คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการเกี่ยวกับการจ่ายเงินสวัสดิการพิเศษและการทำประกันภัยแก่ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2549 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ประกอบด้วย
1. การจ่ายเงินสวัสดิการพิเศษ กำหนดขอบเขต ดังนี้
1.1 กรณีกระทรวงการคลัง (กค.) ประกาศให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบ ให้ครอบคลุมถึงลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
1.2 ให้ใช้อัตราเงินสวัสดิการพิเศษเช่นเดียวกับที่ทางราชการจ่ายแก่บุคลากรของรัฐประเภทอื่น
1.3 กำหนดระยะเวลาบังคับใช้ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง
2. การทำประกันภัย กำหนดขอบเขต ดังนี้
2.1 กรณีกระทรวงการคลังประกาศให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบ ให้ครอบคลุมถึงลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
2.2 กรณีลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเสียชีวิตทุพพล-ภาพถาวร สูญเสียอวัยวะ 2 ชิ้น ได้รับเงินทดแทนไม่เกินรายละ 500,000 บาท
2.3 กำหนดระยะเวลาบังคับใช้ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง
2.4 หากกระทรวงการคลังมีประกาศยกเลิกสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ให้รัฐวิสาหกิจยกเลิกการทำประกันภัยในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
กระทรวงแรงงานรายงานว่า
1. ตามที่ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 และวันที่ 7 กันยายน 2547 อนุมัติให้พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจได้รับเงินสวัสดิการพิเศษภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด และอนุมัติในหลักการให้มีการประกันภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อมาได้มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดสำนักงานในพื้นที่พิเศษเพิ่มเติมในเขต 17 ตำบล ของ 4 อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอเทพา ประกอบกับมีรัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีภารกิจประจำในพื้นที่ที่กระทรวงการคลัง ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยพิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เพื่อขอความ เห็นชอบให้มีการจ่ายเงิน สวัสดิการพิเศษและการทำประกันภัยให้กับลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์จึงได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2549 เห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติในหลักการ กรณีกระทรวงการคลังประกาศให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบ ให้ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวได้รับเงินสวัสดิการพิเศษภาคใต้เงื่อนไขตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 และให้รัฐวิสาหกิจทำประกันภัยให้แก่ลูกจ้างที่ปฏิบัติงาน อยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ตามประกาศกระทรวงการคลัง โดยใช้หลักการเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 และให้ถือว่าเบี้ยประกันเป็นสิทธิพิเศษชั่วคราวนอกเหนือสภาพการจ้างตามปกติ และหากกระทรวงการคลังมีประกาศยกเลิกสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ให้รัฐวิสาหกิจยกเลิกการทำประกันในพื้นที่ดังกล่าว
2. กระทรวงแรงงานพิจารณาแล้วเห็นว่า มติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ตามข้อ 1 เป็น การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการได้ ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 พฤศจิกายน 2549--จบ--
1. การจ่ายเงินสวัสดิการพิเศษ กำหนดขอบเขต ดังนี้
1.1 กรณีกระทรวงการคลัง (กค.) ประกาศให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบ ให้ครอบคลุมถึงลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
1.2 ให้ใช้อัตราเงินสวัสดิการพิเศษเช่นเดียวกับที่ทางราชการจ่ายแก่บุคลากรของรัฐประเภทอื่น
1.3 กำหนดระยะเวลาบังคับใช้ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง
2. การทำประกันภัย กำหนดขอบเขต ดังนี้
2.1 กรณีกระทรวงการคลังประกาศให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบ ให้ครอบคลุมถึงลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
2.2 กรณีลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเสียชีวิตทุพพล-ภาพถาวร สูญเสียอวัยวะ 2 ชิ้น ได้รับเงินทดแทนไม่เกินรายละ 500,000 บาท
2.3 กำหนดระยะเวลาบังคับใช้ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง
2.4 หากกระทรวงการคลังมีประกาศยกเลิกสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ให้รัฐวิสาหกิจยกเลิกการทำประกันภัยในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
กระทรวงแรงงานรายงานว่า
1. ตามที่ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 และวันที่ 7 กันยายน 2547 อนุมัติให้พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจได้รับเงินสวัสดิการพิเศษภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด และอนุมัติในหลักการให้มีการประกันภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อมาได้มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดสำนักงานในพื้นที่พิเศษเพิ่มเติมในเขต 17 ตำบล ของ 4 อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอนาทวี อำเภอจะนะ อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอเทพา ประกอบกับมีรัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีภารกิจประจำในพื้นที่ที่กระทรวงการคลัง ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยพิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เพื่อขอความ เห็นชอบให้มีการจ่ายเงิน สวัสดิการพิเศษและการทำประกันภัยให้กับลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์จึงได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2549 เห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติในหลักการ กรณีกระทรวงการคลังประกาศให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบ ให้ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวได้รับเงินสวัสดิการพิเศษภาคใต้เงื่อนไขตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 และให้รัฐวิสาหกิจทำประกันภัยให้แก่ลูกจ้างที่ปฏิบัติงาน อยู่ในสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ตามประกาศกระทรวงการคลัง โดยใช้หลักการเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 และให้ถือว่าเบี้ยประกันเป็นสิทธิพิเศษชั่วคราวนอกเหนือสภาพการจ้างตามปกติ และหากกระทรวงการคลังมีประกาศยกเลิกสำนักงานในพื้นที่พิเศษจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ให้รัฐวิสาหกิจยกเลิกการทำประกันในพื้นที่ดังกล่าว
2. กระทรวงแรงงานพิจารณาแล้วเห็นว่า มติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ตามข้อ 1 เป็น การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการได้ ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 พฤศจิกายน 2549--จบ--