การลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลออสเตรเลียว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้มีการลงนามและสัตยาบันความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลออสเตรเลีย ว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา ซึ่งความตกลงนี้ประสงค์ที่จะส่งเสริมความพยายามร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม และให้โอกาสผู้กระทำผิดซึ่งถูกทำให้สูญเสียอิสรภาพ เพราะการกระทำผิดอาญาของตนจะได้ไปรับโทษในสังคมของตนเอง
ร่างความตกลงดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. การโอนตัวนักโทษจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และจากตัวนักโทษเอง
2. ความผิดที่นักโทษได้กระทำต้องเป็นความผิดทางอาญาที่ลงโทษได้ทั้งในรัฐผู้รับและในรัฐผู้โอน
3. นักโทษต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับ
4. นักโทษที่ทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระราชโอรสและพระราชธิดา หรือเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองสมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว
5. โทษจำคุกที่เหลือจะต้องไม่ต่ำกว่า 1 ปี
6. รัฐผู้โอนจะกำหนดระยะเวลารับโทษขั้นต่ำตามกฎหมายภายในของตนที่นักโทษจะต้องได้รับในรัฐผู้โอนก่อนได้รับการพิจารณาให้โอนตัวได้
7. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจแต่ผู้เดียวในการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคำพิพากษาของตน
8. วิธีการลงโทษนักโทษที่ถูกโอนตัว ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของรัฐผู้รับ
9. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจในการให้อภัยหรือลดโทษแก่นักโทษที่ถูกโอนตัวไปแล้ว
10. สนธิสัญญานี้จะมีผลเมื่อมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารและสามารถยกเลิกได้โดยการแจ้งให้รัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า 6 เดือน
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ได้เสนอขอให้มีการลงนามความตกลง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศในโอกาสที่มีการประชุม ASEAN Regional Forum ณ กรุงฮานอย ระหว่างวันที่ 24-27 กรกฎาคม 2544
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 ก.ค.44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้มีการลงนามและสัตยาบันความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลออสเตรเลีย ว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา ซึ่งความตกลงนี้ประสงค์ที่จะส่งเสริมความพยายามร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม และให้โอกาสผู้กระทำผิดซึ่งถูกทำให้สูญเสียอิสรภาพ เพราะการกระทำผิดอาญาของตนจะได้ไปรับโทษในสังคมของตนเอง
ร่างความตกลงดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. การโอนตัวนักโทษจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และจากตัวนักโทษเอง
2. ความผิดที่นักโทษได้กระทำต้องเป็นความผิดทางอาญาที่ลงโทษได้ทั้งในรัฐผู้รับและในรัฐผู้โอน
3. นักโทษต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับ
4. นักโทษที่ทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระราชโอรสและพระราชธิดา หรือเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองสมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว
5. โทษจำคุกที่เหลือจะต้องไม่ต่ำกว่า 1 ปี
6. รัฐผู้โอนจะกำหนดระยะเวลารับโทษขั้นต่ำตามกฎหมายภายในของตนที่นักโทษจะต้องได้รับในรัฐผู้โอนก่อนได้รับการพิจารณาให้โอนตัวได้
7. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจแต่ผู้เดียวในการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคำพิพากษาของตน
8. วิธีการลงโทษนักโทษที่ถูกโอนตัว ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของรัฐผู้รับ
9. รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งอำนาจในการให้อภัยหรือลดโทษแก่นักโทษที่ถูกโอนตัวไปแล้ว
10. สนธิสัญญานี้จะมีผลเมื่อมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารและสามารถยกเลิกได้โดยการแจ้งให้รัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า 6 เดือน
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ได้เสนอขอให้มีการลงนามความตกลง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศในโอกาสที่มีการประชุม ASEAN Regional Forum ณ กรุงฮานอย ระหว่างวันที่ 24-27 กรกฎาคม 2544
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 ก.ค.44--
-สส-