คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (ปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการการขอรับใบอนุญาต และยกเลิกค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอต่าง ๆ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นการขยายขอบเขตการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบบริษัทเข้ากัน เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งยกเลิกค่าธรรมเนียม และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ขอใบอนุญาต
กระทรวงการคลังรายงานว่า รูปแบบในการควบรวมกิจการหรือโอนสินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 3 กรณี คือ
1. สถาบันการเงินควบเข้ากันและจัดตั้งสถาบันการเงินขึ้นใหม่ เพื่อยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยมีการชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ทำการควบรวมกันดังกล่าว (A+B เป็น C)
2. สถาบันการเงินโอนสินทรัพย์และหนี้สินให้กับสถาบันการเงินในกลุ่ม เพื่อให้สถาบันการเงินที่รับโอนยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ (A+B เป็น A หรือ B)
3. สถาบันการเงินยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยมีการชำระบัญชีนิติบุคคลเดิม และจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ (A เป็น B) แต่กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับสถาบันการเงินที่มีการปรับโครงสร้าง โดยการควบบริษัทเข้ากันระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเงินทุน หรือธนาคารพาณิชย์ หรือเกิดจากการที่บริษัทหลักทรัพย์หนึ่งซื้อกิจการของบริษัทหลักทรัพย์อื่นไว้เท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมถึงการปรับโครงสร้างที่อาจเกิดขึ้นตามรูปแบบในข้อ 2. และ 3. รวมทั้งการควบบริษัทเข้ากันระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ สมควรขยายขอบเขตการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบบริษัทเข้ากัน เพื่อรองรับรูปแบบการปรับโครงสร้างของสถาบันการเงินที่อาจเกิดขึ้นตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งยกเลิกค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับความเห็นชอบการควบบริษัทเข้ากันและค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ที่เกี่ยวข้อง และกำหนดให้บริษัทที่รับโอนสินทรัพย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์จากสถาบันการเงิน ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่สถาบันการเงินซึ่งโอนสินทรัพย์ค้างชำระอยู่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
กระทรวงการคลังรายงานว่า รูปแบบในการควบรวมกิจการหรือโอนสินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 3 กรณี คือ
1. สถาบันการเงินควบเข้ากันและจัดตั้งสถาบันการเงินขึ้นใหม่ เพื่อยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยมีการชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ทำการควบรวมกันดังกล่าว (A+B เป็น C)
2. สถาบันการเงินโอนสินทรัพย์และหนี้สินให้กับสถาบันการเงินในกลุ่ม เพื่อให้สถาบันการเงินที่รับโอนยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ (A+B เป็น A หรือ B)
3. สถาบันการเงินยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยมีการชำระบัญชีนิติบุคคลเดิม และจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ (A เป็น B) แต่กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับสถาบันการเงินที่มีการปรับโครงสร้าง โดยการควบบริษัทเข้ากันระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเงินทุน หรือธนาคารพาณิชย์ หรือเกิดจากการที่บริษัทหลักทรัพย์หนึ่งซื้อกิจการของบริษัทหลักทรัพย์อื่นไว้เท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมถึงการปรับโครงสร้างที่อาจเกิดขึ้นตามรูปแบบในข้อ 2. และ 3. รวมทั้งการควบบริษัทเข้ากันระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ สมควรขยายขอบเขตการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบบริษัทเข้ากัน เพื่อรองรับรูปแบบการปรับโครงสร้างของสถาบันการเงินที่อาจเกิดขึ้นตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งยกเลิกค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับความเห็นชอบการควบบริษัทเข้ากันและค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ที่เกี่ยวข้อง และกำหนดให้บริษัทที่รับโอนสินทรัพย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์จากสถาบันการเงิน ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่สถาบันการเงินซึ่งโอนสินทรัพย์ค้างชำระอยู่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--