คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศนอร์เวย์ (ฉบับแก้ไข) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งคณะผู้แทนไทยดำเนินการเจรจาจัดทำอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศนอร์เวย์ (ฉบับแก้ไข) รอบสอง ณ ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งปรากฏผลว่าคณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ทุกข้อบท และได้มีการลงนามย่อกำกับร่างอนุสัญญาฯ ฉบับที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ขอบข่ายของอนุสัญญาฯ อนุสัญญาฯ นี้จะใช้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศหรือประเทศนอร์เวย์ หรือทั้งสองประเทศ และจะใช้บังคับกับภาษีเก็บจากฐานเงินได้
2. วิธีขจัดภาษีซ้อน ประเทศคู่สัญญาจะยอมให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ของตนนำภาษีที่เสียไว้แล้วในอีกประเทศหนึ่งมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในประเทศตนเท่าจำนวนภาษีที่ได้ชำระไว้จริงแต่ต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่คำนวณได้ในประเทศตน
นอกจากนี้อนุสัญญาฯ ยังได้กำหนดให้มีมาตรการ Tax Sparing Credit ด้วย กล่าวคือ กรณีได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีตามกฎหมายภายในของประเทศหนึ่ง (ประเทศแหล่งเงินได้) อีกประเทศหนึ่ง (ประเทศถิ่นที่อยู่ของผู้รับเงินได้) จะยอมให้นำจำนวนภาษีที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าวไปถือเป็นเครดิตภาษีได้อีก
3. การเก็บภาษีจากกำไรสุทธิ ประเทศที่มีการจ่ายเงินได้จะเก็บภาษีจากผู้รับเงินได้ซึ่งเป็นวิสาหกิจของอีกประเทศหนึ่งได้ต่อเมื่อวิสาหกิจนั้นดำเนินธุรกิจผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศที่มีการจ่ายเงินได้นั้น
4. การเก็บภาษีจากการขนส่งระหว่างประเทศ ประเทศแหล่งเงินได้ยกเว้นภาษีให้เฉพาะการขนส่งทางอากาศ ส่วนการขนส่งทางเรือจะลดภาษีให้กึ่งหนึ่ง
5. การเก็บภาษีจากทรัพย์สินประเภททุน กรณีเงินปันผล ดอกเบี้ย และค่าสิทธิจะมีการจำกัดอัตราภาษีในประเทศผู้จ่ายเงินได้โดยไม่ให้เก็บเกินกว่าเพดานภาษีตามที่อนุสัญญาฯ กำหนดไว้ กรณีค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และผลได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ของสถานประกอบการถาวร ให้ประเทศที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้ เว้นแต่ผลได้จากการจำหน่ายเรือ อากาศยาน และยานพาหนะทางบกที่ใช้ในการขนส่งระหว่างประเทศให้เก็บภาษีได้เฉพาะในประเทศที่ผู้จำหน่ายมีถิ่นที่อยู่ ส่วนผลได้จากการขายหุ้นให้ประเทศแหล่งเงินได้ยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้หากผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งเคยเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศแหล่งเงินได้ในปีใด ๆ ภายในช่วงระยะเวลา 5 ปี ก่อนการขายหุ้นดังกล่าว
6. การเก็บภาษีจากกิจกรรมนอกชายฝั่ง กรณีเงินได้ที่เกิดจากกิจกรรมนอกชายฝั่งในส่วนที่เกี่ยวกับการสำรวจหรือการแสวงหาประโยชน์จากพื้นดินท้องทะเลและดินใต้ผิวดิน และทรัพยากรธรรมชาติให้ประเทศแหล่งเงินได้มีสิทธิเก็บภาษีได้ ส่วนเงินได้ที่เกิดจากการขนส่งสัมภาระหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนอกชายฝั่งดังกล่าว ให้เก็บภาษีได้เฉพาะในประเทศที่ผู้รับเงินได้เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่เท่านั้น สำหรับเงินได้จากการให้บริการส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าว ให้ประเทศแหล่งเงินได้เก็บภาษีได้ แต่อาจได้รับการยกเว้นภาษีหากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
7. การเก็บภาษีจากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนจากการจ้างแรงงาน การให้บริการส่วนบุคคล หากมีการให้บริการในประเทศใดให้ประเทศนั้นมีสิทธิเก็บภาษีได้ แต่อาจได้รับยกเว้นภาษีตามเงื่อนไขที่อนุสัญญาฯ กำหนดไว้
8. บทบัญญัติพิเศษอื่น ๆ เช่น คำนิยามทั่วไป การไม่เลือกประติบัติ วิธีการเพื่อความตกลงร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ มีการบัญญัติขึ้นเพื่อให้การใช้บังคับอนุสัญญาฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างคนชาติ และได้มีการประสานงานเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดเก็บภาษีของประเทศคู่สัญญา
9. การเริ่มใช้และการเลิกใช้อนุสัญญาฯ เมื่อประเทศคู่สัญญาได้ดำเนินการตามแบบพิธีที่มีอยู่ตามกฎหมายภายในของตนในอันที่จะให้อนุสัญญาฯ มีผลบังคับ และได้แจ้งโดยวิธีทางการทูตให้ประเทศคู่สัญญาของตนทราบซึ่งกันและกันถึงการดำเนินการดังกล่าวแล้ว อนุสัญญาฯ จึงจะมีผลบังคับ ในกรณีของประเทศไทย ในส่วนของภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายนั้น จะใช้บังคับกับเงินได้ที่จ่ายหรือนำส่งในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากปีซึ่งอนุสัญญาฯ มีผลบังคับ และในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ นั้น อนุสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับสำหรับภาษีที่เรียกเก็บในปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากปีที่อนุสัญญาฯ มีผลบังคับ ในกรณีของประเทศนอร์เวย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ อนุสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับในปีปฏิทิน (รวมถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในปีดังกล่าว) ถัดจากปีที่อนุสัญญาฯ มีผลบังคับ
สำหรับการเลิกใช้นั้น ประเทศคู่สัญญาสามารถแจ้งการเลิกใช้ด้วยวิธีทางการทูตภายหลังที่อนุสัญญาฯ นี้มีผลบังคับมาแล้ว 5 ปี โดยแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้และจะมีผลเลิกใช้กับเงินได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษีถัดไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 ก.ค.44--
-สส-
1. ขอบข่ายของอนุสัญญาฯ อนุสัญญาฯ นี้จะใช้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศหรือประเทศนอร์เวย์ หรือทั้งสองประเทศ และจะใช้บังคับกับภาษีเก็บจากฐานเงินได้
2. วิธีขจัดภาษีซ้อน ประเทศคู่สัญญาจะยอมให้ผู้มีถิ่นที่อยู่ของตนนำภาษีที่เสียไว้แล้วในอีกประเทศหนึ่งมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระในประเทศตนเท่าจำนวนภาษีที่ได้ชำระไว้จริงแต่ต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่คำนวณได้ในประเทศตน
นอกจากนี้อนุสัญญาฯ ยังได้กำหนดให้มีมาตรการ Tax Sparing Credit ด้วย กล่าวคือ กรณีได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีตามกฎหมายภายในของประเทศหนึ่ง (ประเทศแหล่งเงินได้) อีกประเทศหนึ่ง (ประเทศถิ่นที่อยู่ของผู้รับเงินได้) จะยอมให้นำจำนวนภาษีที่ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนดังกล่าวไปถือเป็นเครดิตภาษีได้อีก
3. การเก็บภาษีจากกำไรสุทธิ ประเทศที่มีการจ่ายเงินได้จะเก็บภาษีจากผู้รับเงินได้ซึ่งเป็นวิสาหกิจของอีกประเทศหนึ่งได้ต่อเมื่อวิสาหกิจนั้นดำเนินธุรกิจผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศที่มีการจ่ายเงินได้นั้น
4. การเก็บภาษีจากการขนส่งระหว่างประเทศ ประเทศแหล่งเงินได้ยกเว้นภาษีให้เฉพาะการขนส่งทางอากาศ ส่วนการขนส่งทางเรือจะลดภาษีให้กึ่งหนึ่ง
5. การเก็บภาษีจากทรัพย์สินประเภททุน กรณีเงินปันผล ดอกเบี้ย และค่าสิทธิจะมีการจำกัดอัตราภาษีในประเทศผู้จ่ายเงินได้โดยไม่ให้เก็บเกินกว่าเพดานภาษีตามที่อนุสัญญาฯ กำหนดไว้ กรณีค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และผลได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ของสถานประกอบการถาวร ให้ประเทศที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้ เว้นแต่ผลได้จากการจำหน่ายเรือ อากาศยาน และยานพาหนะทางบกที่ใช้ในการขนส่งระหว่างประเทศให้เก็บภาษีได้เฉพาะในประเทศที่ผู้จำหน่ายมีถิ่นที่อยู่ ส่วนผลได้จากการขายหุ้นให้ประเทศแหล่งเงินได้ยังคงมีสิทธิเก็บภาษีได้หากผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งเคยเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศแหล่งเงินได้ในปีใด ๆ ภายในช่วงระยะเวลา 5 ปี ก่อนการขายหุ้นดังกล่าว
6. การเก็บภาษีจากกิจกรรมนอกชายฝั่ง กรณีเงินได้ที่เกิดจากกิจกรรมนอกชายฝั่งในส่วนที่เกี่ยวกับการสำรวจหรือการแสวงหาประโยชน์จากพื้นดินท้องทะเลและดินใต้ผิวดิน และทรัพยากรธรรมชาติให้ประเทศแหล่งเงินได้มีสิทธิเก็บภาษีได้ ส่วนเงินได้ที่เกิดจากการขนส่งสัมภาระหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนอกชายฝั่งดังกล่าว ให้เก็บภาษีได้เฉพาะในประเทศที่ผู้รับเงินได้เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่เท่านั้น สำหรับเงินได้จากการให้บริการส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าว ให้ประเทศแหล่งเงินได้เก็บภาษีได้ แต่อาจได้รับการยกเว้นภาษีหากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
7. การเก็บภาษีจากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนจากการจ้างแรงงาน การให้บริการส่วนบุคคล หากมีการให้บริการในประเทศใดให้ประเทศนั้นมีสิทธิเก็บภาษีได้ แต่อาจได้รับยกเว้นภาษีตามเงื่อนไขที่อนุสัญญาฯ กำหนดไว้
8. บทบัญญัติพิเศษอื่น ๆ เช่น คำนิยามทั่วไป การไม่เลือกประติบัติ วิธีการเพื่อความตกลงร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ มีการบัญญัติขึ้นเพื่อให้การใช้บังคับอนุสัญญาฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างคนชาติ และได้มีการประสานงานเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดเก็บภาษีของประเทศคู่สัญญา
9. การเริ่มใช้และการเลิกใช้อนุสัญญาฯ เมื่อประเทศคู่สัญญาได้ดำเนินการตามแบบพิธีที่มีอยู่ตามกฎหมายภายในของตนในอันที่จะให้อนุสัญญาฯ มีผลบังคับ และได้แจ้งโดยวิธีทางการทูตให้ประเทศคู่สัญญาของตนทราบซึ่งกันและกันถึงการดำเนินการดังกล่าวแล้ว อนุสัญญาฯ จึงจะมีผลบังคับ ในกรณีของประเทศไทย ในส่วนของภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายนั้น จะใช้บังคับกับเงินได้ที่จ่ายหรือนำส่งในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากปีซึ่งอนุสัญญาฯ มีผลบังคับ และในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ นั้น อนุสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับสำหรับภาษีที่เรียกเก็บในปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากปีที่อนุสัญญาฯ มีผลบังคับ ในกรณีของประเทศนอร์เวย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ อนุสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับในปีปฏิทิน (รวมถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในปีดังกล่าว) ถัดจากปีที่อนุสัญญาฯ มีผลบังคับ
สำหรับการเลิกใช้นั้น ประเทศคู่สัญญาสามารถแจ้งการเลิกใช้ด้วยวิธีทางการทูตภายหลังที่อนุสัญญาฯ นี้มีผลบังคับมาแล้ว 5 ปี โดยแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้และจะมีผลเลิกใช้กับเงินได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษีถัดไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 ก.ค.44--
-สส-