เรื่อง ขออนุมัติเปิดโครงการโดยใช้เงินกู้จากต่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงและบำรุงรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ
(โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช)
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติเปิดโครงการโดยใช้เงินกู้จากต่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงและบำรุงรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ (โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ แล้วมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
1. อนุมัติให้กรมชลประทานดำเนินการตามโครงการโดยใช้เงินกู้จากต่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงและบำรุงรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ(โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช) ภายในวงเงินทั้งสิ้น 1,463.03 ล้านบาท แยกเป็นเงินกู้ต่างประเทศ 1,000.70 ล้านบาท และเงินงบประมาณสมทบ 462.33 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี พ.ศ. 2552-2556 โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในเรื่องของแหล่งเงินกู้ที่จะนำมาใช้เพื่อการนี้ต่อไป
2. ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ ให้กรมชลประทานจัดทำรายละเอียดแผนการใช้จ่ายเงิน และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ให้กรมชลประทานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการ
3. เนื่องจากการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวเป็นโครงการปรับปรุงขนาดใหญ่ที่มีความครอบคลุมพื้นที่ถึง 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมชลประทานจึงควรศึกษาหาแนวทางและกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่ราษฎรจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวด้วย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราชจะเป็นประโยชน์และคุ้มค่าต่อการลงทุนในอนาคตและสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรกรรม และปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในฤดูน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราชมีลักษณะเป็นโครงการย่อยของโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2495 เป็นโครงการประเภทส่งน้ำและระบายน้ำ โดยมีคลองชัยนาท-อยุธยา เป็นคลองสายหลักรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยการทดน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาเข้าสู่ประตูคลองส่งน้ำ ซึ่งอยู่เหนือเขื่อนประมาณ 800 เมตร แนวคลองส่งน้ำเริ่มต้นจากเหนือเขื่อนเจ้าพระยาฝั่งซ้าย อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ส่งน้ำขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านจังหวัดชัยนาท จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง ไปสิ้นสุดตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมความยาวคลองทั้งสิ้น 120.394 กิโลเมตร มีเนื้อที่โครงการรวม 523,930 ไร่ เป็นพื้นที่ชลประทาน 422,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด 16 อำเภอ 85 ตำบล
2. เนื่องจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราชได้ดำเนินงานมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปีแล้ว ทำให้ระบบชลประทานและระบบระบายน้ำของโครงการอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมแม้ว่าจะได้รับการดูแลและบำรุงรักษามาโดยตลอดเป็นระยะ ๆ แล้วก็ตาม แต่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ประกอบกับสภาพแวดล้อมและสภาพเงื่อนไขต่างๆ รวมทั้งความต้องการน้ำได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เนื่องจากมีการทำนาเพิ่มขึ้นจากเดิมปีละครั้งเพิ่มเป็นปีละ 2-3 ครั้ง และบางพื้นที่ก็มีการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ข้าว รวมทั้งพืชไร่และพืชสวนก็มีการขยายการเพาะปลูกเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้เกิดสภาวะการขาดแคลนน้ำ เกษตรกรมีการร้องเรียนเป็นประจำ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมชลประทานจึงได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาบริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เซเว่น แอสโซซิเอท คอนซัลแตนท์ จำกัด เพื่อทำการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการปรับปรุงระบบการจัดการน้ำมหาราชซึ่งแล้วเสร็จเมื่อเดือนมกราคม 2546
3. กรมชลประทานมีแผนที่จะพัฒนาและปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราชทั้งระบบ เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ตามพื้นที่ชลประทาน 422,000 ไร่ โดยครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา อันจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราชได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ร้อยละ 38.54 อัตราส่วนระหว่างผลประโยชน์ต่อค่าใช้จ่าย (B/C ratio) ที่อัตราเสียโอกาสของเงินลงทุนร้อยละ 12 เป็น 4.65 และมูลค่าปัจจุบันที่ร้อยละ 12 (NPV) เป็น 3,399.57 ล้านบาท ดังนั้น กรมชลประทานจึงมีวัตถุประสงค์ที่จะปรับปรุงอาคารชลประทาน ระบบส่งน้ำ ระบบระบายน้ำ ของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราชให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำของโครงการฯ ได้สูงสุด และช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่โครงการได้ โดยผลประโยชน์โครงการ ได้แก่ ด้านเกษตรกรรม ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การคมนาคมขนส่ง และด้านเศรษฐกิจและสังคม
4. เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้พิจารณาให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการปรับปรุงและบำรุงรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ (โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช) และอนุกรรมการต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อควบคุมกำกับดูแล ประสานงานและติดตามการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้จากต่างประเทศและเงินงบประมาณสมทบให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 มีนาคม 2552 --จบ--