ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ

ข่าวการเมือง Wednesday December 11, 2019 19:15 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายบัลแกเรีย เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ นอกเหนือจากที่ปรากฏ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ความตกลงฯ อนุญาตให้บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษที่มีอายุใช้ได้ เดินทางเข้า พำนัก และออกจากดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่ต้องรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่งของ 180 วัน โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านั้นจะไม่ทำงาน ไม่ว่าการทำงานนั้นจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเอง หรือกิจกรรมส่วนตัวอื่นใดในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง

2. ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษที่มีอายุใช้ได้ของแต่ละฝ่าย ตามข้อ 1 สามารถเดินทางเข้า แวะผ่าน หรือเดินทางออกจากดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง ณ ด่านใด ๆ ซึ่งเปิดสำหรับการสัญจรของผู้โดยสารระหว่างประเทศ และจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อเดินทางเข้าและพำนักในดินแดนของคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง

3. ความตกลงฯ จะไม่กระทบต่ออำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการปฏิเสธการเข้าเมือง หรือการลดหรือยกเลิกระยะเวลาการพำนักของคนชาติของภาคีฝ่ายหนึ่งตามกฎหมายภายในประเทศหรือกฎหมายระหว่างประเทศ

4. ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจระงับการบังคับใช้ความตกลงฯ ทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนเป็นการชั่วคราวด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงแห่งชาติ ความสงบเรียบร้อยของสาธารณะหรือการสาธารณสุข โดยจะต้องแจ้งเหตุผลของการระงับใช้ให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบผ่านช่องทางการทูตในโอกาสแรกก่อนที่การระงับใช้จะมีผลใช้บังคับ การยกเลิกการระงับใช้ จะต้องแจ้งให้ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบผ่านช่องทางการทูตในโอกาสแรกก่อนการใช้บังคับของการยกเลิกการระงับใช้ดังกล่าว

5. ความตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 60 นับจากวันที่คู่ภาคีได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้ายผ่านช่องทางการทูตว่าคู่ภาคีได้แจ้งอีกฝ่ายหนึ่งแล้วถึงการปฏิบัติตามขั้นตอนภายในที่จำเป็นของตนสำหรับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ และความตกลงฯ ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด เว้นแต่ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการบอกเลิกความตกลงนี้ ภาคีฝ่ายนั้นจะต้องแจ้งอีกฝ่ายหนึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูต ความตกลงฯ จะสิ้นสุดการมีผลใช้บังคับในวันที่ 30 นับจากวันที่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งได้รับการแจ้งดังกล่าว

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 ธันวาคม 2562

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ