คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่องมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญแบ่งเป็น 9 หมวด ดังนี้
1. บททั่วไป กำหนดความคุ้มครองในเรื่อง การเรียกเก็บเงินประกัน การปฏิบัติต่อลูกจ้างชายและหญิงโดยเท่าเทียมกัน การนับวันหยุด วันลาฯ รวมเป็นระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง การคุ้มครองลูกจ้างเมื่อมิได้ทำงานติดต่อกันโดยนายจ้างมีเจตนาไม่ให้ลูกจ้างได้สิทธิตามประกาศ ฯ เป็นต้น นอกจากนั้น ได้เพิ่มวันหยุดชดเชยในวันทำงานต่อไปได้ไม่เกิน 1 วัน ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี และให้นายจ้างจัดให้มีวันหยุดชดเชยที่ยังไม่ครบในวันอื่นแทนได้
2. การใช้แรงงานทั่วไป กำหนดหลักเกณฑ์การลาป่วยของลูกจ้างให้สอดคล้องกับมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ และเพิ่มกรณีนายจ้างอาจกำหนดให้ทำงานล่วงเวลาหรือในวันหยุดชดเชยได้โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 36ชั่วโมง
3. การใช้แรงงานหญิง กำหนดห้ามนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์
4. ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด กำหนดห้ามหักค่าจ้างฯ เว้นแต่กรณีเข้าข้อยกเว้น และกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าจ้าง
5. เงินทดแทน กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินทดแทน กรณีลูกจ้างประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยหรือสูญหายอันเนื่องมาจากการทำงาน
6. สวัสดิการ กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดเกี่ยวกับสวัสดิการ และกำหนดให้นายจ้างต้องปิดประกาศการจัดสวัสดิการในที่เปิดเผย เพื่อให้ลูกจ้างทราบ
7. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศเกี่ยวกับความปลอดภัย ฯ กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง
8. การควบคุมกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้นายจ้างจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
9. ค่าชดเชย กำหนดอัตราค่าชดเชยให้สอดคล้องกับมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ โดยเพิ่มอัตราค่าชดเชยจากเดิมอีก 2 อัตรา คือ กรณีลูกจ้างทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ให้ได้รับไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน และกรณีลูกจ้างทำงานครบ 10 ปีขึ้นไป ให้ได้รับไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน และเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงาน กรณีลูกจ้างทำงานครบ 15 ปีขึ้นไปก่อนเกษียณอายุ จากเดิมกำหนดให้ลูกจ้างซึ่งดำรงตำแหน่งต่ำกว่าผู้อำนวยการฝ่ายหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่งเทียบเท่าตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายลงมามีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวจำนวนเท่ากับเงินเดือนค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน เป็นให้ลูกจ้างทุกระดับมีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจดังกล่าวให้สอดคล้องกับ
มาตรฐานขั้นต่ำของภาคเอกชน จะส่งผลให้กฎหมายมีความทันสมัยและเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคมซึ่งเป็นหลักการหนึ่งภายใต้ระบบบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (good governance)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญแบ่งเป็น 9 หมวด ดังนี้
1. บททั่วไป กำหนดความคุ้มครองในเรื่อง การเรียกเก็บเงินประกัน การปฏิบัติต่อลูกจ้างชายและหญิงโดยเท่าเทียมกัน การนับวันหยุด วันลาฯ รวมเป็นระยะเวลาการทำงานของลูกจ้าง การคุ้มครองลูกจ้างเมื่อมิได้ทำงานติดต่อกันโดยนายจ้างมีเจตนาไม่ให้ลูกจ้างได้สิทธิตามประกาศ ฯ เป็นต้น นอกจากนั้น ได้เพิ่มวันหยุดชดเชยในวันทำงานต่อไปได้ไม่เกิน 1 วัน ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี และให้นายจ้างจัดให้มีวันหยุดชดเชยที่ยังไม่ครบในวันอื่นแทนได้
2. การใช้แรงงานทั่วไป กำหนดหลักเกณฑ์การลาป่วยของลูกจ้างให้สอดคล้องกับมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ และเพิ่มกรณีนายจ้างอาจกำหนดให้ทำงานล่วงเวลาหรือในวันหยุดชดเชยได้โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 36ชั่วโมง
3. การใช้แรงงานหญิง กำหนดห้ามนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์
4. ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด กำหนดห้ามหักค่าจ้างฯ เว้นแต่กรณีเข้าข้อยกเว้น และกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าจ้าง
5. เงินทดแทน กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินทดแทน กรณีลูกจ้างประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยหรือสูญหายอันเนื่องมาจากการทำงาน
6. สวัสดิการ กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศกำหนดเกี่ยวกับสวัสดิการ และกำหนดให้นายจ้างต้องปิดประกาศการจัดสวัสดิการในที่เปิดเผย เพื่อให้ลูกจ้างทราบ
7. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจออกประกาศเกี่ยวกับความปลอดภัย ฯ กำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง
8. การควบคุมกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้นายจ้างจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
9. ค่าชดเชย กำหนดอัตราค่าชดเชยให้สอดคล้องกับมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ โดยเพิ่มอัตราค่าชดเชยจากเดิมอีก 2 อัตรา คือ กรณีลูกจ้างทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ให้ได้รับไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน และกรณีลูกจ้างทำงานครบ 10 ปีขึ้นไป ให้ได้รับไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน และเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงาน กรณีลูกจ้างทำงานครบ 15 ปีขึ้นไปก่อนเกษียณอายุ จากเดิมกำหนดให้ลูกจ้างซึ่งดำรงตำแหน่งต่ำกว่าผู้อำนวยการฝ่ายหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่งเทียบเท่าตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายลงมามีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวจำนวนเท่ากับเงินเดือนค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน เป็นให้ลูกจ้างทุกระดับมีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจดังกล่าวให้สอดคล้องกับ
มาตรฐานขั้นต่ำของภาคเอกชน จะส่งผลให้กฎหมายมีความทันสมัยและเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคมซึ่งเป็นหลักการหนึ่งภายใต้ระบบบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (good governance)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--