คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 (อต.18) เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน และร่างร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 (อต.19) เรื่อง การลดอัตราศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน รวม 2 ฉบับ ที่กระทรวงการคลังเสนอ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก. 5) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา เป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
1. ร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 (อต.18) เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. 16/2542 (อต.16) เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2542
1.2 ให้ลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของในภาค 2 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนตามบัญชีท้ายประกาศ กรณีอัตราอากรตามบัญชีท้ายประกาศสูงกว่าอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปซึ่งรวมอากรพิเศษแล้ว ให้เรียกเก็บเท่ากับอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปซึ่งรวมอากรพิเศษ
1.3 กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลดอัตราอากรและยกเว้นอากร ดังนี้
1) ของที่มีถิ่นกำเนิดเฉพาะจากประเทศภาคีของอาเซียนที่อธิบดีกรมศุลกากรโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดไว้ในคู่มือการให้สิทธิประโยชน์ด้านอากรภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนใช้อัตราประเภท 1 ตามบัญชีท้ายประกาศ ของใดที่ไม่อยู่ในข่ายได้ลดหรือยกเว้นอากรในอัตราประเภท 1 ให้ใช้อัตราประเภท 2 ยกเว้นประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้อัตราที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปแทน
2) ของที่ได้รับการลดและยกเว้นอากรต้องมีใบรับรองเมืองกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนที่ออกตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (Form D) และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
3) ผู้นำของเข้าต้องแสดงใบรับรองเมืองกำเนิดสินค้าใน 2) เว้นแต่ของที่มีราคา F.O.B. ไม่เกิน200 เหรียญสหรัฐฯ ให้ผู้นำของเข้าแสดงเอกสารรับรองของผู้ส่งของออกในประเทศภาคีของอาเซียนที่ส่งของออกว่า ของดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดในประเทศภาคีของอาเซียนตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
4) ผู้นำของเข้าต้องแสดงรหัสอ้างอิง CEPT ตามบัญชีท้ายประกาศไว้ในต้นฉบับและสำเนาใบขนสินค้าทุกฉบับ รวมทั้งต้องปฏิบัติตามระเบียบพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนด
1.4 ให้ประกาศมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป เว้นแต่ความที่เกี่ยวข้องกับประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. ร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 (อต.19) เรื่อง การลดอัตราศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน มีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. 17/2542 (อต.17) เรื่อง การลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2542
2.2 ให้ลดอัตราอากรสำหรับของในภาค 2 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนลงเหลือเท่ากับอัตราตามบัญชีท้ายประกาศกรณีอัตราอากรตามบัญชีท้ายประกาศสูงกว่าอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปซึ่งรวมอากรพิเศษ ให้เรียกเก็บเท่ากับอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไป ซึ่งรวมอากรพิเศษ
2.3 กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลดและยกเว้นอากร ดังนี้
1) กรณีของที่มีถิ่นกำเนิดเฉพาะจากประเทศภาคีของอาเซียนที่อธิบดีกรมศุลกากรโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดไว้ในคู่มือการใช้สทธิประโยชน์ด้านอากรภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ให้ใช้อัตราตามสภาพตามบัญชีท้ายประกาศ และเมื่อคำนวณค่าอากรตามอัตราตามสภาพแล้ว ถ้าค่าอากรที่คำนวณได้เทียบเป็นร้อยละของราคาสูงกว่าอัตราร้อยละที่กำหนดตามบัญชีท้ายประกาศ ให้ลดลงเหลือเทียบเท่าอัตราร้อยละที่กำหนดนั้น ของใดไม่อยู่ในข่ายนี้ให้ใช้อัตราตามสภาพตามบัญชีท้ายประกาศ ยกเว้นประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้อัตราที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปแทน
2) ของที่ได้รับการลดอัตราอากรตามประกาศต้องมีใบรับรองเมืองกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนที่ออกตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (Form D) และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
3) ผู้นำของเข้าต้องแสดงใบรับรองเมืองกำเนิดสินค้าใน 2) เว้นแต่ของที่มีราคา F.O.B. ไม่เกิน200 เหรียญสหรัฐฯ ให้ผู้นำของเข้าแสดงเอกสารรับรองของผู้ส่งของออกในประเทศภาคีของอาเซียนที่ส่งของออกว่า ของดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดในประเทศภาคีของอาเซียนตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
4) ผู้นำของเข้าต้องแสดงรหัสอ้างอิง CEPT ตามบัญชีท้ายประกาศไว้ในต้นฉบับและสำเนาใบขนสินค้าทุกฉบับ รวมทั้งต้องปฏิบัติตามระเบียบพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนด
2.4 ให้ประกาศมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป เว้นแต่ความที่เกี่ยวข้องกับประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า ที่ประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) ครั้งที่ 14ได้มีมติให้ประเทศสมาชิกเร่งลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละ 0 - 5 ให้ครอบคลุมสินค้าอย่างน้อยร้อยละ 90 ของจำนวนสินค้าทั้งหมดใน Inclusion List เพื่อเป็นการกระตุ้นและจูงใจให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้นตามมาตรการเร่งรัด (Bold Measure) ของอาเซียน แต่ปัจจุบันประกาศกระทรวงการคลังที่ลดอัตราอากรและยกเว้นอากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียนที่มีผลบังคับใช้อยู่ มีจำนวน 2 ฉบับ ดังนั้น กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นควรปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ด้านอากรตามมติที่ประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียนให้ครอบคลุมประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ทุกประเทศ ซึ่งได้แก่ ประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา โดยให้ใช้อัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไป (MFN) แทนการใช้อัตราตามประเภท 2 เดิม (Net MOP) เนื่องจากประเทศสมาชิกใหม่ไม่มีสิทธิได้รับการลดหย่อนอัตราอากร (MOP)เพราะมิได้เป็นสมาชิกของความตกลงว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษทางด้านอาเซียน (Agreement on ASEAN Preferential Trading Arrangements : PTA) จึงเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลังรวม 2 ฉบับ ดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 มิ.ย.44--
-สส-
1. ร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 (อต.18) เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. 16/2542 (อต.16) เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2542
1.2 ให้ลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของในภาค 2 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนตามบัญชีท้ายประกาศ กรณีอัตราอากรตามบัญชีท้ายประกาศสูงกว่าอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปซึ่งรวมอากรพิเศษแล้ว ให้เรียกเก็บเท่ากับอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปซึ่งรวมอากรพิเศษ
1.3 กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลดอัตราอากรและยกเว้นอากร ดังนี้
1) ของที่มีถิ่นกำเนิดเฉพาะจากประเทศภาคีของอาเซียนที่อธิบดีกรมศุลกากรโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดไว้ในคู่มือการให้สิทธิประโยชน์ด้านอากรภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนใช้อัตราประเภท 1 ตามบัญชีท้ายประกาศ ของใดที่ไม่อยู่ในข่ายได้ลดหรือยกเว้นอากรในอัตราประเภท 1 ให้ใช้อัตราประเภท 2 ยกเว้นประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้อัตราที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปแทน
2) ของที่ได้รับการลดและยกเว้นอากรต้องมีใบรับรองเมืองกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนที่ออกตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (Form D) และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
3) ผู้นำของเข้าต้องแสดงใบรับรองเมืองกำเนิดสินค้าใน 2) เว้นแต่ของที่มีราคา F.O.B. ไม่เกิน200 เหรียญสหรัฐฯ ให้ผู้นำของเข้าแสดงเอกสารรับรองของผู้ส่งของออกในประเทศภาคีของอาเซียนที่ส่งของออกว่า ของดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดในประเทศภาคีของอาเซียนตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
4) ผู้นำของเข้าต้องแสดงรหัสอ้างอิง CEPT ตามบัญชีท้ายประกาศไว้ในต้นฉบับและสำเนาใบขนสินค้าทุกฉบับ รวมทั้งต้องปฏิบัติตามระเบียบพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนด
1.4 ให้ประกาศมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป เว้นแต่ความที่เกี่ยวข้องกับประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. ร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 (อต.19) เรื่อง การลดอัตราศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน มีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. 17/2542 (อต.17) เรื่อง การลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2542
2.2 ให้ลดอัตราอากรสำหรับของในภาค 2 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนลงเหลือเท่ากับอัตราตามบัญชีท้ายประกาศกรณีอัตราอากรตามบัญชีท้ายประกาศสูงกว่าอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปซึ่งรวมอากรพิเศษ ให้เรียกเก็บเท่ากับอัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไป ซึ่งรวมอากรพิเศษ
2.3 กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลดและยกเว้นอากร ดังนี้
1) กรณีของที่มีถิ่นกำเนิดเฉพาะจากประเทศภาคีของอาเซียนที่อธิบดีกรมศุลกากรโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดไว้ในคู่มือการใช้สทธิประโยชน์ด้านอากรภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ให้ใช้อัตราตามสภาพตามบัญชีท้ายประกาศ และเมื่อคำนวณค่าอากรตามอัตราตามสภาพแล้ว ถ้าค่าอากรที่คำนวณได้เทียบเป็นร้อยละของราคาสูงกว่าอัตราร้อยละที่กำหนดตามบัญชีท้ายประกาศ ให้ลดลงเหลือเทียบเท่าอัตราร้อยละที่กำหนดนั้น ของใดไม่อยู่ในข่ายนี้ให้ใช้อัตราตามสภาพตามบัญชีท้ายประกาศ ยกเว้นประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้อัตราที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไปแทน
2) ของที่ได้รับการลดอัตราอากรตามประกาศต้องมีใบรับรองเมืองกำเนิดจากประเทศภาคีของอาเซียนที่ออกตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (Form D) และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
3) ผู้นำของเข้าต้องแสดงใบรับรองเมืองกำเนิดสินค้าใน 2) เว้นแต่ของที่มีราคา F.O.B. ไม่เกิน200 เหรียญสหรัฐฯ ให้ผู้นำของเข้าแสดงเอกสารรับรองของผู้ส่งของออกในประเทศภาคีของอาเซียนที่ส่งของออกว่า ของดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดในประเทศภาคีของอาเซียนตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน และข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ออกตามกฎดังกล่าว
4) ผู้นำของเข้าต้องแสดงรหัสอ้างอิง CEPT ตามบัญชีท้ายประกาศไว้ในต้นฉบับและสำเนาใบขนสินค้าทุกฉบับ รวมทั้งต้องปฏิบัติตามระเบียบพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนด
2.4 ให้ประกาศมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป เว้นแต่ความที่เกี่ยวข้องกับประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า ที่ประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) ครั้งที่ 14ได้มีมติให้ประเทศสมาชิกเร่งลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละ 0 - 5 ให้ครอบคลุมสินค้าอย่างน้อยร้อยละ 90 ของจำนวนสินค้าทั้งหมดใน Inclusion List เพื่อเป็นการกระตุ้นและจูงใจให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้นตามมาตรการเร่งรัด (Bold Measure) ของอาเซียน แต่ปัจจุบันประกาศกระทรวงการคลังที่ลดอัตราอากรและยกเว้นอากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียนที่มีผลบังคับใช้อยู่ มีจำนวน 2 ฉบับ ดังนั้น กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นควรปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ด้านอากรตามมติที่ประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียนให้ครอบคลุมประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ทุกประเทศ ซึ่งได้แก่ ประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา โดยให้ใช้อัตราอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไป (MFN) แทนการใช้อัตราตามประเภท 2 เดิม (Net MOP) เนื่องจากประเทศสมาชิกใหม่ไม่มีสิทธิได้รับการลดหย่อนอัตราอากร (MOP)เพราะมิได้เป็นสมาชิกของความตกลงว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษทางด้านอาเซียน (Agreement on ASEAN Preferential Trading Arrangements : PTA) จึงเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลังรวม 2 ฉบับ ดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 มิ.ย.44--
-สส-