์กรชุมชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคมยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร เนื่องจากประสบปัญหาขาดความรู้และทักษะในการบริหารจัดการและมีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ ทำให้ยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งของชุมชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวสมควรจัดตั้งองค์การของรัฐบาลเพื่อทำหน้าที่เป็นสถาบันกลางทางการเงินและการพัฒนาเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนองค์กรชุมชนให้มีความเข้มแข็งมีกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีทักษะในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพอันจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและยั่งยืน
2. ให้มีการจัดตั้งองค์กรของรัฐบาลชื่อ “สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน”สังกัดกระทรวงการคลัง มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรของรัฐบาล พ.ศ. 2496โดยการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและในระยะต่อไปเมื่อถึงเวลาอันสมควรให้ออกเป็นพระราชบัญญัติทำหน้าที่เป็นสถาบันกลางทางการเงินและการพัฒนาเพื่อส่งเสริมสนับสนุนองค์กรชุมชนและเครือข่ายองค์กรชุมชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในชนบทและในเมือง ให้มีความเข้มแข็งและมีความสามารถในการบริหารจัดการ พัฒนาช่วยเหลือตนเองได้ต่อไป
คณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจหลายท่านมีความเห็นทักท้วงว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่เนื่องจากมีหน่วยงานเดิมของทางราชการหลายหน่วยงานรับผิดชอบอยู่เดิมแล้วและการพัฒนาองค์กรชุมชนนี้จะมีผลและอุปสรรคเพียงใดต่อการจัดระเบียบชุมชนจึงให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลับไปทำแผนปฏิบัติการโดยละเอียดเพื่อมาประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 20 มกราคม 2540--