การแก้ไขสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รายงานการแก้ไขสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออกภายหลังได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของทั้ง 2 จังหวัด โดยเชิญผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการเข้าร่วมหารือ พร้อมมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้กับกรมชลประทาน (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เพื่อให้ดำเนินการดังนี้
1. ให้กรมชลประทาน (กษ.) ดำเนินการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ซึ่งเป็นอ่างที่มีระบบจ่ายน้ำและมีความจุที่รับน้ำได้อีก โดยมี 3 โครงการที่จะดำเนินการ คือ
(1) ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล โดยกรมชลประทานพร้อมดำเนินการได้ในทันที (วงเงินงบประมาณ 151 ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน
(2) ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำดอกกรายไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล โดยอยู่ระหว่างขออนุมัติสำรวจออกแบบ
(3) ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล โดยอยู่ระหว่างขออนุมัติสำรวจออกแบบ
2. ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ขุดเจาะบ่อบาดาลโดยมีเป้าหมายดำเนินการใน 3 พื้นที่ คือ
(1) พื้นที่ใกล้โรงงาน
(2) พื้นที่รอบบริเวณนิคมอุตสาหกรรม
(3) พื้นที่รอบแนวท่อส่งน้ำ
โดยจะดำเนินการในทันทีตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2548
ทั้งนี้ ได้ให้ความเชื่อมั่นกับผู้ประกอบการ (บ.อีสต์ วอเตอร์) ว่าในห้วงระยะเวลา 2 เดือนนี้ จะมีปริมาณน้ำดิบเพียงพอที่จะใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยจากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้เชื่อมั่นว่าจะมีปริมาณน้ำฝนตกลงในพื้นที่เพิ่มขึ้น และภาคอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ได้ให้ความร่วมมือดำเนินการรองรับการแก้ไขปัญหา โดยการวางท่อส่งน้ำเชื่อมกับแหล่งน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้
(1) วางท่อส่งน้ำจากแม่น้ำระยองมาเชื่อม ณ สี่แยกมาบข่า รวมระยะทาง 16 กม. ใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จใน 3 เดือน
(2) วางท่อส่งน้ำจากฝายทับมา แม่น้ำระยองใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จ ใน 2 เดือน
(3) วางท่อส่งน้ำจากฝายบางพระ ระยะทาง 3 กม. เพื่อส่งน้ำให้ประปา จ.ชลบุรี ดำเนินการแล้วเสร็จใน 3 เดือน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 มิถุนายน 2548--จบ--