การลงนามความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย

ข่าวการเมือง Tuesday January 26, 2016 18:23 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การลงนามความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (Trade Agreement between the Government of the Islamic Republic of Iran and the Government of the Kingdom of Thailand)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบต่อร่างความตกลงทางการค้ะรหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (Trade Agreement between the Government of the Islamic Republic of Iran and the Government of the Kingdom of Thailand)

2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฟาร์ซี โดยหากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยของเอกสารทั้งสามฉบับดังกล่าว ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก

3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทน สำหรับการลงนามดังกล่าว

สาระสำคัญของร่างความตกลงฯ สรุปได้ มีดังนี้

1. วัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริม อำนวยความสะดวก และพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของแต่ละประเทศ

2. ภาคีคู่สัญญาจะอำนวยความสะดวกทางการค้าในเรื่องต่าง ๆ ให้แก่กัน อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดตั้งสำนักงานการค้าหรือศูนย์เพื่อการค้าความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าและการแลกเปลี่ยนผู้แทนกาค้า

3. ภาคีคู่สัญญาตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศ เพื่อติดตามและทบทวนการปฏิบัติตามความตกลงฯ และวิเคราะห์โอกาสและแนวทางในการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน

4. ร่างความตกลงฯ จะไม่จำกัดสิทธิของภาคีคู่สัญญาในการกำหนดมาตรการสั่งห้ามหรือตั้งข้อจำกัดใด ๆ เพื่อการปกป้องศีลธรรมอันดีของประชาชน การปกป้องชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ หรือพืช การปกป้องสาธารณะสมบัติของชาติ และ / หรือการป้องกันโรคและศัตรูพืชหรือสัตว์

5. การระงับข้อพิพาทจะกระทำผ่านการปรึกษาหารือและการเจรจากันระหว่างภาคีคู่สัญญา

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 มกราคม 2559--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ