ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ 5)

ข่าวการเมือง Tuesday June 18, 2019 16:51 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 (ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2562 เรื่อง การปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560)

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2562 เรื่อง การปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 และร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ

สกพอ. เสนอว่า

1. คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ในการประชุมครั้งที่ 4/2562 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2562 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งหน่วยงานเพื่อติดตาม กำกับ และบริหารจัดการสัญญาร่วมลงทุนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยให้หน่วยงานอยู่ภายใต้กำกับของ สกพอ.

2. ดังนั้น เพื่อให้การทำหน้าที่กำกับดูแลภาพรวมและการบริหารสัญญาร่วมลงทุนของโครงการฯ สำเร็จตามวัตถุประสงค์โครงการ มีประสิทธิภาพ สอดคล้องและเป็นไปตามนโยบาย กพอ. สกพอ. จึงได้เสนอ ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 ต่อที่ประชุม กพอ. เพื่อพิจารณา ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็น ผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 ในหมวด 3 การกำกับดูแลและติดตามผล

3. กพอ. ในการประชุมครั้งที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 ตามที่ สกพอ. เสนอ

4. นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกพิจารณาแล้วเห็นชอบให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

สาระสำคัญของร่างประกาศ

ปรับปรุงประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชน หรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 ในหมวด 3 การกำกับดูแลและติดตามผล ดังนี้

1. เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการกำกับดูแล โดยให้มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามที่เห็นสมควร หรือเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบาย

2. ปรับปรุงข้อความในวรรคท้ายของข้อ 20 จากเดิม “หน่วยงานเจ้าของโครงการอาจว่าจ้างที่ปรึกษาไทยและ/หรือที่ปรึกษาต่างประเทศซึ่งมีคุณสมบัติ ตามที่สำนักงานประกาศกำหนด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลได้” เป็น “สำนักงานและ/หรือหน่วยงานเจ้าของโครงการอาจว่าจ้างที่ปรึกษาไทยและ/หรือที่ปรึกษาต่างประเทศซึ่งมีคุณสมบัติตามที่สำนักงานประกาศกำหนด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลได้”

3. กำหนดให้เมื่อได้มีการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนแล้ว ให้คณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสัญญา ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนสำนักงานเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการ ผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัด ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งแต่งตั้งจากผู้มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญอันจะเป็นประโยชน์ แก่การดำเนินการของคณะกรรมการบริหารสัญญา เป็นกรรมการ และผู้แทนสำนักงาน เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้มีหน้าที่และอำนาจควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานเจ้าของโครงการตามสัญญา ร่วมลงทุน รวมถึงกำหนดแผนงานเพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและเอกชนคู่สัญญาปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุนได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน รายงานผลการดำเนินงาน ความคืบหน้า ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดหรืออาจเกิดขึ้นในสัญญาร่วมลงทุนต่อคณะกรรมการกำกับดูแลและสำนักงาน อย่างน้อยสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง และพิจารณาดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสัญญาร่วมลงทุนตามที่เห็นสมควร หรือเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายคำสั่งของคณะกรรมการกำกับดูแลและสำนักงาน

4. กำหนดให้สำนักงานจัดหาบุคลากรและว่าจ้างที่ปรึกษาไทยและ/หรือที่ปรึกษาต่างประเทศ ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่สำนักงานประกาศกำหนด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารสัญญาและหน่วยงานเจ้าของโครงการ ในการควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเอกชนคู่สัญญาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุน และในกรณีที่คณะกรรมการบริหารสัญญาเห็นสมควร อาจเรียกให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดส่งบุคลากรสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารสัญญาก็ได้

5. กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและสำนักงานดำเนินการเกี่ยวกับเงินทุนเพื่อใช้ในกิจกรรมของคณะกรรมการบริหารสัญญา รวมถึงการจัดหาบุคลากรและว่าจ้างที่ปรึกษา โดยให้หารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณ และ/หรือเจรจากับเอกชนคู่สัญญา เพื่อร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวในสัดส่วนที่เหมาะสมและเป็นธรรม

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 มิถุนายน 2562--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ