คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือที่ได้ดำเนินการแล้ว (จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549) ดังนี้
1. สภาพภูมิอากาศและสภาพฝนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 9-15 ก.พ. 2549)
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงในวันแรกของสัปดาห์ ในระยะกลางสัปดาห์บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน ได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมบริเวณดังกล่าวและได้อ่อนกำลังลงในระยะปลายสัปดาห์ ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางตอนบนในระยะปลายสัปดาห์ ทำให้ตอนบนของประเทศมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป โดยมีฝนตกในระยะปลายสัปดาห์ ส่วนภาคใต้มีฝนส่วนมากทางฝั่งตะวันออกของภาคในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ ( ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา )
2. สถานการณ์ภัยแล้งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549)
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานจากจังหวัดว่าได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549) ดังนี้
2.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 46 จังหวัด 329 อำเภอ 34 กิ่งฯ 2,281 ตำบล 19,224 หมู่บ้าน แยกเป็น
ที่ ภาค จังหวัด พื้นที่ประสบภัย
1 ภาคเหนือ 16 พิษณุโลก นครสวรรค์ ลำพูน แพร่ อุทัยธานี เชียงราย กำแพงเพชร ตาก ลำปาง
เพชรบูรณ์ น่าน พิจิตร อุตรดิตถ์ สุโขทัย แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่
2 ภาคตะวันออก 18 ชัยภูมิ ยโสธร มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุดรธานี เลย นครพนม
เฉียงเหนือ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ
มุกดาหาร
3 ภาคกลาง 6 ลพบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และเพชรบุรี
4 ภาคตะวันออก 5 ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และชลบุรี
5 ภาคใต้ 1 สตูล
รวม 46 รวม 46 จังหวัด 329 อำเภอ 34 กิ่งฯ 2,281 ตำบล 19,224 หมู่บ้าน
- เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา( เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2549 ) ปรากฏว่า มีจังหวัดประสบภัยแล้งเพิ่มขึ้น จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี เพชรบุรี และชลบุรี และจำนวนหมู่บ้านที่เพิ่มขึ้นของจังหวัด ที่ประสบภัยแล้ง รวม 2,750 หมู่บ้าน
2.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 1,670,329 ครัวเรือน 7,017,136 คน
ตารางข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ณ ปัจจุบัน (ณ 16 กุมภาพันธ์ 2549) เปรียบเทียบกับจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด
ที่ ภาค จำนวนหมู่บ้าน จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ
ทั้งหมด (ณ 16 ก.พ. 2549) (ของหมู่บ้านทั้งประเทศ)
1 ตะวันออกเฉียงเหนือ 32,576 14,510 44.54
2 เหนือ 16,306 3,445 21.12
3 ตะวันออก 4,816 589 12.23
4 กลาง 11,377 656 5.76
5 ใต้ 8,588 24 0.27
รวม 73,963 19,224 25.99
2.3 พื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง
ประเภทพืช พื้นที่การเกษตรที่ประสบ พื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
ความเสียหายแล้ว (ไร่) จะประสบความเสียหาย (ไร่)
นาข้าว 886,992 ไร่ 1,847,349 ไร่
พืชไร่ 212,705 ไร่ 452,972 ไร่
พืชสวน 28,721 ไร่ 192,048 ไร่
รวม 1,128,418 ไร่ 2,510,989 ไร่
มูลค่าความเสียหาย 229,304,908 บาท 402,535,878 บาท
2.4 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
1) การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้รถบรรทุกน้ำ จำนวน 33 คัน
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 808,600 ลิตร
(3) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชน รวม 144 เครื่อง
(4) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ (ชั่วคราว) 3,799 แห่ง
(5) ขุดลอกแหล่งน้ำ 72 แห่ง
2) การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
(1) ใช้รถบรรทุกน้ำ จำนวน 398 คัน 7,476 เที่ยว
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 285,500,571 ลิตร
3) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 105,004,472 บาท
(1) งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 83,908,179 บาท
(2) งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 17,733,202 บาท
(3) งบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO 2,920,750 บาท
3. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย
สำนักเลขาธิการป้องกันฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงนโยบายและแนวทางดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2549 ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดและภาคเหนือ 17 จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
3.1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดการประชุมในวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 ณ โรงแรมโซฟิเทลราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา) เป็นประธาน
3.2 ภาคเหนือ จัดการประชุมในวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 ณ โรงแรมเชียงใหม่ออคิด จังหวัดเชียงใหม่ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เป็นประธาน
3.3 ในการประชุมดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รายงานสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น แนวโน้มของสถานการณ์และมาตรการต่าง ๆ ที่ดำเนินการไปแล้ว โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มทวีความรุนแรงและขยายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลุ่มน้ำชี พื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งปัจจุบันมีปริมาตรน้ำในอ่าง 811 ล้านลูกบาศก์เมตร ( 36 เปอร์เซ็นต์ของความจุ) จำเป็นต้องจัดสรรน้ำด้วยความระมัดระวังและประหยัด สำหรับในภาคเหนือสถานการณ์ภัยแล้งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ประธานที่ประชุมได้สั่งการและกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงในช่วงเดือนมีนาคม — เมษายน 2549 ที่จะมาถึง ดังนี้
1)ให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรปรับแผนปฏิบัติการจากเดิมที่กำหนดเริ่มปฏิบัติการในกลางเดือนมีนาคม 2549 เป็นเริ่มปฏิบัติการภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 นี้ เนื่องจากสภาวะอากาศในช่วงนี้เอื้ออำนวยต่อการทำฝนหลวง
2) ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สนับสนุนข้อมูลบ่อบาดาลเดิมที่ได้สำรวจและจัดทำ ในระบบ GIS แล้วให้แก่จังหวัดเพื่อพัฒนาปรับปรุงบ่อบาดาลที่มีอยู่ตามศักยภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3)ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอยกเว้นหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและอัตราตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ พ.ศ. 2546 เช่นเดียวกับความช่วยเหลือเมื่อปี 2548 เพื่อให้จังหวัดต่าง ๆ สามารถดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อย่างคล่องตัวและตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ ได้แก่ การขุดลอกแหล่งน้ำที่ตื้นเขิน การก่อสร้างฝายและขุดลอกหน้าฝาย จัดหาถังน้ำกลางหรือภาชนะเก็บกักน้ำประเภทอื่นๆ การขุดหรือซ่อมแซมบ่อบาดาล เป็นต้น
4) สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เกษตรกรเพาะปลูกแล้วและคาดว่าจะเสียหาย ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลช่วยเหลือให้เสียหายน้อยที่สุด โดยให้บูรณาการทุกหน่วยงาน เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
5) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นธรรมและทั่วถึงดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการแล้วอย่างจริงจัง ตลอดจนให้อำเภอประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยงดปลูกข้าวนาปรังและพืชอื่นๆ ในพื้นที่ ห้ามเพาะปลูก รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--
1. สภาพภูมิอากาศและสภาพฝนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 9-15 ก.พ. 2549)
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงในวันแรกของสัปดาห์ ในระยะกลางสัปดาห์บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน ได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมบริเวณดังกล่าวและได้อ่อนกำลังลงในระยะปลายสัปดาห์ ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางตอนบนในระยะปลายสัปดาห์ ทำให้ตอนบนของประเทศมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป โดยมีฝนตกในระยะปลายสัปดาห์ ส่วนภาคใต้มีฝนส่วนมากทางฝั่งตะวันออกของภาคในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ ( ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา )
2. สถานการณ์ภัยแล้งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549)
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานจากจังหวัดว่าได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549) ดังนี้
2.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 46 จังหวัด 329 อำเภอ 34 กิ่งฯ 2,281 ตำบล 19,224 หมู่บ้าน แยกเป็น
ที่ ภาค จังหวัด พื้นที่ประสบภัย
1 ภาคเหนือ 16 พิษณุโลก นครสวรรค์ ลำพูน แพร่ อุทัยธานี เชียงราย กำแพงเพชร ตาก ลำปาง
เพชรบูรณ์ น่าน พิจิตร อุตรดิตถ์ สุโขทัย แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่
2 ภาคตะวันออก 18 ชัยภูมิ ยโสธร มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุดรธานี เลย นครพนม
เฉียงเหนือ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ
มุกดาหาร
3 ภาคกลาง 6 ลพบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และเพชรบุรี
4 ภาคตะวันออก 5 ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และชลบุรี
5 ภาคใต้ 1 สตูล
รวม 46 รวม 46 จังหวัด 329 อำเภอ 34 กิ่งฯ 2,281 ตำบล 19,224 หมู่บ้าน
- เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา( เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2549 ) ปรากฏว่า มีจังหวัดประสบภัยแล้งเพิ่มขึ้น จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี เพชรบุรี และชลบุรี และจำนวนหมู่บ้านที่เพิ่มขึ้นของจังหวัด ที่ประสบภัยแล้ง รวม 2,750 หมู่บ้าน
2.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 1,670,329 ครัวเรือน 7,017,136 คน
ตารางข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ณ ปัจจุบัน (ณ 16 กุมภาพันธ์ 2549) เปรียบเทียบกับจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด
ที่ ภาค จำนวนหมู่บ้าน จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ
ทั้งหมด (ณ 16 ก.พ. 2549) (ของหมู่บ้านทั้งประเทศ)
1 ตะวันออกเฉียงเหนือ 32,576 14,510 44.54
2 เหนือ 16,306 3,445 21.12
3 ตะวันออก 4,816 589 12.23
4 กลาง 11,377 656 5.76
5 ใต้ 8,588 24 0.27
รวม 73,963 19,224 25.99
2.3 พื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง
ประเภทพืช พื้นที่การเกษตรที่ประสบ พื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
ความเสียหายแล้ว (ไร่) จะประสบความเสียหาย (ไร่)
นาข้าว 886,992 ไร่ 1,847,349 ไร่
พืชไร่ 212,705 ไร่ 452,972 ไร่
พืชสวน 28,721 ไร่ 192,048 ไร่
รวม 1,128,418 ไร่ 2,510,989 ไร่
มูลค่าความเสียหาย 229,304,908 บาท 402,535,878 บาท
2.4 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
1) การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้รถบรรทุกน้ำ จำนวน 33 คัน
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 808,600 ลิตร
(3) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชน รวม 144 เครื่อง
(4) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ (ชั่วคราว) 3,799 แห่ง
(5) ขุดลอกแหล่งน้ำ 72 แห่ง
2) การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
(1) ใช้รถบรรทุกน้ำ จำนวน 398 คัน 7,476 เที่ยว
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 285,500,571 ลิตร
3) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 105,004,472 บาท
(1) งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 83,908,179 บาท
(2) งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 17,733,202 บาท
(3) งบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO 2,920,750 บาท
3. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย
สำนักเลขาธิการป้องกันฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงนโยบายและแนวทางดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2549 ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดและภาคเหนือ 17 จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
3.1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดการประชุมในวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 ณ โรงแรมโซฟิเทลราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา) เป็นประธาน
3.2 ภาคเหนือ จัดการประชุมในวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 ณ โรงแรมเชียงใหม่ออคิด จังหวัดเชียงใหม่ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เป็นประธาน
3.3 ในการประชุมดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รายงานสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น แนวโน้มของสถานการณ์และมาตรการต่าง ๆ ที่ดำเนินการไปแล้ว โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มทวีความรุนแรงและขยายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลุ่มน้ำชี พื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งปัจจุบันมีปริมาตรน้ำในอ่าง 811 ล้านลูกบาศก์เมตร ( 36 เปอร์เซ็นต์ของความจุ) จำเป็นต้องจัดสรรน้ำด้วยความระมัดระวังและประหยัด สำหรับในภาคเหนือสถานการณ์ภัยแล้งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ประธานที่ประชุมได้สั่งการและกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงในช่วงเดือนมีนาคม — เมษายน 2549 ที่จะมาถึง ดังนี้
1)ให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรปรับแผนปฏิบัติการจากเดิมที่กำหนดเริ่มปฏิบัติการในกลางเดือนมีนาคม 2549 เป็นเริ่มปฏิบัติการภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 นี้ เนื่องจากสภาวะอากาศในช่วงนี้เอื้ออำนวยต่อการทำฝนหลวง
2) ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สนับสนุนข้อมูลบ่อบาดาลเดิมที่ได้สำรวจและจัดทำ ในระบบ GIS แล้วให้แก่จังหวัดเพื่อพัฒนาปรับปรุงบ่อบาดาลที่มีอยู่ตามศักยภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3)ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอยกเว้นหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขและอัตราตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ พ.ศ. 2546 เช่นเดียวกับความช่วยเหลือเมื่อปี 2548 เพื่อให้จังหวัดต่าง ๆ สามารถดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อย่างคล่องตัวและตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ ได้แก่ การขุดลอกแหล่งน้ำที่ตื้นเขิน การก่อสร้างฝายและขุดลอกหน้าฝาย จัดหาถังน้ำกลางหรือภาชนะเก็บกักน้ำประเภทอื่นๆ การขุดหรือซ่อมแซมบ่อบาดาล เป็นต้น
4) สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เกษตรกรเพาะปลูกแล้วและคาดว่าจะเสียหาย ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลช่วยเหลือให้เสียหายน้อยที่สุด โดยให้บูรณาการทุกหน่วยงาน เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
5) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นธรรมและทั่วถึงดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการแล้วอย่างจริงจัง ตลอดจนให้อำเภอประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยงดปลูกข้าวนาปรังและพืชอื่นๆ ในพื้นที่ ห้ามเพาะปลูก รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--