คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบหลักการ ขอบเขตพื้นที่ และมาตรการสนับสนุนตามที่เสนอ
2. เห็นชอบร่างกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...
2.2 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณี การโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้
2.3 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณี การโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้
2.4 ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ...
3. มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับมาตรการชดเชยส่วนต่างประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้าย และสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความมั่นคงในเขตพื้นที่ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาด้านการศึกษาของ อปท. โครงการส่งเสริมกีฬาและสันทนาการสำหรับเด็กและเยาวชน โครงการส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี และโครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในเขตพื้นที่
หลักการ ขอบเขต และมาตรการเพื่อสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ มีดังต่อไปนี้
1. หลักการ เนื่องจากการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ประกอบกับมาตรการต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขัดต่อข้อกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องประกาศให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาความไม่สงบเป็น “เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ” เพื่อเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดยจะมีมาตรการพิเศษด้านต่าง ๆ เป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการในพื้นที่รักษาพื้นที่ไว้และสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ รวมทั้งเพื่อสร้างหลักประกันทางสังคมสำหรับแรงงานในพื้นที่ และสร้างขวัญและกำลังใจสำหรับประชาชนเพื่อให้ประเทศมีความเป็นเอกภาพ และเมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้วก็ให้ยกเลิกสถานะของเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจได้
2. การกำหนดเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เนื่องจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องที่มีลักษณะพิเศษ และมีความละเอียดอ่อน รวมทั้งเพื่อให้การช่วยเหลือตรงตามวัตถุประสงค์และเข้าถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโดยตรง จึงเห็นควรกำหนดเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ประกอบด้วยจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (อ.จะนะ อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย และ อ.เทพา) โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี (มกราคม 2550- ธันวาคม 2552)
3. มาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
3.1 มาตรการเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และจูงใจสำหรับผู้ประกอบการ
3.1.1 มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
1) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดภาระภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดรายได้ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยให้สามารถเลือกนำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (7)1 และ (8) 2 แห่งประมวลรัษฎากร มาคำนวณในอัตราร้อยละ 0.1 ของยอดเงินได้พึงประเมิน โดยไม่ต้องนำเงินได้ที่เลือกใช้สิทธิดังกล่าว ไปรวมกับเงินได้พึงประเมินตามมาตราอื่นในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมตามวิธีปกติ
2) ภาษีเงินได้นิติบุคคล ลดภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เก็บจากกำไรสุทธิจากอัตราปกติลงเหลือร้อยละ 3 ของกำไรสุทธิ ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดรายได้ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ทั้งนี้ จะต้องเป็นการประกอบกิจการจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และให้ได้รับสิทธิเฉพาะส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงจากการประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ดังนี้
(1) กรณีการผลิต จะต้องเป็นการผลิตในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
(2) กรณีการให้บริการ จะต้องเป็นการให้บริการที่เกิดขึ้นจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยจะต้องมีการใช้บริการในราชอาณาจักรเท่านั้น และสำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการมีสถานประกอบการมากกว่า 1 แห่ง ทั้งในและนอกเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จะได้รับสิทธิเฉพาะบริการที่กระทำจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และผลของการบริการเกิดขึ้นในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
(3) กรณีการซื้อมาขายไป จะต้องเป็นการขายสินค้าที่เกิดขึ้นจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สำหรับการขายระหว่างประเทศ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะการส่งสินค้าโดยทางบกให้กับผู้ซื้อเท่านั้น
3) ภาษีธุรกิจเฉพาะ ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากรในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จากอัตราร้อยละ 3.0 ลงเหลือร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ เฉพาะรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สำหรับเดือนภาษีมกราคม พ.ศ. 2550 ถึงเดือนภาษีธันวาคม พ.ศ. 2552
ทั้งนี้ การลดหย่อนภาษีใน 1) 2) และ 3) ข้างต้น จะมีระยะเวลาในการให้สิทธิประโยชน์ เป็นเวลา 3 ปี สำหรับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 หรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป และการให้สิทธิประโยชน์ตามเสนอจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จะประกาศกำหนดต่อไป
อนึ่ง ธุรกรรมที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ข้างต้น ต้องเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงโดยสุจริต ที่มิใช่การกระทำที่มุ่งหลบเลี่ยงภาษี เช่น การลงบัญชีในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจโดยไม่มีธุรกรรมเกิดขึ้นจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เป็นต้น
3.1.2 มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียม
1) ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้กระทรวงมหาดไทยขยายระยะเวลาการลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุด เหลือร้อยละ 0.01 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 และให้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
2) ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ให้กระทรวงพาณิชย์ลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าวลงกึ่งหนึ่งของอัตราค่าธรรมเนียมปกติทุกรายการให้กับผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยมีผลตั้งแต่กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องบังคับใช้ แต่ไม่เกินกำหนดเวลาสิ้นสุดของเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
3.1.3 มาตรการชดเชยส่วนต่างเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้าย ให้กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยส่วนต่างของการประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้ายระหว่างร้อยละ 0.5 ถึงร้อยละ 2 ให้แก่ผู้ประกอบการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ (ผู้ประกอบการจ่ายร้อยละ 0.5 ส่วนเกินรัฐบาลชดเชยให้) เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยจะต้องใช้เงินงบประมาณ ประมาณ 80 ล้านบาทต่อปี สำหรับการประกันภัยการก่อการร้ายในปัจจุบัน
3.1.4 มาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
1) กรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธปท. ได้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบออกไปอีก 1 ปี (อัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บจากผู้ประกอบการไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อปี) โดยการช่วยเหลือผ่านธนาคารพาณิชย์ จะหมดอายุในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 หากผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จะหมดอายุในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551
2) กรณีจังหวัดสงขลาและสตูล ธปท. ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 2 จังหวัดนี้ โดย ธปท. จะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยผู้ประกอบกิจการผ่านสถาบันการเงินเป็นกรณีพิเศษในรูปของเงินทุนหมุนเวียน โดยตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะรับซื้อจะต้องมีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมประเภทมีกำหนดระยะเวลาสำหรับลูกค้าชั้นดี (MLR) หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าชั้นดี (Prime Rate) ของสถาบันการเงินนั้น (หรือ MLR หรือ Prime Rate ของธนาคารพาณิชย์ 4 แห่งเฉลี่ย) ลบด้วยร้อยละ 2.75 ต่อปี โดย ธปท.จะเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปีสำหรับจำนวนเงินที่รับซื้อ โดยการช่วยเหลือแต่ละรายเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี โดยตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับสุดท้ายต้องถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2551
3.1.5 มาตรการสนับสนุนแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงานเห็นควรเปิดจดทะเบียนคนต่างด้าวในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เฉพาะคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ทั้งที่เคยจดทะเบียนและยังไม่เคยจดทะเบียน โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
1)ให้กระทรวงมหาดไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ออกประกาศให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วเฉพาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่เคยจดทะเบียนราษฎรคนต่างด้าว (มี ท.ร.38/1) และที่ไม่เคยจดทะเบียนราษฎรคนต่างด้าว (ไม่มี ท.ร.38/1) ซึ่งนายจ้างรับรองว่าได้รับเข้าทำงานก่อนเปิดให้มีการจดทะเบียน อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 โดยกำหนดเงื่อนไขการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่จังหวัดได้เฉพาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
2) ให้กรมการปกครอง อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 และ 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติคนต่างด้าวโดยการรับจดทะเบียนราษฎรคนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ทุกคนที่มารายงานตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ ออกเลขประจำตัวคนต่างด้าว 13 หลัก และเอกสารรับรองรายการทะเบียนประวัติคนต่างด้าว (ท.ร.38/1)
3) ให้กระทรวงแรงงาน ดำเนินการรับจดทะเบียนนายจ้าง เพื่อพิจารณาจัดสรรโควตาการจ้างแรงงานต่างด้าวให้กับนายจ้าง/สถานประกอบกิจการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวทั้งนายจ้างรายใหม่หรือนายจ้างที่ได้รับโควตาแล้ว แต่มีความประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวเพิ่มเติมจากโควตาที่ได้รับ
4) ให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการรับตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพแก่แรงงานต่างด้าวที่จัดทำทะเบียนแล้วและประสงค์จะทำงาน โดยเก็บค่าตรวจสุขภาพ 600 บาทและค่าประกันสุขภาพ 1,300 บาท
5) ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่รายงานตัวจัดทำทะเบียนแล้ว มาขออนุญาตทำงานกับนายจ้างที่ได้รับการจัดสรรโควตาตามจำนวนโควตาที่ได้รับการจัดสรร และให้กระทรวงแรงงานพิจารณาอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าว ส่วนการอนุญาตให้เปลี่ยนนายจ้างให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดแต่ได้เฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับเงินค่ายื่นคำขออนุญาตทำงานและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าวเป็นผู้จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
6) ให้กรมการปกครอง อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 และ 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 จัดทำบัตรประจำตัวบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และใบอนุญาตทำงานในบัตรเดียวกัน
7) ให้กองบัญชาการทหารสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการป้องกันและสกัดกั้นการเข้ามาของคนต่างด้าวรายใหม่ในระหว่างการดำเนินการจัดทำทะเบียนราษฎรคนต่างด้าว
3.2 มาตรการเพื่อสร้างหลักประกันทางสังคมสำหรับแรงงาน
การผ่อนผันเกี่ยวกับเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2549 ได้มีการหารือประเด็นการขยายเวลาการส่งเงินประกันสังคมให้แก่ผู้ประกอบการและลูกจ้าง ซึ่งสำนักงานกองทุนประกันสังคมได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวแล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 46 กำหนดให้รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงและมีผลใช้บังคับทั่วราชอาณาจักร ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติเฉพาะพื้นที่ได้ ประกอบกับไม่มีบทบัญญัติมาตราใดกำหนดให้ผ่อนผันการชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้นายจ้าง ผู้ประกันตนได้ เนื่องจากจะกระทบการใช้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของผู้ประกันตน
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังเห็นควรให้ สำนักงานกองทุนประกันสังคมหามาตรการอื่นที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกันตนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจได้ รวมทั้งเร่งรัดการแก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคมมาตรา 46/2 เรื่อง หากกรณีเขตท้องที่ใดเกิดภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง อาจยกเว้นการออกเงินสมทบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก็ได้ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการของสำนักงานประกันสังคมด้วย
3.3 มาตรการเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจสำหรับประชาชน
3.3.1 ให้กระทรวงมหาดไทยของบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความมั่นคงในเขตพื้นที่ 4 โครงการ จำนวน 176.345 ล้านบาท ได้แก่
1) โครงการพัฒนาด้านการศึกษาของ อปท. จำนวน 37.345 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนและเยาวชนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมได้รับบริการทางการศึกษา และเข้าใจในหลักการศาสนาที่ถูกต้อง เพื่อให้มีจิตสำนึก และทัศนคติที่ดี สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุขและสมานฉันท์
2) โครงการส่งเสริมกีฬาและสันทนาการสำหรับเด็กและเยาวชน จำนวน 44.50 ล้านบาท เพื่อให้เด็กและเยาวชนในเขตพื้นที่ได้รวมกลุ่มกันเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างบรรยากาศ ความสามัคคี สมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นในเขตหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และให้เด็กเยาวชนหลีกเลี่ยงยาเสพติด
3) โครงการส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี จำนวน 44.50 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่มสตรีในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถประกอบอาชีพในเขตพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายแรงงาน
4) โครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในเขตพื้นที่ จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนที่ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบได้รับการช่วยเหลือเยียวยาให้สามารถดำรงชีพตามปกติได้อย่างต่อเนื่อง
3.3.2 ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) พิจารณาจัดสรรรายได้ให้กับ อปท. จากรายได้ภาษีที่รัฐแบ่งให้ สำหรับจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจที่มีรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมลดลง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 ธันวาคม 2549--จบ--
1. เห็นชอบหลักการ ขอบเขตพื้นที่ และมาตรการสนับสนุนตามที่เสนอ
2. เห็นชอบร่างกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...
2.2 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณี การโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้
2.3 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณี การโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้
2.4 ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ...
3. มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับมาตรการชดเชยส่วนต่างประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้าย และสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความมั่นคงในเขตพื้นที่ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาด้านการศึกษาของ อปท. โครงการส่งเสริมกีฬาและสันทนาการสำหรับเด็กและเยาวชน โครงการส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี และโครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในเขตพื้นที่
หลักการ ขอบเขต และมาตรการเพื่อสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ มีดังต่อไปนี้
1. หลักการ เนื่องจากการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ประกอบกับมาตรการต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขัดต่อข้อกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องประกาศให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาความไม่สงบเป็น “เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ” เพื่อเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดยจะมีมาตรการพิเศษด้านต่าง ๆ เป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการในพื้นที่รักษาพื้นที่ไว้และสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ รวมทั้งเพื่อสร้างหลักประกันทางสังคมสำหรับแรงงานในพื้นที่ และสร้างขวัญและกำลังใจสำหรับประชาชนเพื่อให้ประเทศมีความเป็นเอกภาพ และเมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้วก็ให้ยกเลิกสถานะของเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจได้
2. การกำหนดเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เนื่องจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องที่มีลักษณะพิเศษ และมีความละเอียดอ่อน รวมทั้งเพื่อให้การช่วยเหลือตรงตามวัตถุประสงค์และเข้าถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโดยตรง จึงเห็นควรกำหนดเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ประกอบด้วยจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (อ.จะนะ อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย และ อ.เทพา) โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี (มกราคม 2550- ธันวาคม 2552)
3. มาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
3.1 มาตรการเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และจูงใจสำหรับผู้ประกอบการ
3.1.1 มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
1) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดภาระภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดรายได้ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยให้สามารถเลือกนำเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (7)1 และ (8) 2 แห่งประมวลรัษฎากร มาคำนวณในอัตราร้อยละ 0.1 ของยอดเงินได้พึงประเมิน โดยไม่ต้องนำเงินได้ที่เลือกใช้สิทธิดังกล่าว ไปรวมกับเงินได้พึงประเมินตามมาตราอื่นในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมตามวิธีปกติ
2) ภาษีเงินได้นิติบุคคล ลดภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เก็บจากกำไรสุทธิจากอัตราปกติลงเหลือร้อยละ 3 ของกำไรสุทธิ ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดรายได้ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ทั้งนี้ จะต้องเป็นการประกอบกิจการจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และให้ได้รับสิทธิเฉพาะส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงจากการประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ดังนี้
(1) กรณีการผลิต จะต้องเป็นการผลิตในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
(2) กรณีการให้บริการ จะต้องเป็นการให้บริการที่เกิดขึ้นจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยจะต้องมีการใช้บริการในราชอาณาจักรเท่านั้น และสำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการมีสถานประกอบการมากกว่า 1 แห่ง ทั้งในและนอกเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จะได้รับสิทธิเฉพาะบริการที่กระทำจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และผลของการบริการเกิดขึ้นในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
(3) กรณีการซื้อมาขายไป จะต้องเป็นการขายสินค้าที่เกิดขึ้นจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สำหรับการขายระหว่างประเทศ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะการส่งสินค้าโดยทางบกให้กับผู้ซื้อเท่านั้น
3) ภาษีธุรกิจเฉพาะ ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากรในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จากอัตราร้อยละ 3.0 ลงเหลือร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ เฉพาะรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สำหรับเดือนภาษีมกราคม พ.ศ. 2550 ถึงเดือนภาษีธันวาคม พ.ศ. 2552
ทั้งนี้ การลดหย่อนภาษีใน 1) 2) และ 3) ข้างต้น จะมีระยะเวลาในการให้สิทธิประโยชน์ เป็นเวลา 3 ปี สำหรับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 หรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป และการให้สิทธิประโยชน์ตามเสนอจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จะประกาศกำหนดต่อไป
อนึ่ง ธุรกรรมที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ข้างต้น ต้องเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงโดยสุจริต ที่มิใช่การกระทำที่มุ่งหลบเลี่ยงภาษี เช่น การลงบัญชีในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจโดยไม่มีธุรกรรมเกิดขึ้นจริงในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เป็นต้น
3.1.2 มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียม
1) ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้กระทรวงมหาดไทยขยายระยะเวลาการลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุด เหลือร้อยละ 0.01 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 และให้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
2) ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ให้กระทรวงพาณิชย์ลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าวลงกึ่งหนึ่งของอัตราค่าธรรมเนียมปกติทุกรายการให้กับผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยมีผลตั้งแต่กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องบังคับใช้ แต่ไม่เกินกำหนดเวลาสิ้นสุดของเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
3.1.3 มาตรการชดเชยส่วนต่างเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้าย ให้กระทรวงพาณิชย์สนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยส่วนต่างของการประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้ายระหว่างร้อยละ 0.5 ถึงร้อยละ 2 ให้แก่ผู้ประกอบการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ (ผู้ประกอบการจ่ายร้อยละ 0.5 ส่วนเกินรัฐบาลชดเชยให้) เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยจะต้องใช้เงินงบประมาณ ประมาณ 80 ล้านบาทต่อปี สำหรับการประกันภัยการก่อการร้ายในปัจจุบัน
3.1.4 มาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
1) กรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธปท. ได้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบออกไปอีก 1 ปี (อัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บจากผู้ประกอบการไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อปี) โดยการช่วยเหลือผ่านธนาคารพาณิชย์ จะหมดอายุในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 หากผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จะหมดอายุในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551
2) กรณีจังหวัดสงขลาและสตูล ธปท. ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 2 จังหวัดนี้ โดย ธปท. จะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยผู้ประกอบกิจการผ่านสถาบันการเงินเป็นกรณีพิเศษในรูปของเงินทุนหมุนเวียน โดยตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะรับซื้อจะต้องมีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมประเภทมีกำหนดระยะเวลาสำหรับลูกค้าชั้นดี (MLR) หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าชั้นดี (Prime Rate) ของสถาบันการเงินนั้น (หรือ MLR หรือ Prime Rate ของธนาคารพาณิชย์ 4 แห่งเฉลี่ย) ลบด้วยร้อยละ 2.75 ต่อปี โดย ธปท.จะเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปีสำหรับจำนวนเงินที่รับซื้อ โดยการช่วยเหลือแต่ละรายเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี โดยตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับสุดท้ายต้องถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2551
3.1.5 มาตรการสนับสนุนแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงานเห็นควรเปิดจดทะเบียนคนต่างด้าวในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เฉพาะคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ทั้งที่เคยจดทะเบียนและยังไม่เคยจดทะเบียน โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
1)ให้กระทรวงมหาดไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ออกประกาศให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วเฉพาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่เคยจดทะเบียนราษฎรคนต่างด้าว (มี ท.ร.38/1) และที่ไม่เคยจดทะเบียนราษฎรคนต่างด้าว (ไม่มี ท.ร.38/1) ซึ่งนายจ้างรับรองว่าได้รับเข้าทำงานก่อนเปิดให้มีการจดทะเบียน อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 โดยกำหนดเงื่อนไขการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่จังหวัดได้เฉพาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
2) ให้กรมการปกครอง อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 และ 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติคนต่างด้าวโดยการรับจดทะเบียนราษฎรคนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ทุกคนที่มารายงานตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ ออกเลขประจำตัวคนต่างด้าว 13 หลัก และเอกสารรับรองรายการทะเบียนประวัติคนต่างด้าว (ท.ร.38/1)
3) ให้กระทรวงแรงงาน ดำเนินการรับจดทะเบียนนายจ้าง เพื่อพิจารณาจัดสรรโควตาการจ้างแรงงานต่างด้าวให้กับนายจ้าง/สถานประกอบกิจการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวทั้งนายจ้างรายใหม่หรือนายจ้างที่ได้รับโควตาแล้ว แต่มีความประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวเพิ่มเติมจากโควตาที่ได้รับ
4) ให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการรับตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพแก่แรงงานต่างด้าวที่จัดทำทะเบียนแล้วและประสงค์จะทำงาน โดยเก็บค่าตรวจสุขภาพ 600 บาทและค่าประกันสุขภาพ 1,300 บาท
5) ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่รายงานตัวจัดทำทะเบียนแล้ว มาขออนุญาตทำงานกับนายจ้างที่ได้รับการจัดสรรโควตาตามจำนวนโควตาที่ได้รับการจัดสรร และให้กระทรวงแรงงานพิจารณาอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าว ส่วนการอนุญาตให้เปลี่ยนนายจ้างให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดแต่ได้เฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับเงินค่ายื่นคำขออนุญาตทำงานและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าวเป็นผู้จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
6) ให้กรมการปกครอง อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 และ 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 จัดทำบัตรประจำตัวบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และใบอนุญาตทำงานในบัตรเดียวกัน
7) ให้กองบัญชาการทหารสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการป้องกันและสกัดกั้นการเข้ามาของคนต่างด้าวรายใหม่ในระหว่างการดำเนินการจัดทำทะเบียนราษฎรคนต่างด้าว
3.2 มาตรการเพื่อสร้างหลักประกันทางสังคมสำหรับแรงงาน
การผ่อนผันเกี่ยวกับเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2549 ได้มีการหารือประเด็นการขยายเวลาการส่งเงินประกันสังคมให้แก่ผู้ประกอบการและลูกจ้าง ซึ่งสำนักงานกองทุนประกันสังคมได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวแล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 46 กำหนดให้รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงและมีผลใช้บังคับทั่วราชอาณาจักร ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติเฉพาะพื้นที่ได้ ประกอบกับไม่มีบทบัญญัติมาตราใดกำหนดให้ผ่อนผันการชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้นายจ้าง ผู้ประกันตนได้ เนื่องจากจะกระทบการใช้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของผู้ประกันตน
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังเห็นควรให้ สำนักงานกองทุนประกันสังคมหามาตรการอื่นที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกันตนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจได้ รวมทั้งเร่งรัดการแก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคมมาตรา 46/2 เรื่อง หากกรณีเขตท้องที่ใดเกิดภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง อาจยกเว้นการออกเงินสมทบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก็ได้ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการของสำนักงานประกันสังคมด้วย
3.3 มาตรการเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจสำหรับประชาชน
3.3.1 ให้กระทรวงมหาดไทยของบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความมั่นคงในเขตพื้นที่ 4 โครงการ จำนวน 176.345 ล้านบาท ได้แก่
1) โครงการพัฒนาด้านการศึกษาของ อปท. จำนวน 37.345 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนและเยาวชนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมได้รับบริการทางการศึกษา และเข้าใจในหลักการศาสนาที่ถูกต้อง เพื่อให้มีจิตสำนึก และทัศนคติที่ดี สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุขและสมานฉันท์
2) โครงการส่งเสริมกีฬาและสันทนาการสำหรับเด็กและเยาวชน จำนวน 44.50 ล้านบาท เพื่อให้เด็กและเยาวชนในเขตพื้นที่ได้รวมกลุ่มกันเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างบรรยากาศ ความสามัคคี สมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นในเขตหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และให้เด็กเยาวชนหลีกเลี่ยงยาเสพติด
3) โครงการส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี จำนวน 44.50 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่มสตรีในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถประกอบอาชีพในเขตพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายแรงงาน
4) โครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในเขตพื้นที่ จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนที่ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบได้รับการช่วยเหลือเยียวยาให้สามารถดำรงชีพตามปกติได้อย่างต่อเนื่อง
3.3.2 ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) พิจารณาจัดสรรรายได้ให้กับ อปท. จากรายได้ภาษีที่รัฐแบ่งให้ สำหรับจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจที่มีรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมลดลง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 ธันวาคม 2549--จบ--