คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานการพิสูจน์ยืนยันบุคคลที่เสียชีวิตจากภัยคลื่นยักษ์ (Tsunami) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรได้ลงนามในคำสั่งกองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรที่ 001/2548 ลงวันที่ 13 มกราคม 2548 แต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพิสูจน์ยืนยันบุคคลที่เสียชีวิตจากภัยคลื่นยักษ์ (Tsunami) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรเป็นประธานกรรมการและมีคณะอนุกรรมการ 4 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และแจ้งข่าวสาร คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์ เอกลักษณ์ศพ คณะอนุกรรมการสนับสนุนการพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ และคณะอนุกรรมการบริหารจัดการศพ และได้ประชุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2548 ณ ห้องประชุมอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อกำหนดรายละเอียดของกระบวนงานและวิธีการในการชันสูตรและจัดการเกี่ยวกับศพทั้งระบบ ผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
1. การพิสูจน์ยืนยันบุคคลที่เสียชีวิตจากภัยคลื่นยักษ์ (Tsunami) เป็นการประสานการปฏิบัติงานและเป็นความร่วมมือกันของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้งานบรรลุผลสัมฤทธิ์ในนาม “ศูนย์อำนวยการพิสูจน์ยืนยันบุคคลที่เสียชีวิตจากภัยคลื่นยักษ์ (Tsunami) ซึ่งเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Thai Tsunami Victims Identification” (TTVI) โดยกำหนดให้ทุกหน่วยดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกันที่เป็นมาตรฐานสากล ทั้งในด้านการตรวจสอบเอกลักษณ์ภายนอก เช่น ตำหนิแผลเป็น ลายพิมพ์นิ้วมือ และการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) จากเส้นผม เนื้อเยื่อ กระพุ้งแก้ม กระดูก ผลการเอ็กซเรย์ฟัน (Dental X-Ray) กระดูก และอื่น ๆ ต่อไปที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการจัดเก็บศพแยกเป็นรายจังหวัดไว้ ดังต่อไปนี้
2.1 จังหวัดกระบี่ ได้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้ จำนวน 284 ศพ เรียบร้อยแล้วและจัดเก็บไว้ในคอนเทนเนอร์ที่มูลนิธิประชาสันติสุข อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
2.2 จังหวัดภูเก็ต ได้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้จำนวน 34 คน เรียบร้อยแล้ว และจัดเก็บไว้ในคอนเทนเนอร์ที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
2.3 จังหวัดพังงา ให้แยกพิจารณาตามสถานที่รวบรวมศพ ดังนี้
2.3.1 สถานที่รวบรวมศพ ณ วัดบางม่วง ให้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้ จำนวน 1,474 ศพ ให้เรียบร้อยแล้วจัดเก็บในคอนเทนเนอร์เพื่อเคลื่อนย้ายศพไปที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
2.3.2 สถานที่รวบรวมศพ ณ วัดย่านยาว ให้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้จำนวนประมาณ 1,630 ศพ ให้เรียบร้อยแล้วจัดเก็บในคอนเทนเนอร์เพื่อเคลื่อนย้ายไปที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่าการเคลื่อนย้ายศพที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้จากจังหวัดพังงาทั้งหมด ไปรวมไว้ที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซี่งห่างจากจังหวัดพังงาเพียง 2 กิโลเมตร นั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้สามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับศพในแบบ One Stop Service ได้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษา การพิสูจน์เอกลักษณ์ การติดต่อขอรับศพและการออกมรณบัตร เมื่อสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ คือระบุตัวบุคคลได้แล้ว อนึ่ง ศพทุกศพจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเคลื่อนย้ายจะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ศพอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ให้เกิดความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยรัฐบาลไทยจะออกค่าใช้จ่ายในการมาตรวจสอบศพที่พิสูจน์เอกลักษณ์ได้แล้วของญาติคนไทยและค่าใช้จ่ายในการส่งศพกลับภูมิลำเนาในประเทศไทย ส่วนคนต่างชาตินั้นรัฐบาลออสเตรเลียเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งศพกลับประเทศที่ผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนา
3. การตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการ ดังนี้
3.1 ตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) และข้อมูลเอกลักษณ์ที่เก็บจากศพแล้วให้ทุกหน่วยจัดส่งให้คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ เพื่อเก็บรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน ข้อมูลเกี่ยวกับผลเอ็กซเรย์ฟันและตัวอย่าง DNA จากกระดูกจะจัดส่งไปให้ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน เป็นผู้ทำการตรวจพิสูจน์แล้วส่งผล กลับมายังคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
3.2 ญาติของผู้สูญหาย (ที่เป็นคนไทย) สามารถขอรับการตรวจ DNA และให้ข้อมูลเกี่ยวกับเอกลักษณ์ในเบื้องต้นได้ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกจังหวัด โดยสามารถสอบถามรายละเอียด รวมทั้งคำแนะนำและขอความช่วยเหลือเบื้องต้นได้ ณ ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ โรงพยาบาลประจำจังหวัดจัดส่งตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) และข้อมูลเอกลักษณ์ให้คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพเพื่อตรวจพิสูจน์ DNA และบันทึกข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลต่อไป
3.3 กรณีผู้สูญหายเป็นชาวต่างประเทศ ให้จัดส่งผลการตรวจพิสูจน์ DNA และข้อมูลเอกลักษณ์ของ ผู้สูญหายและญาติใกล้ชิดผ่านกระทรวงการต่างประเทศเพื่อส่งต่อให้คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ เก็บรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลต่อไป
3.4 คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพทำการตรวจเปรียบเทียบ (Matching) ผลการตรวจพิสูจน์ DNA ระหว่างผลการตรวจพิสูจน์ข้อมูลที่มีอยู่ในประเทศไทยและที่ได้รับจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน (Post Mortem) กับผลการตรวจพิสูจน์จากญาติใกล้ชิด (Ante Mortem) หากถูกต้องตรงกันจึงนำไปสู่ขั้นตอนการขอตรวจดูศพเพื่อยืนยันตัวบุคคลและขอรับศพต่อไป หากยังมีปัญหาข้อสงสัยก็ให้ทำการเก็บตัวอย่างกระดูกและเอ็กซเรย์ฟันเพิ่มเติมเป็นกรณีไป
4. การติดต่อขอรับศพ
ญาติของผู้เสียชีวิตที่รับทราบการยืนยันบุคคลจากคณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพแล้ว สามารถติดต่อขอรับศพได้ที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ตได้ทุกวัน โดยมีคณะอนุกรรมการบริหารจัดการศพ ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานเป็นหน่วยประสานขอรับผลการชันสูตรพลิกศพจากพนักงานสอบสวนและแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ของอำเภอเพื่อออกมรณบัตรให้แล้วจะอนุมัติให้จ่ายศพให้กับญาติต่อไป ในการนี้รัฐบาลออสเตรเลียได้ว่าจ้างบริษัทเคนยอน (KENYON) จำกัด เป็นผู้ให้การช่วยเหลือในการจัดการความเรียบร้อยของศพและการขนส่งศพชาวต่างประเทศกลับไปภูมิลำเนาต่อไป ส่วนศพคนไทยนั้นญาติไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
5. การประชาสัมพันธ์รายละเอียดขั้นตอน แนวทางและสถานที่ต่าง ๆ สามารถติดตามได้ทาง www.Thai Tsunami.com.go.th ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แจ้งว่าขณะนี้ระบบที่ขัดข้องได้รับการแก้ไขแล้ว และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด นอกจากนี้ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ รวมทั้งขอรับคำแนะนำและความช่วยเหลือได้ ณ ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 มกราคม 2548--จบ--
1. การพิสูจน์ยืนยันบุคคลที่เสียชีวิตจากภัยคลื่นยักษ์ (Tsunami) เป็นการประสานการปฏิบัติงานและเป็นความร่วมมือกันของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้งานบรรลุผลสัมฤทธิ์ในนาม “ศูนย์อำนวยการพิสูจน์ยืนยันบุคคลที่เสียชีวิตจากภัยคลื่นยักษ์ (Tsunami) ซึ่งเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Thai Tsunami Victims Identification” (TTVI) โดยกำหนดให้ทุกหน่วยดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกันที่เป็นมาตรฐานสากล ทั้งในด้านการตรวจสอบเอกลักษณ์ภายนอก เช่น ตำหนิแผลเป็น ลายพิมพ์นิ้วมือ และการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) จากเส้นผม เนื้อเยื่อ กระพุ้งแก้ม กระดูก ผลการเอ็กซเรย์ฟัน (Dental X-Ray) กระดูก และอื่น ๆ ต่อไปที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการจัดเก็บศพแยกเป็นรายจังหวัดไว้ ดังต่อไปนี้
2.1 จังหวัดกระบี่ ได้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้ จำนวน 284 ศพ เรียบร้อยแล้วและจัดเก็บไว้ในคอนเทนเนอร์ที่มูลนิธิประชาสันติสุข อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
2.2 จังหวัดภูเก็ต ได้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้จำนวน 34 คน เรียบร้อยแล้ว และจัดเก็บไว้ในคอนเทนเนอร์ที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
2.3 จังหวัดพังงา ให้แยกพิจารณาตามสถานที่รวบรวมศพ ดังนี้
2.3.1 สถานที่รวบรวมศพ ณ วัดบางม่วง ให้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้ จำนวน 1,474 ศพ ให้เรียบร้อยแล้วจัดเก็บในคอนเทนเนอร์เพื่อเคลื่อนย้ายศพไปที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
2.3.2 สถานที่รวบรวมศพ ณ วัดย่านยาว ให้จัดการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศพที่ระบุตัวบุคคลไม่ได้จำนวนประมาณ 1,630 ศพ ให้เรียบร้อยแล้วจัดเก็บในคอนเทนเนอร์เพื่อเคลื่อนย้ายไปที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่าการเคลื่อนย้ายศพที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้จากจังหวัดพังงาทั้งหมด ไปรวมไว้ที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซี่งห่างจากจังหวัดพังงาเพียง 2 กิโลเมตร นั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้สามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับศพในแบบ One Stop Service ได้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษา การพิสูจน์เอกลักษณ์ การติดต่อขอรับศพและการออกมรณบัตร เมื่อสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ คือระบุตัวบุคคลได้แล้ว อนึ่ง ศพทุกศพจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเคลื่อนย้ายจะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ศพอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ให้เกิดความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยรัฐบาลไทยจะออกค่าใช้จ่ายในการมาตรวจสอบศพที่พิสูจน์เอกลักษณ์ได้แล้วของญาติคนไทยและค่าใช้จ่ายในการส่งศพกลับภูมิลำเนาในประเทศไทย ส่วนคนต่างชาตินั้นรัฐบาลออสเตรเลียเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งศพกลับประเทศที่ผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนา
3. การตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการ ดังนี้
3.1 ตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) และข้อมูลเอกลักษณ์ที่เก็บจากศพแล้วให้ทุกหน่วยจัดส่งให้คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ เพื่อเก็บรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน ข้อมูลเกี่ยวกับผลเอ็กซเรย์ฟันและตัวอย่าง DNA จากกระดูกจะจัดส่งไปให้ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน เป็นผู้ทำการตรวจพิสูจน์แล้วส่งผล กลับมายังคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
3.2 ญาติของผู้สูญหาย (ที่เป็นคนไทย) สามารถขอรับการตรวจ DNA และให้ข้อมูลเกี่ยวกับเอกลักษณ์ในเบื้องต้นได้ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกจังหวัด โดยสามารถสอบถามรายละเอียด รวมทั้งคำแนะนำและขอความช่วยเหลือเบื้องต้นได้ ณ ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ โรงพยาบาลประจำจังหวัดจัดส่งตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) และข้อมูลเอกลักษณ์ให้คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพเพื่อตรวจพิสูจน์ DNA และบันทึกข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลต่อไป
3.3 กรณีผู้สูญหายเป็นชาวต่างประเทศ ให้จัดส่งผลการตรวจพิสูจน์ DNA และข้อมูลเอกลักษณ์ของ ผู้สูญหายและญาติใกล้ชิดผ่านกระทรวงการต่างประเทศเพื่อส่งต่อให้คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ เก็บรวบรวมไว้ในฐานข้อมูลต่อไป
3.4 คณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพทำการตรวจเปรียบเทียบ (Matching) ผลการตรวจพิสูจน์ DNA ระหว่างผลการตรวจพิสูจน์ข้อมูลที่มีอยู่ในประเทศไทยและที่ได้รับจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน (Post Mortem) กับผลการตรวจพิสูจน์จากญาติใกล้ชิด (Ante Mortem) หากถูกต้องตรงกันจึงนำไปสู่ขั้นตอนการขอตรวจดูศพเพื่อยืนยันตัวบุคคลและขอรับศพต่อไป หากยังมีปัญหาข้อสงสัยก็ให้ทำการเก็บตัวอย่างกระดูกและเอ็กซเรย์ฟันเพิ่มเติมเป็นกรณีไป
4. การติดต่อขอรับศพ
ญาติของผู้เสียชีวิตที่รับทราบการยืนยันบุคคลจากคณะอนุกรรมการปฏิบัติการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์ศพแล้ว สามารถติดต่อขอรับศพได้ที่สุสานไม้ขาว (บ้านท่าฉัตรชัย) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ตได้ทุกวัน โดยมีคณะอนุกรรมการบริหารจัดการศพ ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานเป็นหน่วยประสานขอรับผลการชันสูตรพลิกศพจากพนักงานสอบสวนและแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ของอำเภอเพื่อออกมรณบัตรให้แล้วจะอนุมัติให้จ่ายศพให้กับญาติต่อไป ในการนี้รัฐบาลออสเตรเลียได้ว่าจ้างบริษัทเคนยอน (KENYON) จำกัด เป็นผู้ให้การช่วยเหลือในการจัดการความเรียบร้อยของศพและการขนส่งศพชาวต่างประเทศกลับไปภูมิลำเนาต่อไป ส่วนศพคนไทยนั้นญาติไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
5. การประชาสัมพันธ์รายละเอียดขั้นตอน แนวทางและสถานที่ต่าง ๆ สามารถติดตามได้ทาง www.Thai Tsunami.com.go.th ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แจ้งว่าขณะนี้ระบบที่ขัดข้องได้รับการแก้ไขแล้ว และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด นอกจากนี้ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ รวมทั้งขอรับคำแนะนำและความช่วยเหลือได้ ณ ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 มกราคม 2548--จบ--