คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ครั้งที่ 4
(ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548) ดังนี้
1. สถานการณ์ความเสียหาย
1.1 ความเสียหายทางด้านกายภาพ (ทรัพย์สินของราชการและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ)
- อุทยานแห่งชาติทางทะเล 14 แห่ง
- สะพานท่าเทียบเรือ 1 แห่ง สถานที่แสดงสัตว์น้ำ 1 แห่ง งานศึกษาเต่าทะเล 1 แห่ง และทรัพย์สินราชการในสถาบันวิจัยและพัฒนา ศูนย์อนุรักษ์และสถานีทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน 9 แห่ง
- ระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียของเทศบาล ต.ป่าตอง และ ต.กะรน จ.ภูเก็ต และหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่
1.2 ความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติ
- ทรัพยากรทางทะเล ปะการังเสียหายร้อยละ 15 หรือ 11.8 ตารางกิโลเมตร จาก 79 ตารางกิโลเมตร หญ้าทะเลเสียหายร้อยละ 7.5 หรือ 5.5 ตารางกิโลเมตร จาก 73 ตารางกิโลเมตร และสัตว์ทะเลหายาก 3 ชนิด ได้รับผลกระทบ โดยแยกเป็น เต่าทะเล มากกว่า 36 ตัว (ตาย 6 ตัว บาดเจ็บเล็กน้อยและปล่อยลงทะเล 28 ตัว และบาดเจ็บหนัก 5 ตัว) โลมา 3 ตัว (ตาย 2 ตัว บาดเจ็บและปล่อยลงทะเล 1 ตัว ) และพยูน 2 ตัว (ตาย 1 ตัว และบาดเจ็บ 1 ตัว) รวมทั้งมีเศษขยะลากไม้บริเวณชายหาดกีดขวางทางขึ้นวางไข่ของเต่าทะเล
- ปะการัง แหล่งที่ได้รับความเสียหายมากในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ประกอบด้วย 1) เกาะค้างคาว เกาะกำนุ้ย จังหวัดระนอง 2) บริเวณเกาะไผ่ทั้งหมด อ่าวต้นไทรบริเวณปีกอ่าวด้านตะวันตก ในพื้นที่หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ 3) บริเวณอ่าวผักกาด เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะตอรินลาฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ในพื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา 4) เกาะเมียง (เกาะสี่) บริเวณปีกอ่าวตอนเหนือ (Stonehenge) และฝั่งด้านใต้ (กำแพงเมืองจีน) เกาะปายู (เกาะเจ็ด) ด้านตะวันออกเฉียงใต้ (บริเวณต่อเนื่องของหินกล้วยไม้) เกาะสิมิลัน (เกาะแปด) ด้านเหนือ และหินหน้าลิง (Beacon point) ในพื้นที่หมู่เกาะสิมิลัน
- หญ้าทะเล ส่วนใหญ่มีสภาพปกติ อย่างไรก็ตาม มีบางพื้นที่ที่มีความเสียหายของหญ้าทะเลมากกว่า 20% ได้แก่ บริเวณบางเบน จังหวัดระนอง (30%) บริเวณทุ่งนางดำ จังหวัดพังงา (80%) บริเวณเกาะพระทอง ด้านเหนือ (50%)
- ป่าชายเลน พื้นที่ป่าชายเลนได้รับความเสียหาย 1,900 ไร่จาก 1.13 ล้านไร่ ใน จ.พังงา และ 10 ไร่ บริเวณคลองมุดง จ.ภูเก็ต ป่าชายหาดได้รับความเสียหายบางส่วน โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน จ.ระนอง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติธารโบกธรณี จ.กระบี่ และอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง สำหรับป่าบกได้รับความเสียหายเล็กน้อย
- ชายหาด ส่วนใหญ่ถูกตะกอนทรายทับถม และพบรอยกัดเซาะแนวใกล้ร่องน้ำ เกิดร่องน้ำใหม่ และร่องน้ำเดิมถูกกัดเซาะกว้างขึ้น 2-3 เท่า มีการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณชายหาดเดิมขึ้นไปถึงบริเวณชายหาด (berm) และสันดอนทราย (sand dune) มีพื้นที่งอกเกือบตลอดแนวชายหาดของเกาะพระทอง จังหวัดพังงา
- ทรัพยากรดิน มีพื้นที่ตะกอนโคลนทะเลปิดทับและเกิดความเสียหายบางแห่ง ระยะห่างจากฝั่งมากกว่า 2 กิโลเมตร และมีการตกผลึกเกลือบริเวณส่วนบนของตะกอนจากคลื่นยักษ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาดินเค็มและมีผลกระทบต่อระบบนิเวศได้
- ทรัพยากรน้ำ บ่อน้ำบาดาลเสียหายทั้งสิ้น 850 บ่อ บ่อน้ำตื้นเสียหาย 500 บ่อ ระบบประปาแบบบาดาลเสียหาย 425 แห่ง ระบบประปาแบบผิวดินเสียหาย 30 แห่ง และแหล่งน้ำเสียหาย 12 แหล่ง และแหล่งน้ำผิวดิน หนองน้ำและสระน้ำ ได้รับความเสียหายเนื่องจากน้ำทะเลไหลเข้าท่วมทำให้กลายเป็นน้ำเค็ม และมีสิ่งปฏิกูลตกค้างอยู่ 12 แห่ง และแหล่งน้ำใต้ดินบางแห่งอาจได้รับการปนเปื้อนจากน้ำเค็ม
- ทรัพยากรธรณีวิทยา มีการเกิดหลุมยุบและแผ่นดินแยกตัวจำนวน 27 แห่ง ใน 8 จังหวัดดินถล่มและพื้นถ้ำทรุดตัว 3 แห่ง บริเวณเกาะระ อ.คุระบุรี จ.พังงา พบว่ามีร่องรอยดินถล่มมากกว่า 70 แห่ง และมีแนวโน้มจะเกิดดินถล่มของชั้นดินและชั้นหินเพิ่ม เกิดตะกอนขุ่นข้นในน้ำบาดาล บริเวณ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ การเพิ่มของจำนวนน้ำพุร้อน บริเวณ อ.กะปง และ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
1.3 ความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม
- ขยะมูลฝอย พบซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน เรือ ต้นไม้ล้ม ขยะชุมชน และขยะมูลฝอยติดเชื้อ รวมทั้งขยะใต้ทะเล ทั้งในและนอกเขตอุทยานแห่งชาติ
- น้ำทิ้ง/น้ำขัง พบว่ามีแหล่งน้ำขัง น้ำทิ้ง และน้ำเน่าเสีย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค โดยเฉพาะในบริเวณทั้งในและนอกเขตอุทยานแห่งชาติ
- คุณภาพน้ำชายฝั่งทะเล คุณภาพน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี (จ.ภูเก็ต กระบี่ และพังงา) แต่มีปัญหาการปนเปื้อนของขยะและมีความขุ่นสูง
- ระบบบำบัดน้ำเสีย และระบบขยะ ได้รับความเสียหาย ๔ แห่ง ใน จ.ภูเก็ตและจ.กระบี่ มีเศษขยะ กระจายอยู่บริเวณชายหาด และมีขยะทะเลรอบเกาะต่างๆ ทั้งหมด บ่อเลี้ยงกุ้งและสระน้ำของโรงแรมบริเวณ จ.พังงา และจ.ภูเก็ต มีสิ่งปฏิกูลและอาจมีร่างผู้เสียชีวิตเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่สำคัญสำหรับคุณภาพน้ำทะเลยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
อนึ่ง ในเบื้องต้นยังไม่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในทางการเงิน ซึ่งจะต้องดำเนินการต่อไป โดยให้สถาบันการศึกษาสำรวจและประเมินความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1-9 เดือน (ขึ้นอยู่กับประเภทของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
1.4 ความเสียหายด้านการท่องเที่ยว
- อุทยานแห่งชาติทางทะเลเสียหายมาก (50-95%) 5 แห่ง (แหลมสน จ.ระนอง อช.สิรินาถ จ.ภูเก็ต อช.หมู่เกาะสุรินทร์ อช.สิมิลัน จ.พังงา อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่)
- เสียหายเล็กน้อย (น้อยกว่า 50%) 8 แห่ง
2. การดำเนินงานแก้ไขปัญหา
2.1 การแก้ไขปัญหาความเสียหายทางด้านกายภาพ (ทรัพย์สินของราชการและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ)
- ดำเนินการบูรณะฟื้นฟูทรัพย์สินของทางราชการและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะภายใต้คณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาจากธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้ (รองนายกรัฐมนตรี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) วงเงิน 294,865,138 บาท แบ่งเป็น
1) การฟื้นฟูความเสียหายทรัพย์สินของทางราชการ 240,115,138 บาท (ทช. อส.)
2) การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ
2.1) ปรับปรุงซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ ในเขตอุทยานแห่งชาติ 22,400,000 บาท (อส.)
2.2) ปรับปรุงและซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียรวม เทศบาล ต.กะรน และเทศบาลเมืองป่าตอง วงเงินรวม 31,000,000 บาท (คพ.)
2.3) ประสานกับท้องถิ่นในการวางผังเมืองของเกาะพีพี ให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอย (คพ.)
2.4) รื้อถอนเตาเผาที่ใช้การไม่ได้และขนย้ายไปกำจัดบนฝั่ง วงเงิน 1,000,000 บาท (คพ.)
2.5) ฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำธรรมชาติ บ่อเลี้ยงกุ้ง สระว่ายน้ำในโรงแรม เพื่อฆ่าเชื้อโรคและแก้ไข สภาพที่มีความเค็มจากน้ำทะเล วงเงิน 350,000 บาท (คพ. ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
2.2 การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.2.1 ทรัพยากรธรรมชาติ
- ดำเนินการทำความสะอาด (Clean up) บริเวณอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความเสียหายไปแล้ว โดยมีอุทยานแห่งชาติที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 100% 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
- ทำความสะอาดเก็บขยะใต้ท้องทะเลและพลิกฟื้นปะการังที่ได้รับผลกระทบ ได้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนและอาสาสมัครนักดำน้ำในการเก็บขยะใต้ท้องทะเล โดยได้ดำเนินการแล้ว ณ หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา โดยเก็บขยะได้มากกว่า 31 ตัน และจะมีแผนการดำเนินงานต่อไปอีกในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิ
- การบริการน้ำสะอาด ติดตั้งชุดประปาสนาม 4 จุด ในบริเวณ อ.ตะกั่วป่า และ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา - แจกจ่ายน้ำสะอาดรวม จำนวน 3,372,000 ลิตร ณ บ้านเขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
- การจัดระบบประปาโดยการเจาะบ่อบาดาลใหม่ และติดตั้งระบบประปาบาดาล ให้ผู้อพยพที่ศูนย์ที่พักชั่วคราว 5 จุด ณ อบต.บางม่วง จ.พังงา
- ทำความสะอาดแหล่งน้ำบาดาล สูบล้างบ่อน้ำตื้น จำนวน 286 บ่อ ณ อ.ตะกั่วป่า อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา อ.เกาะลันตา และ อ. เหนือคลอง จ.กระบี่ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เป่าล้างบ่อบาดาลในพื้นที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซ่อมแซมระบบประปา ณ จ.พังงา และ จ.ระนอง รวม 9 แห่ง เติมคลอรีนฆ่าเชื้อโรคในระบบประปาบริเวณ อ.ตะกั่วป่า และ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
2.2.2 สิ่งแวดล้อม
- ดำเนินการฆ่าเชื้อโรคในขุมเหมืองเก่าและแอ่งน้ำขัง 70 แห่ง
- ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำขยะมูลฝอยติดเชื้อ จากการรักษาพยาบาลไปกำจัดที่สถานกำจัดขยะของเทศบาลนครภูเก็ต รวมทั้งบำบัดกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคในท่อระบายน้ำ บริเวณวัดย่านยาว
- ตรวจสอบเชื้อโรค ได้แก่ E.Coli, Entercocci และ Parasite ในบ่อน้ำตื้นร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล และผู้เชี่ยวชาญจากรัฐมิชิแกน อ.ตะกั่วป่า
2.2.3 การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชน
- จัดทำมาตรการจัดการการจัดการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการข้อมูลและประเมินความเสียหาย การจัดการฟื้นฟูชุมชนและสิ่งแวดล้อมแบบมีส่วนร่วม การฟื้นฟูพื้นที่อุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยว การแบ่งมอบภารกิจในระดับพื้นที่ให้มีความชัดเจน โดยให้ประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรลุผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
- สำรวจ ศึกษาและวิจัยเร่งด่วน วงเงิน 100 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 เดือน (ก.พ. — ก.ค. 48) โดยใช้เงินงบกลาง
- ฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชน ตามแผนงานเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว วงเงิน 1,446.14 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนเร่งด่วน 22 โครงการ วงเงิน 688.04 ล้านบาท ระยะปานกลาง/ยาว 9 โครงการ วงเงิน 718.05 ล้านบาท รวมทั้งงบประมาณการบริหารโครงการและประสานชุมชนอีก 40.05 ล้านบาท ขณะนี้โครงการ/กิจกรรมตามแผนงานเร่งด่วนได้รับอนุมัติงบประมาณในการดำเนินงานจากสำนักงบประมาณแล้ว จำนวน 21 โครงการ วงเงิน 517.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.22 ล้านบาท ของวงเงินระยะเร่งด่วนทั้งหมด
2.3 การฟื้นฟูการท่องเที่ยว
- การให้บริการด้านการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล 15 แห่งในพื้นที่ประสบภัย
1) เปิดให้บริการแล้ว 12 แห่ง ในจำนวนนี้มีพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่เปิดให้บริการบางส่วน2 แห่ง ได้แก่ - อช. หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา เปิดให้บริการในรูปแบบเช้าไป—เย็นกลับ และการดำน้ำลึก โดยยังไม่อนุญาตให้พักค้างบนเกาะ และมีพื้นที่ที่ยังไม่เปิดให้บริการ ได้แก่ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน กองหินแฟนตาซี กำแพงเมืองจีน คริสต์มาสพอยต์ และ Snapper Allay ทั้งนี้ เพื่อให้แนวปะการังสามารถฟื้นตัว โดยปราศจากการรบกวนจากปัจจัยภายนอก - อช. หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดบริการท่องเที่ยว เฉพาะบริเวณอ่าวมาหยา และทะเลแหวก
2) ปิดบริการเป็นการชั่วคราว 3 แห่ง ได้แก่ อช. แหลมสน จ.ระนอง และจ.พังงา อช.สิรินาถ จ.ภูเก็ต และอช. หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา
- ดำเนินการโครงการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้คณะกรรมการฟื้นฟูการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามัน วงเงินงบประมาณโดยประมาณ 1,736,500,000 บาท โดยมีกิจกรรม ดังนี้ 1) พัฒนาอุทยานแห่งชาติทางทะเล ชายฝั่งอันดามันเพื่อเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางน้ำ 2) พัฒนาระบบสื่อความธรรมชาติเพื่อให้ความรู้แก้นักท่องเที่ยว 3) พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและการพัฒนาบริการในอุทยานแห่งชาติที่เสียหายหนักจากสึนามิ 4) พัฒนาและเชื่อมโยงระบบรักษาความปลอดภัย เตือนภัย การสื่อสาร และการกู้ภัย รวมทั้งสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิกจรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกิจกรรมทางน้ำ 5) จัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติชายฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ และระนอง) 6) พัฒนาระบบการกำจัดขยะ และบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน 7) ปรับปรุงท่าเทียบเรือทับละมุ คุระบุรี แหลมตะโหนด ปากบารา เป็น Gateways การท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติชายฝั่งทะเลอันดามัน 8) จัดตั้งศูนย์กลางการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลชายฝั่งอันดามัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
(ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548) ดังนี้
1. สถานการณ์ความเสียหาย
1.1 ความเสียหายทางด้านกายภาพ (ทรัพย์สินของราชการและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ)
- อุทยานแห่งชาติทางทะเล 14 แห่ง
- สะพานท่าเทียบเรือ 1 แห่ง สถานที่แสดงสัตว์น้ำ 1 แห่ง งานศึกษาเต่าทะเล 1 แห่ง และทรัพย์สินราชการในสถาบันวิจัยและพัฒนา ศูนย์อนุรักษ์และสถานีทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน 9 แห่ง
- ระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียของเทศบาล ต.ป่าตอง และ ต.กะรน จ.ภูเก็ต และหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่
1.2 ความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติ
- ทรัพยากรทางทะเล ปะการังเสียหายร้อยละ 15 หรือ 11.8 ตารางกิโลเมตร จาก 79 ตารางกิโลเมตร หญ้าทะเลเสียหายร้อยละ 7.5 หรือ 5.5 ตารางกิโลเมตร จาก 73 ตารางกิโลเมตร และสัตว์ทะเลหายาก 3 ชนิด ได้รับผลกระทบ โดยแยกเป็น เต่าทะเล มากกว่า 36 ตัว (ตาย 6 ตัว บาดเจ็บเล็กน้อยและปล่อยลงทะเล 28 ตัว และบาดเจ็บหนัก 5 ตัว) โลมา 3 ตัว (ตาย 2 ตัว บาดเจ็บและปล่อยลงทะเล 1 ตัว ) และพยูน 2 ตัว (ตาย 1 ตัว และบาดเจ็บ 1 ตัว) รวมทั้งมีเศษขยะลากไม้บริเวณชายหาดกีดขวางทางขึ้นวางไข่ของเต่าทะเล
- ปะการัง แหล่งที่ได้รับความเสียหายมากในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ประกอบด้วย 1) เกาะค้างคาว เกาะกำนุ้ย จังหวัดระนอง 2) บริเวณเกาะไผ่ทั้งหมด อ่าวต้นไทรบริเวณปีกอ่าวด้านตะวันตก ในพื้นที่หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ 3) บริเวณอ่าวผักกาด เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะตอรินลาฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ในพื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา 4) เกาะเมียง (เกาะสี่) บริเวณปีกอ่าวตอนเหนือ (Stonehenge) และฝั่งด้านใต้ (กำแพงเมืองจีน) เกาะปายู (เกาะเจ็ด) ด้านตะวันออกเฉียงใต้ (บริเวณต่อเนื่องของหินกล้วยไม้) เกาะสิมิลัน (เกาะแปด) ด้านเหนือ และหินหน้าลิง (Beacon point) ในพื้นที่หมู่เกาะสิมิลัน
- หญ้าทะเล ส่วนใหญ่มีสภาพปกติ อย่างไรก็ตาม มีบางพื้นที่ที่มีความเสียหายของหญ้าทะเลมากกว่า 20% ได้แก่ บริเวณบางเบน จังหวัดระนอง (30%) บริเวณทุ่งนางดำ จังหวัดพังงา (80%) บริเวณเกาะพระทอง ด้านเหนือ (50%)
- ป่าชายเลน พื้นที่ป่าชายเลนได้รับความเสียหาย 1,900 ไร่จาก 1.13 ล้านไร่ ใน จ.พังงา และ 10 ไร่ บริเวณคลองมุดง จ.ภูเก็ต ป่าชายหาดได้รับความเสียหายบางส่วน โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน จ.ระนอง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติธารโบกธรณี จ.กระบี่ และอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง สำหรับป่าบกได้รับความเสียหายเล็กน้อย
- ชายหาด ส่วนใหญ่ถูกตะกอนทรายทับถม และพบรอยกัดเซาะแนวใกล้ร่องน้ำ เกิดร่องน้ำใหม่ และร่องน้ำเดิมถูกกัดเซาะกว้างขึ้น 2-3 เท่า มีการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณชายหาดเดิมขึ้นไปถึงบริเวณชายหาด (berm) และสันดอนทราย (sand dune) มีพื้นที่งอกเกือบตลอดแนวชายหาดของเกาะพระทอง จังหวัดพังงา
- ทรัพยากรดิน มีพื้นที่ตะกอนโคลนทะเลปิดทับและเกิดความเสียหายบางแห่ง ระยะห่างจากฝั่งมากกว่า 2 กิโลเมตร และมีการตกผลึกเกลือบริเวณส่วนบนของตะกอนจากคลื่นยักษ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาดินเค็มและมีผลกระทบต่อระบบนิเวศได้
- ทรัพยากรน้ำ บ่อน้ำบาดาลเสียหายทั้งสิ้น 850 บ่อ บ่อน้ำตื้นเสียหาย 500 บ่อ ระบบประปาแบบบาดาลเสียหาย 425 แห่ง ระบบประปาแบบผิวดินเสียหาย 30 แห่ง และแหล่งน้ำเสียหาย 12 แหล่ง และแหล่งน้ำผิวดิน หนองน้ำและสระน้ำ ได้รับความเสียหายเนื่องจากน้ำทะเลไหลเข้าท่วมทำให้กลายเป็นน้ำเค็ม และมีสิ่งปฏิกูลตกค้างอยู่ 12 แห่ง และแหล่งน้ำใต้ดินบางแห่งอาจได้รับการปนเปื้อนจากน้ำเค็ม
- ทรัพยากรธรณีวิทยา มีการเกิดหลุมยุบและแผ่นดินแยกตัวจำนวน 27 แห่ง ใน 8 จังหวัดดินถล่มและพื้นถ้ำทรุดตัว 3 แห่ง บริเวณเกาะระ อ.คุระบุรี จ.พังงา พบว่ามีร่องรอยดินถล่มมากกว่า 70 แห่ง และมีแนวโน้มจะเกิดดินถล่มของชั้นดินและชั้นหินเพิ่ม เกิดตะกอนขุ่นข้นในน้ำบาดาล บริเวณ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ การเพิ่มของจำนวนน้ำพุร้อน บริเวณ อ.กะปง และ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
1.3 ความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม
- ขยะมูลฝอย พบซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน เรือ ต้นไม้ล้ม ขยะชุมชน และขยะมูลฝอยติดเชื้อ รวมทั้งขยะใต้ทะเล ทั้งในและนอกเขตอุทยานแห่งชาติ
- น้ำทิ้ง/น้ำขัง พบว่ามีแหล่งน้ำขัง น้ำทิ้ง และน้ำเน่าเสีย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค โดยเฉพาะในบริเวณทั้งในและนอกเขตอุทยานแห่งชาติ
- คุณภาพน้ำชายฝั่งทะเล คุณภาพน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี (จ.ภูเก็ต กระบี่ และพังงา) แต่มีปัญหาการปนเปื้อนของขยะและมีความขุ่นสูง
- ระบบบำบัดน้ำเสีย และระบบขยะ ได้รับความเสียหาย ๔ แห่ง ใน จ.ภูเก็ตและจ.กระบี่ มีเศษขยะ กระจายอยู่บริเวณชายหาด และมีขยะทะเลรอบเกาะต่างๆ ทั้งหมด บ่อเลี้ยงกุ้งและสระน้ำของโรงแรมบริเวณ จ.พังงา และจ.ภูเก็ต มีสิ่งปฏิกูลและอาจมีร่างผู้เสียชีวิตเป็นแหล่งเพาะเชื้อที่สำคัญสำหรับคุณภาพน้ำทะเลยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
อนึ่ง ในเบื้องต้นยังไม่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในทางการเงิน ซึ่งจะต้องดำเนินการต่อไป โดยให้สถาบันการศึกษาสำรวจและประเมินความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1-9 เดือน (ขึ้นอยู่กับประเภทของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
1.4 ความเสียหายด้านการท่องเที่ยว
- อุทยานแห่งชาติทางทะเลเสียหายมาก (50-95%) 5 แห่ง (แหลมสน จ.ระนอง อช.สิรินาถ จ.ภูเก็ต อช.หมู่เกาะสุรินทร์ อช.สิมิลัน จ.พังงา อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่)
- เสียหายเล็กน้อย (น้อยกว่า 50%) 8 แห่ง
2. การดำเนินงานแก้ไขปัญหา
2.1 การแก้ไขปัญหาความเสียหายทางด้านกายภาพ (ทรัพย์สินของราชการและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ)
- ดำเนินการบูรณะฟื้นฟูทรัพย์สินของทางราชการและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะภายใต้คณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาจากธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้ (รองนายกรัฐมนตรี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) วงเงิน 294,865,138 บาท แบ่งเป็น
1) การฟื้นฟูความเสียหายทรัพย์สินของทางราชการ 240,115,138 บาท (ทช. อส.)
2) การบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ
2.1) ปรับปรุงซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ ในเขตอุทยานแห่งชาติ 22,400,000 บาท (อส.)
2.2) ปรับปรุงและซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสียรวม เทศบาล ต.กะรน และเทศบาลเมืองป่าตอง วงเงินรวม 31,000,000 บาท (คพ.)
2.3) ประสานกับท้องถิ่นในการวางผังเมืองของเกาะพีพี ให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอย (คพ.)
2.4) รื้อถอนเตาเผาที่ใช้การไม่ได้และขนย้ายไปกำจัดบนฝั่ง วงเงิน 1,000,000 บาท (คพ.)
2.5) ฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำธรรมชาติ บ่อเลี้ยงกุ้ง สระว่ายน้ำในโรงแรม เพื่อฆ่าเชื้อโรคและแก้ไข สภาพที่มีความเค็มจากน้ำทะเล วงเงิน 350,000 บาท (คพ. ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
2.2 การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.2.1 ทรัพยากรธรรมชาติ
- ดำเนินการทำความสะอาด (Clean up) บริเวณอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความเสียหายไปแล้ว โดยมีอุทยานแห่งชาติที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 100% 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
- ทำความสะอาดเก็บขยะใต้ท้องทะเลและพลิกฟื้นปะการังที่ได้รับผลกระทบ ได้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนและอาสาสมัครนักดำน้ำในการเก็บขยะใต้ท้องทะเล โดยได้ดำเนินการแล้ว ณ หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา โดยเก็บขยะได้มากกว่า 31 ตัน และจะมีแผนการดำเนินงานต่อไปอีกในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิ
- การบริการน้ำสะอาด ติดตั้งชุดประปาสนาม 4 จุด ในบริเวณ อ.ตะกั่วป่า และ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา - แจกจ่ายน้ำสะอาดรวม จำนวน 3,372,000 ลิตร ณ บ้านเขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
- การจัดระบบประปาโดยการเจาะบ่อบาดาลใหม่ และติดตั้งระบบประปาบาดาล ให้ผู้อพยพที่ศูนย์ที่พักชั่วคราว 5 จุด ณ อบต.บางม่วง จ.พังงา
- ทำความสะอาดแหล่งน้ำบาดาล สูบล้างบ่อน้ำตื้น จำนวน 286 บ่อ ณ อ.ตะกั่วป่า อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา อ.เกาะลันตา และ อ. เหนือคลอง จ.กระบี่ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เป่าล้างบ่อบาดาลในพื้นที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซ่อมแซมระบบประปา ณ จ.พังงา และ จ.ระนอง รวม 9 แห่ง เติมคลอรีนฆ่าเชื้อโรคในระบบประปาบริเวณ อ.ตะกั่วป่า และ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
2.2.2 สิ่งแวดล้อม
- ดำเนินการฆ่าเชื้อโรคในขุมเหมืองเก่าและแอ่งน้ำขัง 70 แห่ง
- ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำขยะมูลฝอยติดเชื้อ จากการรักษาพยาบาลไปกำจัดที่สถานกำจัดขยะของเทศบาลนครภูเก็ต รวมทั้งบำบัดกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคในท่อระบายน้ำ บริเวณวัดย่านยาว
- ตรวจสอบเชื้อโรค ได้แก่ E.Coli, Entercocci และ Parasite ในบ่อน้ำตื้นร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล และผู้เชี่ยวชาญจากรัฐมิชิแกน อ.ตะกั่วป่า
2.2.3 การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชน
- จัดทำมาตรการจัดการการจัดการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการข้อมูลและประเมินความเสียหาย การจัดการฟื้นฟูชุมชนและสิ่งแวดล้อมแบบมีส่วนร่วม การฟื้นฟูพื้นที่อุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยว การแบ่งมอบภารกิจในระดับพื้นที่ให้มีความชัดเจน โดยให้ประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรลุผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
- สำรวจ ศึกษาและวิจัยเร่งด่วน วงเงิน 100 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 เดือน (ก.พ. — ก.ค. 48) โดยใช้เงินงบกลาง
- ฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชน ตามแผนงานเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว วงเงิน 1,446.14 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนเร่งด่วน 22 โครงการ วงเงิน 688.04 ล้านบาท ระยะปานกลาง/ยาว 9 โครงการ วงเงิน 718.05 ล้านบาท รวมทั้งงบประมาณการบริหารโครงการและประสานชุมชนอีก 40.05 ล้านบาท ขณะนี้โครงการ/กิจกรรมตามแผนงานเร่งด่วนได้รับอนุมัติงบประมาณในการดำเนินงานจากสำนักงบประมาณแล้ว จำนวน 21 โครงการ วงเงิน 517.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.22 ล้านบาท ของวงเงินระยะเร่งด่วนทั้งหมด
2.3 การฟื้นฟูการท่องเที่ยว
- การให้บริการด้านการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล 15 แห่งในพื้นที่ประสบภัย
1) เปิดให้บริการแล้ว 12 แห่ง ในจำนวนนี้มีพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่เปิดให้บริการบางส่วน2 แห่ง ได้แก่ - อช. หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา เปิดให้บริการในรูปแบบเช้าไป—เย็นกลับ และการดำน้ำลึก โดยยังไม่อนุญาตให้พักค้างบนเกาะ และมีพื้นที่ที่ยังไม่เปิดให้บริการ ได้แก่ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน กองหินแฟนตาซี กำแพงเมืองจีน คริสต์มาสพอยต์ และ Snapper Allay ทั้งนี้ เพื่อให้แนวปะการังสามารถฟื้นตัว โดยปราศจากการรบกวนจากปัจจัยภายนอก - อช. หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดบริการท่องเที่ยว เฉพาะบริเวณอ่าวมาหยา และทะเลแหวก
2) ปิดบริการเป็นการชั่วคราว 3 แห่ง ได้แก่ อช. แหลมสน จ.ระนอง และจ.พังงา อช.สิรินาถ จ.ภูเก็ต และอช. หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา
- ดำเนินการโครงการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้คณะกรรมการฟื้นฟูการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามัน วงเงินงบประมาณโดยประมาณ 1,736,500,000 บาท โดยมีกิจกรรม ดังนี้ 1) พัฒนาอุทยานแห่งชาติทางทะเล ชายฝั่งอันดามันเพื่อเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางน้ำ 2) พัฒนาระบบสื่อความธรรมชาติเพื่อให้ความรู้แก้นักท่องเที่ยว 3) พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและการพัฒนาบริการในอุทยานแห่งชาติที่เสียหายหนักจากสึนามิ 4) พัฒนาและเชื่อมโยงระบบรักษาความปลอดภัย เตือนภัย การสื่อสาร และการกู้ภัย รวมทั้งสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิกจรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกิจกรรมทางน้ำ 5) จัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติชายฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ และระนอง) 6) พัฒนาระบบการกำจัดขยะ และบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน 7) ปรับปรุงท่าเทียบเรือทับละมุ คุระบุรี แหลมตะโหนด ปากบารา เป็น Gateways การท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติชายฝั่งทะเลอันดามัน 8) จัดตั้งศูนย์กลางการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลชายฝั่งอันดามัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--