คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานช่วยเหลือ
ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประสบภัยธรณีพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ (ระยะที่ 2) ดังนี้
1. การช่วยเหลือผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
1.1 ศูนย์ประสานและบริการฟื้นฟู SMEs ดำเนินการโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่โรงแรมบ้านสุโขทัย หาดป่าตอง ตำบลกระทู้ จังหวัดภูเก็ต มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ (ตั้งแต่ 13 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 997 ราย ผู้เสียหายทางตรงและผู้เสียหายทางอ้อม จำนวน 809 ราย ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน รวมวงเงิน 3,409.323 ล้านบาท สสว. ได้สรุปความช่วยเหลือส่งให้สถาบันการเงินต่าง ๆ พิจารณาให้ความช่วยเหลือ รวม 419 ราย วงเงิน 320.768 ล้านบาท โดยส่งให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) พิจารณา 376 ราย ธนาคารออมสิน 30 ราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) 3 ราย ธนาคารกสิกรไทย 5 ราย และธนาคารกรุงเทพ 5 ราย
1.2 ศูนย์พลิกฟื้นธุรกิจอันดามัน (RESTART Center) ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานความร่วมมือทางวิชาการแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันนี (GTZ) ภายใต้โครงการ Revitalization of SMEs in Tsunami Affected Areas (RESTART) ภายใต้ความร่วมมือและการประสาน กำกับดูแลของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพังงา ศูนย์พลิกฟื้นธุรกิจอันดามัน สาขาจังหวัดภูเก็ต มีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือ 250 ราย ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ มีบริการให้คำปรึกษาแนะนำแก่ SMEs แบบเจาะจงเฉพาะราย (One to One) การแนะนำแหล่งเงินกู้ การจัดทำแผนเงินธุรกิจ การปรับโครงสร้างธุรกิจ และการปรับเปลี่ยนธุรกิจใหม่ มีผู้ประกอบการเข้าใช้บริการรับความช่วยเหลือที่ศูนย์ภูเก็ต (ระหว่างวันที่ 28 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 108 ราย และที่ศูนย์พังงาฯ (ระหว่างวันที่ 2 กุมภาพันธ์ -12 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 130 ราย รวม 238 ราย ได้ฝึกอบรมและช่วยเหลือในการจัดทำแผนธุรกิจส่งให้ ธพว. พิจารณา จำนวน 47 ราย (ภูเก็ต 26 ราย พังงา 21 ราย) และส่งให้ธนาคารออมสินพิจารณา 4 ราย (ภูเก็ต 3 ราย พังงา 1 ราย)
2. ความช่วยเหลือด้านการเงิน
2.1 เงินร่วมทุน (Venture Captial) ผู้ประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือด้านเงินร่วมทุน สสว. (ระหว่างวันที่ 13 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2548) มีจำนวน 82 ราย วงเงิน 1,705.9 ล้านบาท ได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบพิจารณา 48 ราย วงเงิน 1,503.5 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตามเพื่อให้เรื่องสมบูรณ์ 15 ราย วงเงิน 153.5 ล้านบาท และเป็นโครงการที่ไม่เข้าเกณฑ์เข้าร่วมทุน 19 ราย วงเงิน 48.9 ล้านบาท
2.2 สินเชื่อ (Loan) ธพว. รับคำขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากผู้ประสบภัยใน 6 จังหวัด (ระหว่างวันที่ 6 มกราคม - 16 กุมภาพันธ์ 2548) รวม 662 ราย วงเงิน 723.39 ล้านบาท ได้พิจารณาอนุมัติให้ความช่วยเหลือโดย ให้สินเชื่อเพิ่ม การพักชำระหนี้ และการผ่อนปรนชำระหนี้ รวม 345 ราย วงเงิน 515.52 ล้านบาท ไม่อนุมัติ 26 ราย วงเงิน 11.72 ล้านบาท และอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ 291 ราย วงเงิน 196.15 ล้านบาท
3. เงินบริจาค/สิ่งของบริจาค
3.1 กระทรวงอุตสาหกรรม รับเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ (ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 121,431,841.95 บาท ได้นำส่งกองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้บริจาคเงินโดยตรง 64,438,273 บาท โดยกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 14,939,754.50 บาท และได้นำไปจัดซื้อสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 1,719,541.21 บาท เงินที่เหลือจะนำส่งกองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อไป
3.2 กระทรวงอุตสาหกรรม รับบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค ยาและเวชภัณฑ์และวัสดุก่อสร้าง รวมมูลค่า 36,584,635.20 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประสบภัยธรณีพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ (ระยะที่ 2) ดังนี้
1. การช่วยเหลือผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
1.1 ศูนย์ประสานและบริการฟื้นฟู SMEs ดำเนินการโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่โรงแรมบ้านสุโขทัย หาดป่าตอง ตำบลกระทู้ จังหวัดภูเก็ต มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ (ตั้งแต่ 13 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 997 ราย ผู้เสียหายทางตรงและผู้เสียหายทางอ้อม จำนวน 809 ราย ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน รวมวงเงิน 3,409.323 ล้านบาท สสว. ได้สรุปความช่วยเหลือส่งให้สถาบันการเงินต่าง ๆ พิจารณาให้ความช่วยเหลือ รวม 419 ราย วงเงิน 320.768 ล้านบาท โดยส่งให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) พิจารณา 376 ราย ธนาคารออมสิน 30 ราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) 3 ราย ธนาคารกสิกรไทย 5 ราย และธนาคารกรุงเทพ 5 ราย
1.2 ศูนย์พลิกฟื้นธุรกิจอันดามัน (RESTART Center) ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานความร่วมมือทางวิชาการแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันนี (GTZ) ภายใต้โครงการ Revitalization of SMEs in Tsunami Affected Areas (RESTART) ภายใต้ความร่วมมือและการประสาน กำกับดูแลของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพังงา ศูนย์พลิกฟื้นธุรกิจอันดามัน สาขาจังหวัดภูเก็ต มีเป้าหมายให้ความช่วยเหลือ 250 ราย ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ มีบริการให้คำปรึกษาแนะนำแก่ SMEs แบบเจาะจงเฉพาะราย (One to One) การแนะนำแหล่งเงินกู้ การจัดทำแผนเงินธุรกิจ การปรับโครงสร้างธุรกิจ และการปรับเปลี่ยนธุรกิจใหม่ มีผู้ประกอบการเข้าใช้บริการรับความช่วยเหลือที่ศูนย์ภูเก็ต (ระหว่างวันที่ 28 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 108 ราย และที่ศูนย์พังงาฯ (ระหว่างวันที่ 2 กุมภาพันธ์ -12 กุมภาพันธ์ 2548) จำนวน 130 ราย รวม 238 ราย ได้ฝึกอบรมและช่วยเหลือในการจัดทำแผนธุรกิจส่งให้ ธพว. พิจารณา จำนวน 47 ราย (ภูเก็ต 26 ราย พังงา 21 ราย) และส่งให้ธนาคารออมสินพิจารณา 4 ราย (ภูเก็ต 3 ราย พังงา 1 ราย)
2. ความช่วยเหลือด้านการเงิน
2.1 เงินร่วมทุน (Venture Captial) ผู้ประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือด้านเงินร่วมทุน สสว. (ระหว่างวันที่ 13 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2548) มีจำนวน 82 ราย วงเงิน 1,705.9 ล้านบาท ได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบพิจารณา 48 ราย วงเงิน 1,503.5 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตามเพื่อให้เรื่องสมบูรณ์ 15 ราย วงเงิน 153.5 ล้านบาท และเป็นโครงการที่ไม่เข้าเกณฑ์เข้าร่วมทุน 19 ราย วงเงิน 48.9 ล้านบาท
2.2 สินเชื่อ (Loan) ธพว. รับคำขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากผู้ประสบภัยใน 6 จังหวัด (ระหว่างวันที่ 6 มกราคม - 16 กุมภาพันธ์ 2548) รวม 662 ราย วงเงิน 723.39 ล้านบาท ได้พิจารณาอนุมัติให้ความช่วยเหลือโดย ให้สินเชื่อเพิ่ม การพักชำระหนี้ และการผ่อนปรนชำระหนี้ รวม 345 ราย วงเงิน 515.52 ล้านบาท ไม่อนุมัติ 26 ราย วงเงิน 11.72 ล้านบาท และอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ 291 ราย วงเงิน 196.15 ล้านบาท
3. เงินบริจาค/สิ่งของบริจาค
3.1 กระทรวงอุตสาหกรรม รับเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ 6 จังหวัดภาคใต้ (ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 121,431,841.95 บาท ได้นำส่งกองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้บริจาคเงินโดยตรง 64,438,273 บาท โดยกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 14,939,754.50 บาท และได้นำไปจัดซื้อสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 1,719,541.21 บาท เงินที่เหลือจะนำส่งกองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อไป
3.2 กระทรวงอุตสาหกรรม รับบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค ยาและเวชภัณฑ์และวัสดุก่อสร้าง รวมมูลค่า 36,584,635.20 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--