คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ตามมติของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไปพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….มีสาระสำคัญในการให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยได้ และได้เพิ่มความหมายของคำว่า "มูลฝอย" ให้รวมถึงมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษและหรืออันตรายจากครัวเรือนด้วย แต่เนื่องจากการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อและมูลฝอยที่เป็นพิษนั้น จำเป็นต้องมีวิธีการควบคุม กำกับดูแลด้วยวิธีการพิเศษเฉพาะ ซึ่งขณะนี้ราชการส่วนท้องถิ่นอาจจะยังไม่มีความพร้อมทั้งในเรื่องบุคลากร งบประมาณ เทคโนโลยี และสถานที่ ดังนั้นในระยะแรกนี้ เห็นควรให้หน่วยงานที่มีความพร้อมและมีบทบาทในการดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้วดำเนินการต่อไปก่อน เช่น กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบดำเนินการในเรื่องมูลฝอยติดเชื้อ แต่ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายว่าเมื่อราชการส่วนท้องถิ่นใดมีความพร้อมที่จะดำเนินการเอง จะโอนการบริหารจัดการไปยังราชการส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป นอกจากนี้หากท้องถิ่นใดยังไม่มีขีดความสามารถในการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากครัวเรือน ให้ร่วมกับส่วนราชการอื่นหรือท้องถิ่นอื่นที่มีศักยภาพดำเนินการ
สำหรับข้อยกเว้นในร่างมาตรา 4 นั้น เห็นควรให้ความเห็นชอบตามร่างที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และในกรณีโรงงานหรือสถานประกอบการใด ๆ นำสิ่งปฏิกูลหรือวัสุดที่ไม่ใช้แล้วที่เป็นพิษหรืออันตรายจากโรงงานมาผสมหรือปนกันกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นพิษหรืออันตราย เพื่อจะได้เสียค่าใช้จ่ายในการจำกัดน้อยลงนั้น โดยที่การกระทำดังกล่าวจะมีผลทำให้เกิดปัญหาความปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้ สมควรให้มีมาตรการทางด้านกฎหมายรองรับ ดังนั้น หากยังไม่มีการกำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจน เหมาะสม เพียงพอ ก็ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและไม่กล้าฝ่าฝืนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมดูแลและจัดการปัญหาด้านการสาธารณสุขสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยกระจายอำนาจให้ราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายนี้ รวมทั้งมีอำนาจในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ได้ซึ่งในปัจจุบันสภาวการณ์ต่าง ๆ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นผลให้ปัญหาบางประการมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกี่ยวกับการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยที่เกิดในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งทำให้ราชการส่วนท้องถิ่นหลาย ๆ แห่ง ต้องมีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในการกำจัดเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะราชการส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดให้มีระบบการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยที่ถูกหลักสุขาภิบาลซึ่งมีมูลค่าการลงทุนและการดำเนินการที่สูงมาก จึงสมควรปรับปรุงบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ให้ราชการส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยได้ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราช-บัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขนิยามคำว่า "มูลฝอย" ให้ครอบคลุมถึงมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษ และหรืออันตรายจากครัวเรือน โดยยกเว้นวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่เป็นพิษและหรืออันตรายจากโรงงาน และให้ครอบคลุมถึงการเก็บมูลฝอยในสถานที่อื่นด้วย
2. เพิ่มเติมคำว่า "เก็บ ขน" ไว้ในการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย และเพิ่มข้อกำหนดให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นอาจร่วมกับส่วนราชการอื่น หรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่นดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน
3. เพิ่มข้อกำหนดในกรณีที่ราชการส่วนท้องถิ่นจัดการหรือมอบให้บุคคลใดกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยด้วยวิธีการที่ถูกหลักสุขาภิบาลตามกฎกระทรวง และเพิ่มอำนาจให้ราชการส่วนท้องถิ่นนั้นกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยได้ โดยไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
4. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 ก.ค.44--
-สส-
ทั้งนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….มีสาระสำคัญในการให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยได้ และได้เพิ่มความหมายของคำว่า "มูลฝอย" ให้รวมถึงมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษและหรืออันตรายจากครัวเรือนด้วย แต่เนื่องจากการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อและมูลฝอยที่เป็นพิษนั้น จำเป็นต้องมีวิธีการควบคุม กำกับดูแลด้วยวิธีการพิเศษเฉพาะ ซึ่งขณะนี้ราชการส่วนท้องถิ่นอาจจะยังไม่มีความพร้อมทั้งในเรื่องบุคลากร งบประมาณ เทคโนโลยี และสถานที่ ดังนั้นในระยะแรกนี้ เห็นควรให้หน่วยงานที่มีความพร้อมและมีบทบาทในการดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้วดำเนินการต่อไปก่อน เช่น กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบดำเนินการในเรื่องมูลฝอยติดเชื้อ แต่ทั้งนี้โดยมีเป้าหมายว่าเมื่อราชการส่วนท้องถิ่นใดมีความพร้อมที่จะดำเนินการเอง จะโอนการบริหารจัดการไปยังราชการส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป นอกจากนี้หากท้องถิ่นใดยังไม่มีขีดความสามารถในการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากครัวเรือน ให้ร่วมกับส่วนราชการอื่นหรือท้องถิ่นอื่นที่มีศักยภาพดำเนินการ
สำหรับข้อยกเว้นในร่างมาตรา 4 นั้น เห็นควรให้ความเห็นชอบตามร่างที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และในกรณีโรงงานหรือสถานประกอบการใด ๆ นำสิ่งปฏิกูลหรือวัสุดที่ไม่ใช้แล้วที่เป็นพิษหรืออันตรายจากโรงงานมาผสมหรือปนกันกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นพิษหรืออันตราย เพื่อจะได้เสียค่าใช้จ่ายในการจำกัดน้อยลงนั้น โดยที่การกระทำดังกล่าวจะมีผลทำให้เกิดปัญหาความปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้ สมควรให้มีมาตรการทางด้านกฎหมายรองรับ ดังนั้น หากยังไม่มีการกำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจน เหมาะสม เพียงพอ ก็ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและไม่กล้าฝ่าฝืนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมดูแลและจัดการปัญหาด้านการสาธารณสุขสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยกระจายอำนาจให้ราชการส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายนี้ รวมทั้งมีอำนาจในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ได้ซึ่งในปัจจุบันสภาวการณ์ต่าง ๆ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นผลให้ปัญหาบางประการมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกี่ยวกับการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยที่เกิดในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งทำให้ราชการส่วนท้องถิ่นหลาย ๆ แห่ง ต้องมีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในการกำจัดเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะราชการส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดให้มีระบบการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยที่ถูกหลักสุขาภิบาลซึ่งมีมูลค่าการลงทุนและการดำเนินการที่สูงมาก จึงสมควรปรับปรุงบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ให้ราชการส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยได้ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราช-บัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขนิยามคำว่า "มูลฝอย" ให้ครอบคลุมถึงมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษ และหรืออันตรายจากครัวเรือน โดยยกเว้นวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่เป็นพิษและหรืออันตรายจากโรงงาน และให้ครอบคลุมถึงการเก็บมูลฝอยในสถานที่อื่นด้วย
2. เพิ่มเติมคำว่า "เก็บ ขน" ไว้ในการกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย และเพิ่มข้อกำหนดให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นอาจร่วมกับส่วนราชการอื่น หรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่นดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน
3. เพิ่มข้อกำหนดในกรณีที่ราชการส่วนท้องถิ่นจัดการหรือมอบให้บุคคลใดกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยด้วยวิธีการที่ถูกหลักสุขาภิบาลตามกฎกระทรวง และเพิ่มอำนาจให้ราชการส่วนท้องถิ่นนั้นกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยได้ โดยไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
4. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 ก.ค.44--
-สส-