คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม แล้วมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบในการที่ประเทศไทยจะลงนามในบันทึกความเข้าใจกับสหภาพยุโรปในการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประจำเอเชีย (Programme Management Officd : PMO) ในประเทศไทย
2. เห็นชอบในข้อตกลง (Implementation Agreement) โครงการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการ PMO เพื่อใช้ในการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรปต่อไป
3. ให้ศูนย์เทคโนโลยีอีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการภายใต้บันทึกข้อตกลงดังกล่าว
4. อนุมัติงบประมาณให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากร และพื้นที่สำนักงาน PMO ตามที่ระบุในบันทึกข้อตกลงในวงเงินปีละประมาณ 1,080,000 บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2547
ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า จากการที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้พิจารณาเลือกประเทศไทยเป็นที่จัดตั้งสำนักงาน PMO ของโครงการ IT&C (Information Technology & Communication) ซึ่งในการนี้คณะกรรมาธิการยุโรปได้จัดส่งร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU : Memorandum of Understanding) มาให้ประเทศไทยพิจารณามีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานดำเนินการในฝ่ายไทย ดังนี้
1. ฝ่ายไทย (โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) จะต้องรับผิดชอบในเรื่องบุคลากรฝ่ายไทยที่ทำงานให้กับสำนักงานฯ จำนวน 2 คน โดยขอให้รับผิดชอบงานในระดับรองผู้จัดการ (Deputy Manager) และผู้ประกอบการ (Co - ordinator) โดยผู้ปฏิบัติงานจะต้องรักษาความลับ ข้อมูลต่าง ๆ ของการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการยุโรปฯ จะส่งเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ 3 คน ในตำแหน่งผู้จัดการ (Manager) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค (Technology Specialist) และเลขานุการ (Secretary) มาประจำการที่สำนักงาน
2. ฝ่ายไทยรับผิดชอบเรื่องสถานที่เพื่อเป็นที่ตั้งของสำนักงานฯ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่(ประมาณ 100 ตารางเมตร) เป็นเวลา 5 ปี ตามอายุของ PMO ในระยะแรก
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า กิจกรรมของ PMO บางส่วนน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทย ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยได้ใช้ประโยชน์จากการที่มีสำนักงาน PMO ในประเทศไทย จึงควรที่จะให้สำนักงานฯ นี้ตั้งอยู่ที่อาคารเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (Solfware Park) และให้โครงการ Solfware Park รับภาระเรื่องบุคลากรประจำ PMO ที่ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบจำนวน 2 คนด้วย ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติแล้วในการประชุมครั้งที่ 4/2542 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2542 ทั้งนี้จะมีค่าใช้จ่ายต่อปีในส่วนที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติต้องให้การสนับสนุนเป็นเงินประมาณ 1.08 ล้านบาท
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับหลักการของร่างบันทึกข้อตกลงฯ ดังนี้
1. ควรพิจารณาในรายละเอียดของประโยชน์ที่ได้จากการตั้งสำนักงาน PMO ว่าเป็นผลประโยชน์ในลักษณะต่างตอบแทนหรือไม่
2. ควรมีการกำหนดรายละเอียดประเภทสิ่งของและเงื่อนเวลาของการนำเข้าตามโครงการความร่วมมือฯ และเงื่อนไขการเสียภาษีอากร หากมิได้มีการ re - export สิ่งของตามที่ระบุใน Article 6
3. การยกเว้นภาษีเงินได้และธุรกิจของบุคคลและพนักงานนั้น ควรจะยกเว้นให้เฉพาะบุคลากรทางวิชาชีพ(Professional staff) เท่านั้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 เมษายน 2543--
1. เห็นชอบในการที่ประเทศไทยจะลงนามในบันทึกความเข้าใจกับสหภาพยุโรปในการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประจำเอเชีย (Programme Management Officd : PMO) ในประเทศไทย
2. เห็นชอบในข้อตกลง (Implementation Agreement) โครงการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการ PMO เพื่อใช้ในการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรปต่อไป
3. ให้ศูนย์เทคโนโลยีอีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการภายใต้บันทึกข้อตกลงดังกล่าว
4. อนุมัติงบประมาณให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากร และพื้นที่สำนักงาน PMO ตามที่ระบุในบันทึกข้อตกลงในวงเงินปีละประมาณ 1,080,000 บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2547
ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า จากการที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้พิจารณาเลือกประเทศไทยเป็นที่จัดตั้งสำนักงาน PMO ของโครงการ IT&C (Information Technology & Communication) ซึ่งในการนี้คณะกรรมาธิการยุโรปได้จัดส่งร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU : Memorandum of Understanding) มาให้ประเทศไทยพิจารณามีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานดำเนินการในฝ่ายไทย ดังนี้
1. ฝ่ายไทย (โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) จะต้องรับผิดชอบในเรื่องบุคลากรฝ่ายไทยที่ทำงานให้กับสำนักงานฯ จำนวน 2 คน โดยขอให้รับผิดชอบงานในระดับรองผู้จัดการ (Deputy Manager) และผู้ประกอบการ (Co - ordinator) โดยผู้ปฏิบัติงานจะต้องรักษาความลับ ข้อมูลต่าง ๆ ของการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการยุโรปฯ จะส่งเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ 3 คน ในตำแหน่งผู้จัดการ (Manager) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค (Technology Specialist) และเลขานุการ (Secretary) มาประจำการที่สำนักงาน
2. ฝ่ายไทยรับผิดชอบเรื่องสถานที่เพื่อเป็นที่ตั้งของสำนักงานฯ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่(ประมาณ 100 ตารางเมตร) เป็นเวลา 5 ปี ตามอายุของ PMO ในระยะแรก
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า กิจกรรมของ PMO บางส่วนน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทย ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยได้ใช้ประโยชน์จากการที่มีสำนักงาน PMO ในประเทศไทย จึงควรที่จะให้สำนักงานฯ นี้ตั้งอยู่ที่อาคารเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (Solfware Park) และให้โครงการ Solfware Park รับภาระเรื่องบุคลากรประจำ PMO ที่ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบจำนวน 2 คนด้วย ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติแล้วในการประชุมครั้งที่ 4/2542 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2542 ทั้งนี้จะมีค่าใช้จ่ายต่อปีในส่วนที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติต้องให้การสนับสนุนเป็นเงินประมาณ 1.08 ล้านบาท
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับหลักการของร่างบันทึกข้อตกลงฯ ดังนี้
1. ควรพิจารณาในรายละเอียดของประโยชน์ที่ได้จากการตั้งสำนักงาน PMO ว่าเป็นผลประโยชน์ในลักษณะต่างตอบแทนหรือไม่
2. ควรมีการกำหนดรายละเอียดประเภทสิ่งของและเงื่อนเวลาของการนำเข้าตามโครงการความร่วมมือฯ และเงื่อนไขการเสียภาษีอากร หากมิได้มีการ re - export สิ่งของตามที่ระบุใน Article 6
3. การยกเว้นภาษีเงินได้และธุรกิจของบุคคลและพนักงานนั้น ควรจะยกเว้นให้เฉพาะบุคลากรทางวิชาชีพ(Professional staff) เท่านั้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 เมษายน 2543--