คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาและตรวจสอบการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา เรื่อง การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา ซึ่งได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะสรุปได้ ดังนี้
1. การแก้ปัญหาการบริหารจัดการเลือกตั้ง
1.1 ด้านบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
บทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดบทบาทการใช้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่สอดคล้องกัน กล่าวคือ มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจ หน้าที่ ในการควบคุมและดำเนินการจัด หรือ จัดให้มีการเลือกตั้ง แต่ตามมาตรา 6ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดให้มีการเลือกตั้ง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงสมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน อันจะทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้บทบาทตามอำนาจหน้าที่บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทำหน้าที่เป็นเพียง ผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้ง และควรให้คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ในรูป คณะกรรมการ มากกว่าการมอบหมายให้คณะกรรมการแต่ละคนใช้อำนาจหน้าที่เฉพาะในแต่ละด้านโดยให้มีคำสั่งแบ่งมอบภารกิจให้ชัดเจน กับหน่วยงานของรัฐ เป็นผู้ร่วมจัดให้มีการเลือกตั้ง อยู่ภายใต้การตรวจสอบควบคุม และกำกับดูแลอย่างมีขั้นตอนและเป็นระบบ
1.2 ด้านบุคลากรผู้ปฏิบัติงานการเลือกตั้ง
สมควรแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยงข้องในการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดโดยกำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติและที่มาเสียใหม่ เช่น ควรมาจากการเลือกตั้งหรือสรรหาจากสมาชิกทุกกลุ่มองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในเขตจังหวัดนั้น และหากคณะกรรมการการเลือกตั้งใช้บทบาทในการเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งบุคลากรในระดับเขตเลือกตั้ง ก็ควรให้ "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" ที่ได้ระดมเข้ามาช่วยรับเป็นกำลังสำคัญในขั้นตอนการจัดการเลือกตั้ง โดยให้แบ่งมอบภารกิจที่ชัดเจนเหมาะสมอยู่ภายใต้การควบคุม กำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ จากคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ส่งพนักงานประจำของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างน้อย 1 คนเข้าร่วมปฏิบัติและทำหน้าที่ประสานการปฏิบัติงาน ซึ่งจะต้องแก้ไขบทบาทอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดให้สามารถควบคุม กำกับ ดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
1.3 ด้านการสั่งการและบริหารจัดการการเลือกตั้งให้เกิดประสิทธิภาพ
กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้บทบาทในฐานะผู้ควบคุม กำกับ ดูแล จึงควรตัดอำนาจการเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของประธานกรรมการการเลือกตั้ง แล้วมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งทำหน้าที่แทน และให้คงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการมีมติสั่งการให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติให้เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ และสมควรแก้ไขกฎหมายโดยตัดคำว่า ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด ตามมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 ออกและเพิ่มเติมให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ออกระเบียบวิธีการ โดยมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งตามระบบวิธีการบริหารงานบุคคล และให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอีกตำแหน่งหนึ่ง
2. แนวทางการแก้ไขปัญหาการกระทำทุจริตเลือกตั้ง
2.1 ด้านการจัดการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำการทุจริตการเลือกตั้ง
1) สมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อกำหนดมาตรฐานในการสืบสวนสอบสวน การวินิจฉัยชี้ขาดและการคัดค้านการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบ ให้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้โดย"คณะกรรมการการเลือกตั้ง" จะเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยกรณีเกี่ยวกับ "ผลคะแนนเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม"สำหรับการวินิจฉัยกรณีเกี่ยวกับ "การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของผู้สมัคร" สมควรที่จะให้ "ศาลสถิตยุติธรรม" เป็นผู้พิจารณาดำเนินคดี
2) คณะกรรมการการเลือกตั้งควรใช้อำนาจหน้าที่อย่างจริงจังตามมาตรา 85/10 แห่งพระราช-บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541
3) ควรแก้ไขกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่อาจเกิดภายหลังจากการมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง หรือเกิดก่อนการมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้ผู้สมัครเกิดความเข้าใจร่วมกันว่าห้วงเวลาใดจึงจะถือเป็นการกระทำผิด
4) ควรแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานในการสืบสวนสอบสวนว่าจะใช้ระบบกล่าวหาหรือระบบไต่สวนมูลแห่งพยาน
5) ควรให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมุ่งเน้นพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิผู้สมัครที่เรียกว่าให้ "ใบแดง" มากกว่าการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เรียกว่า "ใบเหลือง"
2.2 ด้านการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้งที่จงใจกระทำการทุจริต
คณะกรรมการการเลือกตั้งควรใช้อำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาดกับผู้ปฏิบัติงานการเลือกตั้งทุกระดับหรือข้าราชการที่จงใจกระทำการทุจริตและกระทำการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
2.3 ด้านการวางมาตรการป้องกันการกระทำทุจริตเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งและการนับคะแนน
สมควรแก้ไขกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันการกระทำทุจริตเกี่ยวกับหีบบัตรเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งให้มีความรอบคอบและรัดกุมมากยิ่งขึ้น
2.4 ด้านการรณรงค์ให้มีการเมืองภาคประชาชน มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้ง
ควรให้การเมืองภาคประชาชนเป็นองค์การที่ถาวรติดต่อเชื่อมโยงกันได้ มีกิจกรรมที่ต่อเนื่องและบทบาทที่ชัดเจน โดยสร้างกลไกการตรวจสอบกลั่นกรองภายในกันเองด้วยเพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญในการปฏิรูปทางการเมือง
3. สมควรส่งรายงานการพิจารณาศึกษาฉบับนี้ให้กับผู้ที่จะได้รับการสรรหาให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รัฐบาลและหน่วยงานทางวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 ก.ค.44--
-สส-
1. การแก้ปัญหาการบริหารจัดการเลือกตั้ง
1.1 ด้านบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
บทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดบทบาทการใช้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่สอดคล้องกัน กล่าวคือ มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจ หน้าที่ ในการควบคุมและดำเนินการจัด หรือ จัดให้มีการเลือกตั้ง แต่ตามมาตรา 6ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดให้มีการเลือกตั้ง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงสมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน อันจะทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้บทบาทตามอำนาจหน้าที่บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทำหน้าที่เป็นเพียง ผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้ง และควรให้คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ในรูป คณะกรรมการ มากกว่าการมอบหมายให้คณะกรรมการแต่ละคนใช้อำนาจหน้าที่เฉพาะในแต่ละด้านโดยให้มีคำสั่งแบ่งมอบภารกิจให้ชัดเจน กับหน่วยงานของรัฐ เป็นผู้ร่วมจัดให้มีการเลือกตั้ง อยู่ภายใต้การตรวจสอบควบคุม และกำกับดูแลอย่างมีขั้นตอนและเป็นระบบ
1.2 ด้านบุคลากรผู้ปฏิบัติงานการเลือกตั้ง
สมควรแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยงข้องในการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดโดยกำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติและที่มาเสียใหม่ เช่น ควรมาจากการเลือกตั้งหรือสรรหาจากสมาชิกทุกกลุ่มองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในเขตจังหวัดนั้น และหากคณะกรรมการการเลือกตั้งใช้บทบาทในการเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งบุคลากรในระดับเขตเลือกตั้ง ก็ควรให้ "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" ที่ได้ระดมเข้ามาช่วยรับเป็นกำลังสำคัญในขั้นตอนการจัดการเลือกตั้ง โดยให้แบ่งมอบภารกิจที่ชัดเจนเหมาะสมอยู่ภายใต้การควบคุม กำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ จากคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ส่งพนักงานประจำของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างน้อย 1 คนเข้าร่วมปฏิบัติและทำหน้าที่ประสานการปฏิบัติงาน ซึ่งจะต้องแก้ไขบทบาทอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดให้สามารถควบคุม กำกับ ดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
1.3 ด้านการสั่งการและบริหารจัดการการเลือกตั้งให้เกิดประสิทธิภาพ
กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้บทบาทในฐานะผู้ควบคุม กำกับ ดูแล จึงควรตัดอำนาจการเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของประธานกรรมการการเลือกตั้ง แล้วมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งทำหน้าที่แทน และให้คงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการมีมติสั่งการให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติให้เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ และสมควรแก้ไขกฎหมายโดยตัดคำว่า ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด ตามมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 ออกและเพิ่มเติมให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ออกระเบียบวิธีการ โดยมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งตามระบบวิธีการบริหารงานบุคคล และให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอีกตำแหน่งหนึ่ง
2. แนวทางการแก้ไขปัญหาการกระทำทุจริตเลือกตั้ง
2.1 ด้านการจัดการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำการทุจริตการเลือกตั้ง
1) สมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อกำหนดมาตรฐานในการสืบสวนสอบสวน การวินิจฉัยชี้ขาดและการคัดค้านการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบ ให้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้โดย"คณะกรรมการการเลือกตั้ง" จะเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยกรณีเกี่ยวกับ "ผลคะแนนเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม"สำหรับการวินิจฉัยกรณีเกี่ยวกับ "การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของผู้สมัคร" สมควรที่จะให้ "ศาลสถิตยุติธรรม" เป็นผู้พิจารณาดำเนินคดี
2) คณะกรรมการการเลือกตั้งควรใช้อำนาจหน้าที่อย่างจริงจังตามมาตรา 85/10 แห่งพระราช-บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541
3) ควรแก้ไขกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่อาจเกิดภายหลังจากการมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง หรือเกิดก่อนการมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้ผู้สมัครเกิดความเข้าใจร่วมกันว่าห้วงเวลาใดจึงจะถือเป็นการกระทำผิด
4) ควรแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานในการสืบสวนสอบสวนว่าจะใช้ระบบกล่าวหาหรือระบบไต่สวนมูลแห่งพยาน
5) ควรให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมุ่งเน้นพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิผู้สมัครที่เรียกว่าให้ "ใบแดง" มากกว่าการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เรียกว่า "ใบเหลือง"
2.2 ด้านการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้งที่จงใจกระทำการทุจริต
คณะกรรมการการเลือกตั้งควรใช้อำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาดกับผู้ปฏิบัติงานการเลือกตั้งทุกระดับหรือข้าราชการที่จงใจกระทำการทุจริตและกระทำการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
2.3 ด้านการวางมาตรการป้องกันการกระทำทุจริตเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งและการนับคะแนน
สมควรแก้ไขกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันการกระทำทุจริตเกี่ยวกับหีบบัตรเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งให้มีความรอบคอบและรัดกุมมากยิ่งขึ้น
2.4 ด้านการรณรงค์ให้มีการเมืองภาคประชาชน มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้ง
ควรให้การเมืองภาคประชาชนเป็นองค์การที่ถาวรติดต่อเชื่อมโยงกันได้ มีกิจกรรมที่ต่อเนื่องและบทบาทที่ชัดเจน โดยสร้างกลไกการตรวจสอบกลั่นกรองภายในกันเองด้วยเพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญในการปฏิรูปทางการเมือง
3. สมควรส่งรายงานการพิจารณาศึกษาฉบับนี้ให้กับผู้ที่จะได้รับการสรรหาให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รัฐบาลและหน่วยงานทางวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 ก.ค.44--
-สส-