ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม)
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก. 5) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ ขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10.0 เป็นอัตราร้อยละ 6.3 (ร้อยละ 7 เมื่อรวมภาษีท้องถิ่นแล้ว) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2545 ลดอัตราเป็นร้อยละ 9.0 (ร้อยละ 10 เมื่อรวมภาษีท้องถิ่นแล้ว) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามที่ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา มีผลทำให้กำลังซื้อของประชาชนโดยรวมไม่สามารถขยายตัวได้เท่าที่ควร และเนื่องจากการขยายตัวด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชนมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก จึงได้มีการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงเหลือจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) เป็นการชั่วคราวตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 353) พ.ศ. 2542 โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2544 และต่อมาได้มีการขยายเวลาการลดอัตราภาษีฯ ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2544 ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 368) พ.ศ. 2543
ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะการฟื้นตัว จึงสมควรขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2545 เพื่อสนับสนุนให้มีการขยายตัวในด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชนไปอีกระยะหนึ่ง อันจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมมีการฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง กลับเข้าสู่ภาวะปกติต่อไป ซึ่งการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะต้องมีการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ดังนี้
1. ช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเริ่มฟื้นตัว
2. ช่วยให้การประกอบธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การกำหนดความแน่ชัดในอัตราภาษีจะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถวางแผนการบริหารธุรกิจได้อย่างถูกต้องต่อไป
3. เมื่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคงแล้ว คงจะทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว สำหรับในส่วนของงบประมาณรายได้ปี พ.ศ. 2545 ในการจัดทำงบประมาณ ได้มีการคำนวณประมาณการรายได้โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานการคำนวณของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2545 แต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 มิ.ย.44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก. 5) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ ขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10.0 เป็นอัตราร้อยละ 6.3 (ร้อยละ 7 เมื่อรวมภาษีท้องถิ่นแล้ว) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2545 ลดอัตราเป็นร้อยละ 9.0 (ร้อยละ 10 เมื่อรวมภาษีท้องถิ่นแล้ว) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามที่ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา มีผลทำให้กำลังซื้อของประชาชนโดยรวมไม่สามารถขยายตัวได้เท่าที่ควร และเนื่องจากการขยายตัวด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชนมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก จึงได้มีการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงเหลือจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) เป็นการชั่วคราวตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 353) พ.ศ. 2542 โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2542 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2544 และต่อมาได้มีการขยายเวลาการลดอัตราภาษีฯ ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2544 ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 368) พ.ศ. 2543
ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะการฟื้นตัว จึงสมควรขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2545 เพื่อสนับสนุนให้มีการขยายตัวในด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชนไปอีกระยะหนึ่ง อันจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมมีการฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง กลับเข้าสู่ภาวะปกติต่อไป ซึ่งการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะต้องมีการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ดังนี้
1. ช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเริ่มฟื้นตัว
2. ช่วยให้การประกอบธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การกำหนดความแน่ชัดในอัตราภาษีจะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถวางแผนการบริหารธุรกิจได้อย่างถูกต้องต่อไป
3. เมื่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคงแล้ว คงจะทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว สำหรับในส่วนของงบประมาณรายได้ปี พ.ศ. 2545 ในการจัดทำงบประมาณ ได้มีการคำนวณประมาณการรายได้โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานการคำนวณของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2545 แต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 มิ.ย.44--
-สส-