ทำเนียบรัฐบาล--13 ก.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ขยายระยะเวลาสิ้นสุดการกู้เงินภายใต้ Euro
Commercial Paper หรือ ECP Programme จากปี 2542 ต่อไปอีก 10 ปี และขยายวงเงินกู้จาก 300 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เป็น 1,000ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีเงื่อนไขการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ ดังนี้
ผู้กู้ (ผู้ออกตราสาร ECP) กระทรวงการคลังในนามราชอาณาจักรไทย
คณะผู้จัดจำหน่าย จำนวน 7 ราย ได้แก่ Barclays Capital, Citibank, Daiwa
Europe Ltd., Deutsche Bank, J.P.Morgan Securities
Ltd., Lehman Brothers Inc. และ Warburg Dillon Rea
ระยะเวลาการทำหน้าที่ Dealer 10 ปี แต่ทั้งสองฝ่ายสามารถขอยกเลิกได้ โดยแจ้งล่วงหน้า 30 วัน
วงเงิน*** 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ระยะเงินกู้ อย่างน้อย 7 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
การเบิกจ่ายเงินกู้ จะอยู่ในรูปแบบตราสาร ECP โดยผู้กู้มีสิทธิที่จะขอเบิกจ่ายเงินกู้ในสกุล
เหรียญสหรัฐฯ หรือสกุลอื่นที่หมุนเวียนในตลาดยูโร อาทิ สกุลเงินเยน
ปอนด์สเตอร์ลิง และ EURO ซึ่งรวมทั้งการทำ Swap
การกำหนดอัตราดอกเบี้ย กำหนดตามอัตรา LIBOR (London Inter Bank Offered Rate) และ
บวกหรือลบด้วยส่วนต่าง ซึ่งจะเป็นไปตามภาวะตลาดและระดับเครดิต
ของประเทศในช่วงจัดจำหน่าย
ค่าธรรมเนียมตัวแทนรับจ่ายเงิน ปีละ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ บวกค่าธรรมเนียมการออกพันธบัตร 25
เหรียญสหรัฐฯ ต่อ Global Note 1 ฉบับ และ 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ
Definitive Note 1 ฉบับ
ภาระภาษี ผู้กู้เป็นผู้รับภาระค่าภาษีที่เกิดขึ้นเนื่องจากการชำระเงินใด ๆ ภายใต้
ECP Programme รายนี้ (ขณะนี้ไม่มี)
ค่าวิเคราะห์เครดิต เป็นไปตามอัตรามาตรฐานที่จะตกลงกับบริษัทวิเคราะห์เครดิตแต่ละราย
โดยปัจจุบันได้จ่ายเหมารวมกับค่าวิเคราะห์เครดิตของประเทศแบบรายปี
กฎหมายที่ใช้บังคับ กฎหมายอังกฤษ
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามสัญญามาตรฐานการกู้เงินในรูป ECP
*** อนึ่ง สำหรับวงเงินกู้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก วงเงิน 500
ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะใช้สำหรับการทำ Refinance เงินกู้ต่างประเทศ และส่วนที่สอง วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะ
ใช้สำหรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ และเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการใช้เงิน
กู้ภายใต้ ECP Programme ดังนี้
1.วงเงินสำหรับการทำ Refinance
1.1 เพื่อใช้ในการทำ Refinance เงินกู้ต่างประเทศของภาครัฐบาล โดยกำหนดจะนำมาใช้เป็นการชั่ว
คราวก่อนที่จะพิจารณากู้เงินระยะยาวตามความเหมาะสมของภาวะตลาดต่อไป
1.2 เพื่อใช้ในการ Refinance เงินกู้ที่มีอายุเงินกู้คงเหลือไม่เกิน 3 ปี และไม่มีความจำเป็นที่จะ
ต้องขยายระยะเงินกู้ดังกล่าวออกไป
2. วงเงินสำหรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ
2.1 เป็นโครงการที่ได้รับการบรรจุในแผนก่อการหนี้จากต่างประเทศ
2.2 เป็นโครงการที่มีควมจำเป็นต้องใช้เงินในโอกาสแรก แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ระยะ
ยาวหรือเป็นการใช้เงินในลักษณะ Bridge Financing ก่อนการจัดหาเงินกู้ระยะยาวมาใช้ทดแทนและจะต้องมีระยะการ
เบิกจ่ายไม่เกิน 1 ปี
2.3 การใช้เงินกู้จาก ECP Programme ตามนัยข้อ 2.2 ให้ถือว่าเป็นการกู้เงินตามแผนการก่อหนี้ใน
วงเงินเดียวกัน ไม่ต้องนำมานับรวมกับการกู้เงินเพื่อ Refinance ในกรณีที่มีการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme
มาใช้ในโครงการของรัฐวิสาหกิจ ให้รัฐวิสาหกิจนั้น ๆ กู้เงินดังกล่าวต่อจากกระทรวงการคลังตามนัยเงื่อนไขที่กระทรวง
การคลังได้ผูกพัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 13 กรกฎาคม 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ขยายระยะเวลาสิ้นสุดการกู้เงินภายใต้ Euro
Commercial Paper หรือ ECP Programme จากปี 2542 ต่อไปอีก 10 ปี และขยายวงเงินกู้จาก 300 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เป็น 1,000ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีเงื่อนไขการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ ดังนี้
ผู้กู้ (ผู้ออกตราสาร ECP) กระทรวงการคลังในนามราชอาณาจักรไทย
คณะผู้จัดจำหน่าย จำนวน 7 ราย ได้แก่ Barclays Capital, Citibank, Daiwa
Europe Ltd., Deutsche Bank, J.P.Morgan Securities
Ltd., Lehman Brothers Inc. และ Warburg Dillon Rea
ระยะเวลาการทำหน้าที่ Dealer 10 ปี แต่ทั้งสองฝ่ายสามารถขอยกเลิกได้ โดยแจ้งล่วงหน้า 30 วัน
วงเงิน*** 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ระยะเงินกู้ อย่างน้อย 7 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
การเบิกจ่ายเงินกู้ จะอยู่ในรูปแบบตราสาร ECP โดยผู้กู้มีสิทธิที่จะขอเบิกจ่ายเงินกู้ในสกุล
เหรียญสหรัฐฯ หรือสกุลอื่นที่หมุนเวียนในตลาดยูโร อาทิ สกุลเงินเยน
ปอนด์สเตอร์ลิง และ EURO ซึ่งรวมทั้งการทำ Swap
การกำหนดอัตราดอกเบี้ย กำหนดตามอัตรา LIBOR (London Inter Bank Offered Rate) และ
บวกหรือลบด้วยส่วนต่าง ซึ่งจะเป็นไปตามภาวะตลาดและระดับเครดิต
ของประเทศในช่วงจัดจำหน่าย
ค่าธรรมเนียมตัวแทนรับจ่ายเงิน ปีละ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ บวกค่าธรรมเนียมการออกพันธบัตร 25
เหรียญสหรัฐฯ ต่อ Global Note 1 ฉบับ และ 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ
Definitive Note 1 ฉบับ
ภาระภาษี ผู้กู้เป็นผู้รับภาระค่าภาษีที่เกิดขึ้นเนื่องจากการชำระเงินใด ๆ ภายใต้
ECP Programme รายนี้ (ขณะนี้ไม่มี)
ค่าวิเคราะห์เครดิต เป็นไปตามอัตรามาตรฐานที่จะตกลงกับบริษัทวิเคราะห์เครดิตแต่ละราย
โดยปัจจุบันได้จ่ายเหมารวมกับค่าวิเคราะห์เครดิตของประเทศแบบรายปี
กฎหมายที่ใช้บังคับ กฎหมายอังกฤษ
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามสัญญามาตรฐานการกู้เงินในรูป ECP
*** อนึ่ง สำหรับวงเงินกู้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก วงเงิน 500
ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะใช้สำหรับการทำ Refinance เงินกู้ต่างประเทศ และส่วนที่สอง วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะ
ใช้สำหรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ และเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการใช้เงิน
กู้ภายใต้ ECP Programme ดังนี้
1.วงเงินสำหรับการทำ Refinance
1.1 เพื่อใช้ในการทำ Refinance เงินกู้ต่างประเทศของภาครัฐบาล โดยกำหนดจะนำมาใช้เป็นการชั่ว
คราวก่อนที่จะพิจารณากู้เงินระยะยาวตามความเหมาะสมของภาวะตลาดต่อไป
1.2 เพื่อใช้ในการ Refinance เงินกู้ที่มีอายุเงินกู้คงเหลือไม่เกิน 3 ปี และไม่มีความจำเป็นที่จะ
ต้องขยายระยะเงินกู้ดังกล่าวออกไป
2. วงเงินสำหรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ
2.1 เป็นโครงการที่ได้รับการบรรจุในแผนก่อการหนี้จากต่างประเทศ
2.2 เป็นโครงการที่มีควมจำเป็นต้องใช้เงินในโอกาสแรก แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ระยะ
ยาวหรือเป็นการใช้เงินในลักษณะ Bridge Financing ก่อนการจัดหาเงินกู้ระยะยาวมาใช้ทดแทนและจะต้องมีระยะการ
เบิกจ่ายไม่เกิน 1 ปี
2.3 การใช้เงินกู้จาก ECP Programme ตามนัยข้อ 2.2 ให้ถือว่าเป็นการกู้เงินตามแผนการก่อหนี้ใน
วงเงินเดียวกัน ไม่ต้องนำมานับรวมกับการกู้เงินเพื่อ Refinance ในกรณีที่มีการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme
มาใช้ในโครงการของรัฐวิสาหกิจ ให้รัฐวิสาหกิจนั้น ๆ กู้เงินดังกล่าวต่อจากกระทรวงการคลังตามนัยเงื่อนไขที่กระทรวง
การคลังได้ผูกพัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 13 กรกฎาคม 2542--