ทำเนียบรัฐบาล--27 มิ.ย.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ร่างอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเบลารุส และให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการทางการทูต เพื่อให้มีการลงนามอย่างเป็นทางการและมีการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างกัน ตลอดจนดำเนินการตามแบบพิธีของกฎหมายภายในเพื่อให้อนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยร่างอนุสัญญาดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ขอบข่ายของอนุสัญญาฯ จะใช้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือประเทศเบลารุสหรือทั้งสองประเทศและจะใช้บังคับกับภาษีเก็บจากฐานเงินได้และจากทรัพย์สิน
2. วิธีขจัดภาษีซ้อน ประเทศคู่สัญญาจะยอมให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ของตนนำภาษีที่เสียไว้แล้วในอีกประเทศหนึ่งมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในประเทศตนเท่าที่ได้ชำระไว้จริงแต่ต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่คำนวณได้ในประเทศตน
นอกจากนี้ อนุสัญญายังได้กำหนดให้มีมาตรการ Tax Sparing Credit ในทั้งสองประเทศด้วย กล่าวคือกรณีได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีตามกฎหมายภายในของประเทศหนึ่ง (ประเทศแหล่งเงินได้) อีกประเทศหนึ่ง (ประเทศถิ่นที่อยู่ของผู้รับเงินได้) จะยอมให้นำจำนวนภาษีที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าวไปถือเป็นเครดิตภาษีได้อีก
3. การเก็บภาษีจากกำไรธุรกิจ ประเทศที่มีการจ่ายเงินได้จะเก็บภาษีจากผู้รับเงินได้ ซึ่งเป็นวิสาหกิจของอีกประเทศหนึ่งได้ต่อเมื่อวิสาหกิจนั้นดำเนินธุรกิจผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศที่มีการจ่ายเงินได้นั้น
4. การเก็บภาษีจากการขนส่งระหว่างประเทศ ประเทศแหล่งเงินได้ยกเว้นภาษีให้เฉพาะการบินและการขนส่งทางบก ส่วนการเดินเรือจะลดภาษีให้กึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเก็บภาษีจากทรัพย์สิน การเก็บภาษีจากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนจากการจ้างแรงงาน การให้บริการส่วนบุคคล ครู นักวิจัย และบทบัญญัติพิเศษอื่น ๆ
ทั้งนี้ การจัดทำอนุสัญญาฯ จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูต ทางด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเบลารุสให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ร่างอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเบลารุส และให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการทางการทูต เพื่อให้มีการลงนามอย่างเป็นทางการและมีการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างกัน ตลอดจนดำเนินการตามแบบพิธีของกฎหมายภายในเพื่อให้อนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยร่างอนุสัญญาดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ขอบข่ายของอนุสัญญาฯ จะใช้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือประเทศเบลารุสหรือทั้งสองประเทศและจะใช้บังคับกับภาษีเก็บจากฐานเงินได้และจากทรัพย์สิน
2. วิธีขจัดภาษีซ้อน ประเทศคู่สัญญาจะยอมให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ของตนนำภาษีที่เสียไว้แล้วในอีกประเทศหนึ่งมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในประเทศตนเท่าที่ได้ชำระไว้จริงแต่ต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่คำนวณได้ในประเทศตน
นอกจากนี้ อนุสัญญายังได้กำหนดให้มีมาตรการ Tax Sparing Credit ในทั้งสองประเทศด้วย กล่าวคือกรณีได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีตามกฎหมายภายในของประเทศหนึ่ง (ประเทศแหล่งเงินได้) อีกประเทศหนึ่ง (ประเทศถิ่นที่อยู่ของผู้รับเงินได้) จะยอมให้นำจำนวนภาษีที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าวไปถือเป็นเครดิตภาษีได้อีก
3. การเก็บภาษีจากกำไรธุรกิจ ประเทศที่มีการจ่ายเงินได้จะเก็บภาษีจากผู้รับเงินได้ ซึ่งเป็นวิสาหกิจของอีกประเทศหนึ่งได้ต่อเมื่อวิสาหกิจนั้นดำเนินธุรกิจผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศที่มีการจ่ายเงินได้นั้น
4. การเก็บภาษีจากการขนส่งระหว่างประเทศ ประเทศแหล่งเงินได้ยกเว้นภาษีให้เฉพาะการบินและการขนส่งทางบก ส่วนการเดินเรือจะลดภาษีให้กึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเก็บภาษีจากทรัพย์สิน การเก็บภาษีจากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนจากการจ้างแรงงาน การให้บริการส่วนบุคคล ครู นักวิจัย และบทบัญญัติพิเศษอื่น ๆ
ทั้งนี้ การจัดทำอนุสัญญาฯ จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูต ทางด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเบลารุสให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-