การบริจาคเงินสมทบกองทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Start - Up Fund for Safe, Orderly and Regular Migration)

ข่าวการเมือง Tuesday September 22, 2020 18:58 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การบริจาคเงินสมทบกองทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Start - Up Fund for Safe, Orderly and Regular Migration) ภายใต้การบริหารของสหประชาชาติ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการมาตรฐาน (Standard Administrative Arrangement: SAA) สำหรับการบริจาคเงินสมทบทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Start - Up Fund for Safe, Orderly and Regular Migration) อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่าง SAA ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไปแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 [เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ (ตามข้อ 5.6)]รวมทั้งอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นผู้ลงนามใน SAA โดย กต. จะจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรฯ สำหรับการลงนามครั้งต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

กต. รายงานว่า

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศ 8 หน่วยงาน ได้แก่ 1) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration: IOM) 2) องค์การแรงงานระหว่างประเทศ 3) สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 4) สำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ 5) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (United Nations Children’s Fund: UNICEF) 6) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ 7) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และ 8) สำนักงานว่าด้วย ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจมาตรฐานสำหรับกองทุนตั้งต้นเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย เป็นระเบียบ และปกติ (Start - Up Fund for Safe, Orderly and Regular Migration) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนรัฐในการนำ (Global Compact for Safe, Orderly and Regular Migration: GCM) ไปปฏิบัติผ่านการดำเนินโครงการในประเทศต่าง ๆ โดยมีคณะกรรมการอำนวยการ (Steering Committee) ทำหน้าที่บริหารจัดการและพิจารณาข้อเสนอโครงการต่าง ๆ และมีผู้อำนวยการใหญ่ IOM เป็นประธาน ทั้งนี้ ในการบริจาคเงินสมทบกองทุนฯ ประเทศผู้บริจาคจะต้องลงนาม SAA ซึ่งเป็นแบบฟอร์มมาตรฐานที่จัดทำขึ้นโดยฝ่ายเลขานุการกองทุนฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใสต่อแนวทางการบริหารจัดการเงินบริจาค

กต. เห็นว่าการบริจาคเงินเข้ากองทุนฯ เป็นการแสดงบทบาทในการร่วมบริหารจัดการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศที่เป็นรูปธรรม เช่น สนับสนุนการเข้าถึงบริการสาธารณะ โดยในการประชุมคณะมนตรี IOM สมัยที่ 110 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ณ นครเจนีวา ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะบริจาคเงินสมทบกองทุนฯ ภายหลังการดำเนินกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว (ปัจจุบันมีประเทศที่บริจาคเงินเข้ากองทุนฯ แล้ว 8 ประเทศ ประมาณ 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยผู้อำนวยการใหญ่ IOM แจ้งว่าไทยเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มประเทศผู้บริจาคร่วมกับสหพันธรัฐเยอรมนีและสหราชอาณาจักรที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกคณะกรรมการอำนวยการกองทุนฯ และจะมีการหมุนเวียนการเป็นสมาชิกในช่วงสิ้นปี 2563

ร่าง SAA มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดการให้เงินของประเทศผู้บริจาคและการใช้เงินในกองทุนฯ เพื่อดำเนินความร่วมมือต่าง ๆ ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกองทุนฯ ดังนี้

(1) การชำระเงินทุนให้แก่ตัวแทนบริหารจัดการและบัญชีกองทุน

(2) การจัดสรรเงินทุนให้แก่หน่วยงานสหประชาชาติที่เข้าร่วมและบัญชีแยกประเภท

(3) การรายงานผล

(4) การติดตามและการประเมินผล

(5) การตรวจสอบ ได้แก่ การตรวจสอบภายนอกและภายใน การตรวจสอบภายในร่วม ค่าใช้จ่ายของการตรวจสอบภายใน และการตรวจสอบพันธมิตรที่ร่วมดำเนินการ (6) การฉ้อโกง การทุจริตและพฤติกรรมที่ผิดจริยธรรม

(7) การสื่อสารและความโปร่งใส

(8) การสิ้นสุดการเปลี่ยนแปลง การยุติ และยอดเงินที่ไม่ได้ใช้

(9) การมีผลบังคับใช้ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อผู้เข้าร่วมได้ลงนามและจะมีผลบังคับใช้จนกว่าข้อตกลงจะสิ้นสุดหรือถูกยกเลิก

(10) การยุติข้อพิพาท ข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากเงินสนับสนุนที่ผู้บริจาคให้แก่กองทุนจะได้รับการแก้ไขผ่านการหารือระหว่างผู้บริจาค ตัวแทนบริหารจัดการและหน่วยงานสหประชาชาติที่เข้าร่วมที่เกี่ยวข้อง

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 กันยายน 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ