ทำเนียบรัฐบาล--27 มิ.ย.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการดำเนินการเพื่อออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเชิญชวนให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม
เสนอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาทรัพยากรเชื้อเพลิงในประเทศเพิ่มขึ้น อันจะช่วยให้สามารถลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้ในอนาคต
แล้วมีมติ ดังนี้
1. รับทราบการกำหนดเขตพื้นที่แปลงสำรวจปิโตรเลียมที่จะเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม เพื่อกรมทรัพยากรธรณี จะได้ประกาศกำหนด
เขตพื้นที่แปลงสำรวจสำหรับการออกประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นขอสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยการกำหนดเขตพื้นที่แปลงสำรวจที่จะเปิด
ให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม จากการศึกษาศักยภาพปิโตรเลียม ความเหมาะสมของโครงสร้างทางธรณีวิทยา พื้นที่ที่มีโอกาสจะพบปิโตรเลียมทั่วประเทศ
และกำหนดให้รูปร่างของแปลงสำรวจสอดคล้องกับโครงสร้างทางธรณีวิทยามากที่สุด รวมทั้งเพิ่มแรงจูงใจให้แก่ผู้ลงทุนโดยกำหนดให้แปลงสำรวจ
มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับแปลงสำรวจในการให้สัมปทานครั้งที่ผ่านมาแล้ว จึงเห็นควรกำหนดแบ่งเขตแปลงสำรวจเป็นจำนวน 88 แปลง
มีพื้นที่รวมกัน 452,689 ตารางกิโลเมตร ดังนี้
บริเวณ ขนาดโดยประมาณ (ตร.กม.) จำนวนแปลง พื้นที่รวม (ตร.กม.)
บนบก 4,000 75 272,344
อ่าวไทย 2,000-20,000 9 105,325
ทะเลอันดามัน 20,000 4 75,020
(บนบก : ภาคเหนือ 5 แปลง ภาคกลาง 17 แปลง ภาคใต้ 5 แปลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 48 แปลง)
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกำหนดค่าคงที่แสดงภาพทางธรณีวิทยาของแปลงสำรวจและค่าลดหย่อนพิเศษ
สำหรับแปลงสำรวจแต่ละแปลง ทั้งนี้ จากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในสภาพธรณีวิทยาของพื้นที่บริเวณต่าง ๆ
รวมทั้งสภาวะการแข่งขันในการลงทุนระหว่างประเทศแล้ว จึงเห็นชอบให้กำหนดค่าคงที่แสดงสภาพของธรณีวิทยา และค่าลดหย่อนพิเศษของแปลง
สำรวจต่าง ๆ ตามภูมิภาคเป็นดังนี้
บริเวณพื้นที่ จำนวนแปลงสำรวจ ค่าคงที่แสดงภาพธรณีวิทยา (เมตร) ค่าลดหย่อนพิเศษสำหรับแปลงสำรวจ (ร้อยละ)
1. บนบก ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ 27 300,000 35
2. บนบกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 48 450,000 35
3. ทะเลอ่าวไทย 9 600,000 35
4. ทะเลอันดามันน้ำตื้น 3 600,000 35
5. ทะเลอันดามันน้ำลึก 1 120,000 35
และให้กำหนดค่าคงที่แสดงสภาพทางธรณีวิทยา และค่าลดหย่อนพิเศษสำหรับแปลงสำรวจข้างต้นมีผลใช้สำหรับแปลงสำรวจที่จะได้มีการกำหนด
ขึ้นใหม่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นควรให้มีการออกประกาศเชิญชวนบริษัทปิโตรเลียมที่สนใจยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม
เพื่อสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ครั้งที่ 18 ในปี พ.ศ. 2543 เนื่องจากปัจจุบันน้ำมันดิบในตลาดโลกมีราคาสูง บริษัทน้ำมันมีแรงจูงใจที่จะทำการ
สำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น และโอกาสที่จะพบแหล่งปิโตรเลียมที่มีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ยังมีอยู่ โดยบริษัทน้ำมันหลายรายได้แสดงความสนใจ
ที่จะยื่นขอสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเชิญชวนให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม นอกจากนั้นยังเป็นการดำเนินการ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2543 ที่อนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ซึ่งเห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัด
ให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมสำรวจและพัฒนาผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งเร่งรัดให้มีการเปิด
ให้เอกชนรายใหม่เข้ามาขอสัมปทานตามกฎหมายปิโตรเลียมเพิ่มมากขึ้น และเร่งรัดให้นำแหล่งถ่านหินที่ได้มีการสำรวจและประเมินไว้แล้ว มาเปิดประมูล
เพื่อดำเนินการพัฒนาต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการดำเนินการเพื่อออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเชิญชวนให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม
เสนอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาทรัพยากรเชื้อเพลิงในประเทศเพิ่มขึ้น อันจะช่วยให้สามารถลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้ในอนาคต
แล้วมีมติ ดังนี้
1. รับทราบการกำหนดเขตพื้นที่แปลงสำรวจปิโตรเลียมที่จะเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม เพื่อกรมทรัพยากรธรณี จะได้ประกาศกำหนด
เขตพื้นที่แปลงสำรวจสำหรับการออกประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นขอสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยการกำหนดเขตพื้นที่แปลงสำรวจที่จะเปิด
ให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม จากการศึกษาศักยภาพปิโตรเลียม ความเหมาะสมของโครงสร้างทางธรณีวิทยา พื้นที่ที่มีโอกาสจะพบปิโตรเลียมทั่วประเทศ
และกำหนดให้รูปร่างของแปลงสำรวจสอดคล้องกับโครงสร้างทางธรณีวิทยามากที่สุด รวมทั้งเพิ่มแรงจูงใจให้แก่ผู้ลงทุนโดยกำหนดให้แปลงสำรวจ
มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับแปลงสำรวจในการให้สัมปทานครั้งที่ผ่านมาแล้ว จึงเห็นควรกำหนดแบ่งเขตแปลงสำรวจเป็นจำนวน 88 แปลง
มีพื้นที่รวมกัน 452,689 ตารางกิโลเมตร ดังนี้
บริเวณ ขนาดโดยประมาณ (ตร.กม.) จำนวนแปลง พื้นที่รวม (ตร.กม.)
บนบก 4,000 75 272,344
อ่าวไทย 2,000-20,000 9 105,325
ทะเลอันดามัน 20,000 4 75,020
(บนบก : ภาคเหนือ 5 แปลง ภาคกลาง 17 แปลง ภาคใต้ 5 แปลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 48 แปลง)
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกำหนดค่าคงที่แสดงภาพทางธรณีวิทยาของแปลงสำรวจและค่าลดหย่อนพิเศษ
สำหรับแปลงสำรวจแต่ละแปลง ทั้งนี้ จากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในสภาพธรณีวิทยาของพื้นที่บริเวณต่าง ๆ
รวมทั้งสภาวะการแข่งขันในการลงทุนระหว่างประเทศแล้ว จึงเห็นชอบให้กำหนดค่าคงที่แสดงสภาพของธรณีวิทยา และค่าลดหย่อนพิเศษของแปลง
สำรวจต่าง ๆ ตามภูมิภาคเป็นดังนี้
บริเวณพื้นที่ จำนวนแปลงสำรวจ ค่าคงที่แสดงภาพธรณีวิทยา (เมตร) ค่าลดหย่อนพิเศษสำหรับแปลงสำรวจ (ร้อยละ)
1. บนบก ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ 27 300,000 35
2. บนบกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 48 450,000 35
3. ทะเลอ่าวไทย 9 600,000 35
4. ทะเลอันดามันน้ำตื้น 3 600,000 35
5. ทะเลอันดามันน้ำลึก 1 120,000 35
และให้กำหนดค่าคงที่แสดงสภาพทางธรณีวิทยา และค่าลดหย่อนพิเศษสำหรับแปลงสำรวจข้างต้นมีผลใช้สำหรับแปลงสำรวจที่จะได้มีการกำหนด
ขึ้นใหม่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นควรให้มีการออกประกาศเชิญชวนบริษัทปิโตรเลียมที่สนใจยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม
เพื่อสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ครั้งที่ 18 ในปี พ.ศ. 2543 เนื่องจากปัจจุบันน้ำมันดิบในตลาดโลกมีราคาสูง บริษัทน้ำมันมีแรงจูงใจที่จะทำการ
สำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น และโอกาสที่จะพบแหล่งปิโตรเลียมที่มีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ยังมีอยู่ โดยบริษัทน้ำมันหลายรายได้แสดงความสนใจ
ที่จะยื่นขอสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเชิญชวนให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม นอกจากนั้นยังเป็นการดำเนินการ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2543 ที่อนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ซึ่งเห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัด
ให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมสำรวจและพัฒนาผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งเร่งรัดให้มีการเปิด
ให้เอกชนรายใหม่เข้ามาขอสัมปทานตามกฎหมายปิโตรเลียมเพิ่มมากขึ้น และเร่งรัดให้นำแหล่งถ่านหินที่ได้มีการสำรวจและประเมินไว้แล้ว มาเปิดประมูล
เพื่อดำเนินการพัฒนาต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-