คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และมอบให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นักวิชาการ ผู้รู้ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกตของที่ประชุมไปปรับปรุง แล้วนำเข้าสู่การประชุม คณะรัฐมนตรีครั่งต่อไปฃหากไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเนื้อหาก็จะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไปในสมัยหน้า ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลด้านการตลาด กระทรวงอุตสาหกรรมดูแลด้านการผลิต กระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องการพัฒนาชุมชน และฃกระทรวงการคลังดูแลเรื่องการจัดเก็บภาษีไม่ให้ซ้ำซ้อน
หลักการของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เนื่องจากประเทศไทยยังมีทุนที่เป็นทรัพยากร ผลผลิต โภคทรัพย์ รวมทั้งทุนทางสังคม โดยเฉพาะความรู้ ภูมิปัญญา ระบบคุณค่าและวัฒนธรรมในท้องถิ่นอีกเป็นอันมาก ถ้าหากมีการส่งเสริมสนับสนุนที่เหมาะสมให้ชุมชนได้เรียนรู้ ได้ค้นพบทุนเหล่านี้ ได้พัฒนาขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากรและที่มีอยู่ให้เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจรากหญ้าที่เข้มแข็ง ด้วยการประกอบการที่เรียกว่าวิสาหกิจชุมชนแล้ว ชุมชนจะได้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา จะเพิ่มมูลค่าให้ทรัพยากรและผลผลิตต่าง ๆ ในท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายได้ สวัสดิการและความมั่นคงให้ครอบครัวและชุมชนเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับชุมชนท้องถิ่นและสำหรับประเทศชาติโดยรวม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องกำหนดนโยบายให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนให้ชุมชนสามารถพัฒนาวิสาหกิจชุมชน
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่ยังไม่ได้มีการปรับปรุงแก้ไข มีดังนี้
1. บทนิยาม ว่าด้วยนิยามศัพท์ และรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
"ชุมชน" หมายความว่า กลุ่มบุคคลที่มีระบบความสัมพันธ์และวิถีชีวิตร่วมกัน ทั้งการประกอบอาชีพที่มีเป้าหมายแห่งการพัฒนาร่วมกัน ลักษณะทางสังคม และวัฒนธรรมแบบเดียวกัน มีการเรียนรู้และจัดการทรัพยากรร่วมกันสามารถกำหนดขอบเขตกิจกรรมการผลิตและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสร้างความมั่นคง ความสงบสุขและระบบนิเวศน์ของสังคมโดยรวม
"วิสาหกิจชุมชน" หมายความว่า วิสาหกิจของชุมชนที่มุ่งประกอบการเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัวชุมชน และระหว่างชุมชน โดยนำวัตถุดิบ ทรัพยากรและภูมิปัญหาของชุมชน รวมทั้งงานวิจัยต้นแบบมาสร้างสรรผลผลิต เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเรียนรู้ของชุมชน
"กองทุน" หมายความว่า กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"คณะกรรมการบริหารกองทุน" หมายความว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"สำนักงาน" หมายความว่า สำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"ผู้จัดการ" หมายความว่า ผู้จัดการสำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"สถาบัน" หมายความว่า สถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"คณะกรรมการบริหารสถาบัน" หมายความว่า คณะกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"ผู้อำนวยการ" หมายความว่า ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงหรือประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
2. หมวด 1 ว่าด้วยการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบการโดยมุ่งประโยชน์ทางสังคมแก่ชุมชนมากกว่าการแสวงหากำไรสูงสุด รวมตลอดถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ การมีสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน แบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือ 1) วิสาหกิจชุมชนที่ไม่เป็นนิติบุคคล 2) วิสาหกิจชุมชนที่เป็นนิติบุคคล
การดำเนินการวิสาหกิจชุมชน ให้มีคณะบริหารวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกันในการบริหารงานและติดต่อบุคคลภายนอก
สำหรับรายได้ของวิสาหกิจชุมชน ได้แก่ ผลตอบแทนจากการประกอบการ เงินอุดหนุนขอองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้จากกองทุนและจากแหล่งต่าง ๆ เงินสนับสนุนและเงินสมทบจากรัฐ เงินสนับสนุนหรือเงินบริจาคจากแหล่งเงินภายในและภายนอกประเทศ รายได้จากการขายทรัพย์สินของวิสาหกิจชุมชน ผลประโยชน์จากสิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา รายได้และผลประโยชน์อื่น ๆ
การจัดสรรกำไรสุทธิของวิสาหกิจชุมชน ให้จัดสรรเพื่อสนับสนุนกิจการภายในชุมชนดังต่อไปนี้การศึกษาและการเรียนรู้ของชุมชน การจัดสวัสดิการ คนชรา ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส การสร้างสาธารณูปโภคภายในชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การสมทบกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน การพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเป็นทรัพย์สินของชุมชน
3. หมวด 2 ว่าด้วยกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และอำนาจหน้าที่
ให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) ร่วมทุนกับวิสาหกิจชุมชนในสัดส่วนไม่เกินครึ่งหนึ่งของเงินทุนทั้งหมด แต่ต้องขายคืนให้แก่ชุมชนเมื่อชุมชนมีความพร้อม ทั้งนี้ต้องไม่เกินห้าปี
2) สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กับวิสาหกิจชุมชน
3) สนับสนุนเงินกู้ยืมแก่วิสาหกิจชุมชน
4) สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงาน และสถาบัน
กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้
1) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
2) เงินอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาล
3) เงินอุดหนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
4) เงินอุดหนุนจากภาคเอกชน หรือองค์การอื่น รวมทั้งจากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
5) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาค รวมทั้งเงินอุดหนุนจากองค์การภายในประเทศ
6) เงินที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุน
7) ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้จากการดำเนินการ
8) เงินที่ได้จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามที่คณะกรรมการกำหนด
9) เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุน
10) ดอกผลหรือรายได้ของกองทุน รวมทั้งผลประโยชน์จากสิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญา และผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เกิดจากการดำเนินการ
11) รายรับอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด
ในกรณีกองทุนมีจำนวนเงินไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานและสถาบัน การให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจชุมชน และค่าภาระต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและเหมาะสม รัฐพึงจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเข้าสมทบกองทุนเท่าจำนวนที่จำเป็น
กองทุนมีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
1) ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
2) ก่อตั้งสิทธิ หรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
3) ให้วิสาหกิจชุมชนกู้ยืมเงินเพื่อดำเนินกิจการ
4) กู้ยืมเงินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
5) ลงทุนหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองทุน
6) กระทำการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่อง ในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
4. หมวด 3 ว่าด้วยคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน คณะกรรมการบริหารกองทุนวิสาหกิจชุมชน คณะกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน อำนาจหน้าที่ การประชุม และการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการต่าง ๆ ดังนี้
4.1 ให้มี "คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และกรรมการอื่นอีกไม่เกินสิบห้าคนซึ่งแต่งตั้งโดยประธานกรรมการ โดยแต่งตั้งจากผู้แทนชุมชนจำนวนเก้าคนและผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหกคน
ให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้จัดการเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งเป็นคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชนในวรรคแรกเพื่อเสนอประธานกรรมการแต่งตั้ง
4.2 ให้มี "คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และกรรมการอื่นอีกจำนวนหกคน ที่มาจากการสรรหาและการแต่งตั้งของคณะกรรมการ
ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนออกระเบียบในการสรรหาผู้จัดการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนสรรหาผู้จัดการเสนอคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้ง
ให้ผู้จัดการเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้อำนวยการเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
4.3 ให้มี "คณะกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" ประกอบด้วยประธานกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และกรรมการอื่นอีกจำนวนหกคน โดยแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองคนและผู้แทนชุมชนจำนวนสี่คน ที่มาจากการสรรหาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
ให้คณะกรรมการบริหารสถาบันออกระเบียบในการสรรหาผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้คณะกรรมการบริหารสถาบันสรรหาผู้อำนวยการเสนอคณะกรรมการพิจารณาแต่างตั้ง
ให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้จัดการเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชน และกรรมการบริหารต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
1) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือกรรมการ ที่ปรึกษา หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
2) ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานองค์กรของรัฐซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
3) ไม่เป็นบุคคลซึ่งทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐไล่ออก ปลดออก ให้ออกหรือเลิกจ้างเพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชนและกรรมการบริหารมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี
กรรมการตามวรรคแรกซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
5. หมวด 4 ว่าด้วยสำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน อำนาจหน้าที่และการแต่งตั้ง ดังนี้
5.1 ให้จัดตั้งสำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอาจตั้งสาขา ณ ที่อื่นใดได้ตามความจำเป็น มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน โดยมีผู้จัดการเป็นหัวหน้าสำนักงาน และให้สำนักงานมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
1) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ ศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ
2) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชน
3) พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ในการพิจารณาแผนส่งเสริมหรือโครงการวิสาหกิจชุมชน
4) ให้การสนับสนุน ปรึกษาหารือ และแนะนำแก่วิสาหกิจชุมชน เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนส่งเสริมหรือโครงการวิสาหกิจชุมชนตามความจำเป็น หรือตามที่ชุมชนร้องขอ
5) ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนหรือโครงการวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน และรายงานผลต่อคณะกรรมการ
6) จัดทำงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนและสำนักงาน และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของวิสาหกิจชุมชนต่อคณะกรรมการ
7) ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
5.2 ให้จัดตั้ง "สถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" และให้เป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอาจตั้งสาขา ณ ที่อื่นใดได้ตามความจำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัตินี้ โดยมีผู้อำนวยการเป็นหัวหน้าสถาบัน และให้สถาบันมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1) ส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของชุมชน
2) พัฒนาวิสาหกิจชุมชนบนพื้นฐานข้อมูลศักยภาพ และสภาพความเป็นจริงของชุมชน
3) สนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ภายใต้กระบวนการและวิธีการของชุมชน
4) จัดให้มีและบริหารระบบข้อมูลรวมถึงการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ การพัฒนาและการวิจัยวิสาหกิจชุมชน
5) สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญารวมถึงการปกป้องด้วยกระบวนการทางกฎหมาย สังคมและวัฒนธรรม
6) ประสานและจัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและองค์การเอกชนที่เกี่ยวข้อง
7) จัดทำแผนและงบประมาณเพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนภายใต้วัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้
8) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ
9) จัดทำงบดุลและรายงานการเงินของสถาบัน และรวมทั้งผลปฏิบัติงานประจำปีต่อคณะกรรมการ
10) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำบัญชีวิสาหกิจชุมชนตามหลักเกณฑ์การบัญชีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
11) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขึ้นทะเบียน และหรือจดทะเบียนนิติบุคคลของวิสาหกิจชุมชน
6. หมวด 5 ว่าด้วยการส่งเสริมและการสนับสนุนของรัฐในด้านต่าง ๆ ดังนี้
6.1 วิสาหกิจชุมชนพึงได้รับการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้
6.2 วิสาหกิจชุมชนที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือ ส่งเสริมหรือสนับสนุนจากกองทุน ให้ยื่นคำขอต่อสถาบันหรือสำนักงานสาขา พร้อมด้วยรายละเอียดแสดงแผนงานและโครงการที่จะดำเนินการ
การยื่นคำขอและการให้ความช่วยเหลือ การส่งเสริมหรือการสนับสนุน ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
6.3 ในการพิจารณาคำขอรับความช่วยเหลือ ส่งเสริม หรือสนับสนุนตามมาตรา 51 ให้สำนักงานหรือสถาบัน พิจารณาจัดสรรให้สอดคล้องกับแผนงาน โครงการ กิจกรรม โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้และความจำเป็นในทางเศรษฐกิจ การเงินการลงทุน เงินทุนหมุนเวียนของวิสาหกิจ ตลอดจนความเหมาะสมด้านการประกอบการของวิสาหกิจชุมชนผู้ยื่นคำขอ
6.4 ให้วิสาหกิจชุมชนได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการมีกำหนดเวลาตามที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งไม่น้อยกว่าสามปีแต่ไม่เกินแปดปี นับแต่วันที่มีรายได้จากการประกอบการนั้น
ในระหว่างที่วิสาหกิจชุมชนได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนจะได้รับอนุญาตให้นำผลขาดทุนประจำปีที่เกิดขึ้นภายหลังระยะเวลาที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ มีกำหนดเวลาไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลานั้น ไปหักออกจากกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นภายหลังระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ โดยจะเลือกหักจากกำไรสุทธิของปีใดปีหนึ่งหรือหลายปีก็ได้
ให้วิสาหกิจชุมชนได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
6.5 วิสาหกิจชุมชนสามารถกำหนดคุณภาพผลิตภัณฑ์ของตน และรับผิดชอบให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ใช้บริการ
7. หมวด 6 ว่าด้วยการเพิกถอนการส่งเสริมและการสนับสนุนของรัฐ
ในกรณีที่ปรากฏว่าวิสาหกิจชุมชน กระทำการโดยไม่สุจริต เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนของตนมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ ส่งเสริม หรือได้รับการสนับสนุนหรือได้รับสิทธิและประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการบริหารสถาบันมีอำนาจสั่งเพิกถอนการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาดังกล่าว นับแต่วันที่คณะกรรมการบริหารสถาบันได้ตรวจพบ
ห้ามชุมชนที่ถูกเพิกถอนการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนา ขอขึ้นทะเบียนจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนในกำหนดระยะเวลาห้าปี นับแต่วันถูกเพิกถอน
ให้วิสาหกิจชุมชนที่ถูกเพิกถอนดังกล่าวมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการบริหารสถาบันต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่มีคำสั่งเพิกถอน
8. บทเฉพาะกาล ว่าด้วยการดำเนินการขณะยังไม่มีกรรมการที่มาจากการสรรหา ดังนี้
8.1 ในระยะเวลาเริ่มแรก ให้รัฐบาลจัดสรรเงินทุนประเดิมให้แก่กองทุนตามจำนวนที่เหมาะสม ให้เพียงพอแก่การดำเนินงานตามพระราชบัญญัตินี้ และจัดสรรงบประมาณเพื่อการจัดตั้งสำนักงานและสถาบัน ให้เพียงพอแก่การปฏิบัติภารกิจที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัตินี้
8.2 ในระยะเวลาเริ่มแรก ให้คณะกรรมการชั่วคราว ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีกรรมการประกอบด้วยผู้นำชุมชนและผู้ทรงคุณวุฒิด้านชุมชนจำนวนเจ็ดคนที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้ง มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเลขานุการ และมีอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ดำเนินการบริหารงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ต้องให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 ก.ค.44--
-สส-
หลักการของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เนื่องจากประเทศไทยยังมีทุนที่เป็นทรัพยากร ผลผลิต โภคทรัพย์ รวมทั้งทุนทางสังคม โดยเฉพาะความรู้ ภูมิปัญญา ระบบคุณค่าและวัฒนธรรมในท้องถิ่นอีกเป็นอันมาก ถ้าหากมีการส่งเสริมสนับสนุนที่เหมาะสมให้ชุมชนได้เรียนรู้ ได้ค้นพบทุนเหล่านี้ ได้พัฒนาขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากรและที่มีอยู่ให้เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจรากหญ้าที่เข้มแข็ง ด้วยการประกอบการที่เรียกว่าวิสาหกิจชุมชนแล้ว ชุมชนจะได้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา จะเพิ่มมูลค่าให้ทรัพยากรและผลผลิตต่าง ๆ ในท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายได้ สวัสดิการและความมั่นคงให้ครอบครัวและชุมชนเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับชุมชนท้องถิ่นและสำหรับประเทศชาติโดยรวม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องกำหนดนโยบายให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนให้ชุมชนสามารถพัฒนาวิสาหกิจชุมชน
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่ยังไม่ได้มีการปรับปรุงแก้ไข มีดังนี้
1. บทนิยาม ว่าด้วยนิยามศัพท์ และรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
"ชุมชน" หมายความว่า กลุ่มบุคคลที่มีระบบความสัมพันธ์และวิถีชีวิตร่วมกัน ทั้งการประกอบอาชีพที่มีเป้าหมายแห่งการพัฒนาร่วมกัน ลักษณะทางสังคม และวัฒนธรรมแบบเดียวกัน มีการเรียนรู้และจัดการทรัพยากรร่วมกันสามารถกำหนดขอบเขตกิจกรรมการผลิตและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสร้างความมั่นคง ความสงบสุขและระบบนิเวศน์ของสังคมโดยรวม
"วิสาหกิจชุมชน" หมายความว่า วิสาหกิจของชุมชนที่มุ่งประกอบการเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัวชุมชน และระหว่างชุมชน โดยนำวัตถุดิบ ทรัพยากรและภูมิปัญหาของชุมชน รวมทั้งงานวิจัยต้นแบบมาสร้างสรรผลผลิต เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเรียนรู้ของชุมชน
"กองทุน" หมายความว่า กองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"คณะกรรมการบริหารกองทุน" หมายความว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"สำนักงาน" หมายความว่า สำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"ผู้จัดการ" หมายความว่า ผู้จัดการสำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"สถาบัน" หมายความว่า สถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"คณะกรรมการบริหารสถาบัน" หมายความว่า คณะกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"ผู้อำนวยการ" หมายความว่า ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงหรือประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
2. หมวด 1 ว่าด้วยการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบการโดยมุ่งประโยชน์ทางสังคมแก่ชุมชนมากกว่าการแสวงหากำไรสูงสุด รวมตลอดถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ การมีสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน แบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือ 1) วิสาหกิจชุมชนที่ไม่เป็นนิติบุคคล 2) วิสาหกิจชุมชนที่เป็นนิติบุคคล
การดำเนินการวิสาหกิจชุมชน ให้มีคณะบริหารวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกันในการบริหารงานและติดต่อบุคคลภายนอก
สำหรับรายได้ของวิสาหกิจชุมชน ได้แก่ ผลตอบแทนจากการประกอบการ เงินอุดหนุนขอองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้จากกองทุนและจากแหล่งต่าง ๆ เงินสนับสนุนและเงินสมทบจากรัฐ เงินสนับสนุนหรือเงินบริจาคจากแหล่งเงินภายในและภายนอกประเทศ รายได้จากการขายทรัพย์สินของวิสาหกิจชุมชน ผลประโยชน์จากสิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา รายได้และผลประโยชน์อื่น ๆ
การจัดสรรกำไรสุทธิของวิสาหกิจชุมชน ให้จัดสรรเพื่อสนับสนุนกิจการภายในชุมชนดังต่อไปนี้การศึกษาและการเรียนรู้ของชุมชน การจัดสวัสดิการ คนชรา ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส การสร้างสาธารณูปโภคภายในชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การสมทบกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน การพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเป็นทรัพย์สินของชุมชน
3. หมวด 2 ว่าด้วยกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และอำนาจหน้าที่
ให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) ร่วมทุนกับวิสาหกิจชุมชนในสัดส่วนไม่เกินครึ่งหนึ่งของเงินทุนทั้งหมด แต่ต้องขายคืนให้แก่ชุมชนเมื่อชุมชนมีความพร้อม ทั้งนี้ต้องไม่เกินห้าปี
2) สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กับวิสาหกิจชุมชน
3) สนับสนุนเงินกู้ยืมแก่วิสาหกิจชุมชน
4) สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงาน และสถาบัน
กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้
1) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
2) เงินอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาล
3) เงินอุดหนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
4) เงินอุดหนุนจากภาคเอกชน หรือองค์การอื่น รวมทั้งจากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
5) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาค รวมทั้งเงินอุดหนุนจากองค์การภายในประเทศ
6) เงินที่ได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุน
7) ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้จากการดำเนินการ
8) เงินที่ได้จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามที่คณะกรรมการกำหนด
9) เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุน
10) ดอกผลหรือรายได้ของกองทุน รวมทั้งผลประโยชน์จากสิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญา และผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เกิดจากการดำเนินการ
11) รายรับอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด
ในกรณีกองทุนมีจำนวนเงินไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานและสถาบัน การให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจชุมชน และค่าภาระต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและเหมาะสม รัฐพึงจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเข้าสมทบกองทุนเท่าจำนวนที่จำเป็น
กองทุนมีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
1) ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
2) ก่อตั้งสิทธิ หรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
3) ให้วิสาหกิจชุมชนกู้ยืมเงินเพื่อดำเนินกิจการ
4) กู้ยืมเงินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
5) ลงทุนหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองทุน
6) กระทำการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่อง ในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
4. หมวด 3 ว่าด้วยคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน คณะกรรมการบริหารกองทุนวิสาหกิจชุมชน คณะกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน อำนาจหน้าที่ การประชุม และการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการต่าง ๆ ดังนี้
4.1 ให้มี "คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และกรรมการอื่นอีกไม่เกินสิบห้าคนซึ่งแต่งตั้งโดยประธานกรรมการ โดยแต่งตั้งจากผู้แทนชุมชนจำนวนเก้าคนและผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหกคน
ให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้จัดการเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งเป็นคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชนในวรรคแรกเพื่อเสนอประธานกรรมการแต่งตั้ง
4.2 ให้มี "คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และกรรมการอื่นอีกจำนวนหกคน ที่มาจากการสรรหาและการแต่งตั้งของคณะกรรมการ
ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนออกระเบียบในการสรรหาผู้จัดการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนสรรหาผู้จัดการเสนอคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้ง
ให้ผู้จัดการเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้อำนวยการเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
4.3 ให้มี "คณะกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" ประกอบด้วยประธานกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และกรรมการอื่นอีกจำนวนหกคน โดยแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองคนและผู้แทนชุมชนจำนวนสี่คน ที่มาจากการสรรหาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
ให้คณะกรรมการบริหารสถาบันออกระเบียบในการสรรหาผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และให้คณะกรรมการบริหารสถาบันสรรหาผู้อำนวยการเสนอคณะกรรมการพิจารณาแต่างตั้ง
ให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้จัดการเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชน และกรรมการบริหารต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
1) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือกรรมการ ที่ปรึกษา หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
2) ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานองค์กรของรัฐซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
3) ไม่เป็นบุคคลซึ่งทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐไล่ออก ปลดออก ให้ออกหรือเลิกจ้างเพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชนและกรรมการบริหารมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี
กรรมการตามวรรคแรกซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
5. หมวด 4 ว่าด้วยสำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และสถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน อำนาจหน้าที่และการแต่งตั้ง ดังนี้
5.1 ให้จัดตั้งสำนักงานกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอาจตั้งสาขา ณ ที่อื่นใดได้ตามความจำเป็น มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน โดยมีผู้จัดการเป็นหัวหน้าสำนักงาน และให้สำนักงานมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
1) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ ศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ
2) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชน
3) พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ในการพิจารณาแผนส่งเสริมหรือโครงการวิสาหกิจชุมชน
4) ให้การสนับสนุน ปรึกษาหารือ และแนะนำแก่วิสาหกิจชุมชน เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนส่งเสริมหรือโครงการวิสาหกิจชุมชนตามความจำเป็น หรือตามที่ชุมชนร้องขอ
5) ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนหรือโครงการวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน และรายงานผลต่อคณะกรรมการ
6) จัดทำงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนและสำนักงาน และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของวิสาหกิจชุมชนต่อคณะกรรมการ
7) ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
5.2 ให้จัดตั้ง "สถาบันพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน" และให้เป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอาจตั้งสาขา ณ ที่อื่นใดได้ตามความจำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัตินี้ โดยมีผู้อำนวยการเป็นหัวหน้าสถาบัน และให้สถาบันมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1) ส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของชุมชน
2) พัฒนาวิสาหกิจชุมชนบนพื้นฐานข้อมูลศักยภาพ และสภาพความเป็นจริงของชุมชน
3) สนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ภายใต้กระบวนการและวิธีการของชุมชน
4) จัดให้มีและบริหารระบบข้อมูลรวมถึงการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ การพัฒนาและการวิจัยวิสาหกิจชุมชน
5) สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญารวมถึงการปกป้องด้วยกระบวนการทางกฎหมาย สังคมและวัฒนธรรม
6) ประสานและจัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและองค์การเอกชนที่เกี่ยวข้อง
7) จัดทำแผนและงบประมาณเพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนภายใต้วัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้
8) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ
9) จัดทำงบดุลและรายงานการเงินของสถาบัน และรวมทั้งผลปฏิบัติงานประจำปีต่อคณะกรรมการ
10) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำบัญชีวิสาหกิจชุมชนตามหลักเกณฑ์การบัญชีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
11) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขึ้นทะเบียน และหรือจดทะเบียนนิติบุคคลของวิสาหกิจชุมชน
6. หมวด 5 ว่าด้วยการส่งเสริมและการสนับสนุนของรัฐในด้านต่าง ๆ ดังนี้
6.1 วิสาหกิจชุมชนพึงได้รับการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัตินี้
6.2 วิสาหกิจชุมชนที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือ ส่งเสริมหรือสนับสนุนจากกองทุน ให้ยื่นคำขอต่อสถาบันหรือสำนักงานสาขา พร้อมด้วยรายละเอียดแสดงแผนงานและโครงการที่จะดำเนินการ
การยื่นคำขอและการให้ความช่วยเหลือ การส่งเสริมหรือการสนับสนุน ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
6.3 ในการพิจารณาคำขอรับความช่วยเหลือ ส่งเสริม หรือสนับสนุนตามมาตรา 51 ให้สำนักงานหรือสถาบัน พิจารณาจัดสรรให้สอดคล้องกับแผนงาน โครงการ กิจกรรม โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้และความจำเป็นในทางเศรษฐกิจ การเงินการลงทุน เงินทุนหมุนเวียนของวิสาหกิจ ตลอดจนความเหมาะสมด้านการประกอบการของวิสาหกิจชุมชนผู้ยื่นคำขอ
6.4 ให้วิสาหกิจชุมชนได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการมีกำหนดเวลาตามที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งไม่น้อยกว่าสามปีแต่ไม่เกินแปดปี นับแต่วันที่มีรายได้จากการประกอบการนั้น
ในระหว่างที่วิสาหกิจชุมชนได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนจะได้รับอนุญาตให้นำผลขาดทุนประจำปีที่เกิดขึ้นภายหลังระยะเวลาที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ มีกำหนดเวลาไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลานั้น ไปหักออกจากกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นภายหลังระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ โดยจะเลือกหักจากกำไรสุทธิของปีใดปีหนึ่งหรือหลายปีก็ได้
ให้วิสาหกิจชุมชนได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
6.5 วิสาหกิจชุมชนสามารถกำหนดคุณภาพผลิตภัณฑ์ของตน และรับผิดชอบให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ใช้บริการ
7. หมวด 6 ว่าด้วยการเพิกถอนการส่งเสริมและการสนับสนุนของรัฐ
ในกรณีที่ปรากฏว่าวิสาหกิจชุมชน กระทำการโดยไม่สุจริต เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนของตนมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ ส่งเสริม หรือได้รับการสนับสนุนหรือได้รับสิทธิและประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการบริหารสถาบันมีอำนาจสั่งเพิกถอนการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาดังกล่าว นับแต่วันที่คณะกรรมการบริหารสถาบันได้ตรวจพบ
ห้ามชุมชนที่ถูกเพิกถอนการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนา ขอขึ้นทะเบียนจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนในกำหนดระยะเวลาห้าปี นับแต่วันถูกเพิกถอน
ให้วิสาหกิจชุมชนที่ถูกเพิกถอนดังกล่าวมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการบริหารสถาบันต่อคณะกรรมการภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่มีคำสั่งเพิกถอน
8. บทเฉพาะกาล ว่าด้วยการดำเนินการขณะยังไม่มีกรรมการที่มาจากการสรรหา ดังนี้
8.1 ในระยะเวลาเริ่มแรก ให้รัฐบาลจัดสรรเงินทุนประเดิมให้แก่กองทุนตามจำนวนที่เหมาะสม ให้เพียงพอแก่การดำเนินงานตามพระราชบัญญัตินี้ และจัดสรรงบประมาณเพื่อการจัดตั้งสำนักงานและสถาบัน ให้เพียงพอแก่การปฏิบัติภารกิจที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัตินี้
8.2 ในระยะเวลาเริ่มแรก ให้คณะกรรมการชั่วคราว ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีกรรมการประกอบด้วยผู้นำชุมชนและผู้ทรงคุณวุฒิด้านชุมชนจำนวนเจ็ดคนที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้ง มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเลขานุการ และมีอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ดำเนินการบริหารงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ต้องให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 ก.ค.44--
-สส-