ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. ....

ข่าวการเมือง Monday February 18, 2019 16:27 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ดังนี้

1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้

2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

3. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา

สาระสำคัญของร่างระเบียบ

1. กำหนดให้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ปัญหาด้านชายแดนอันเนื่องมาจากภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ และมีความจำเป็นต้องจ่ายเงินโดยเร็วเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้กองทัพบกเบิกเงินจากคลังเป็นเงินทดรองราชการ ในวงเงิน 100,000,000 บาท เพื่อทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

2. ให้ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงินทดรองราชการตามระเบียบนี้ ได้เฉพาะรายจ่ายที่พึงจ่ายได้จากเงินงบประมาณ

3. ให้กองทัพบกดำเนินการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ และเมื่อได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายจากสำนักงบประมาณแล้ว ให้ดำเนินการเบิกเงินงบประมาณรายจ่ายโดยวิธีเบิกหักผลักส่งเพื่อชดใช้เงินทดรองราชการจนครบถ้วนเท่าจำนวนที่ได้เบิกเงินไปจากคลัง ภายในระยะเวลา 30 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่าย

4. กำหนดให้การจัดหาพัสดุเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ ให้กองทัพบกบริหารการพัสดุโดยถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ

5. กำหนดให้การบันทึกบัญชีควบคุมเงินทดรองราชการเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด

6. กำหนดให้วิธีปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวกับเงินทดรองราชการที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้น

7. กำหนดให้ในกรณีที่ส่วนราชการไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้ ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ