ขออนุมัติให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสาร 1 เรื่องการกำหนดเส้นทางขนส่งผ่านแดนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 11, 2009 15:16 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสาร 1 เรื่องการกำหนดเส้นทางขนส่งผ่านแดนและ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

กระทรวงคมนาคมรายงานว่า

1. การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2541 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้ร่วมลงนามกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของเขตการค้าเสรีอาเซียนและเพิ่มความเป็นเอกภาพทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ภายหลังการลงนามกรอบความตกลงอาเซียนฯ ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องจัดทำพิธีสาร (Protocal) แนบท้ายกรอบความตกลงฯ จำนวน 9 ฉบับ เพื่อกำหนดรายละเอียดในทางปฏิบัติ โดยถือว่าพิธีสารดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความตกลงฯ

2. ตามมติคณะรัฐมนตรี (14 กันยายน 2542 และ 16 พฤศจิกายน 2547) ประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดทำพิธีสาร 1 เรื่องการกำหนดเส้นทางขนส่งผ่านแดนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ (Protocal 1 : Designation of Transit Transport Routes and Facilities) ภายใต้การดำเนินการของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านทางหลวงอาเซียน (ASEAN Highway Experts) โดยกรมทางหลวงทำหน้าที่ผู้ประสานงานของไทย ซึ่งในการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ATM) ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2550 ณ กรุงเทพฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขณะนั้น (พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ) ได้ร่วมลงนามในพิธีสารดังกล่าวร่วมกับรัฐมนตรีด้านการขนส่งของประเทศสมาชิกอาเซียน

3. พิธีสารนี้จะมีผลใช้บังคับหลังจากประเทศภาคี 6 ประเทศขึ้นไปให้สัตยาบันและจะมีผลใช้บังคับเฉพาะประเทศที่ให้สัตยาบันเท่านั้น สำหรับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมโดยกรมทางหลวงแจ้งว่า พร้อมที่จะให้สัตยาบันพิธีสารฯ แล้ว เนื่องจากพิธีสาร 1 ได้กำหนดเส้นทางขนส่งผ่านแดนของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีเส้นทางขนส่งผ่านแดนในประเทศไทย ได้แก่ AH 1, AH 2, AH 3, AH 12, AH 16 และ AH 19 ซึ่งทุกเส้นทางเป็นทางหลวงได้มาตรฐานทางหลวงอาเซียน จึงควรเร่งดำเนินการให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าวเพื่อให้กรอบความตกลงฯ มีผลใช้บังคับอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 ประกอบกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วไม่มีข้อขัดข้องต่อการให้สัตยาบันพิธีสารฯ หากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นว่าเหมาะสมและสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีต่างๆ ในพิธีสารฯ ได้ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่ และได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว รวมทั้งเห็นว่าพิธีสารฉบับนี้ไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสอง ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพันตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ