ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน + 3 สมัยพิเศษ และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 25, 2009 17:25 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน + 3 สมัยพิเศษ และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้

กระทรวงการคลังรายงานว่า ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 สมัยพิเศษ (Special ASEAN+3 Finance Ministers’ Meeting : Special AFMM+3) ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2552 ณ โรงแรม Sheraton Grande Laguna จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสรุปผลการประชุม Special AFMM+3 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. การประชุมหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 สรุปได้ดังนี้

1.1 การหารือทวิภาคีระหว่างไทย-ญี่ปุ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้หารือกับนาย Shinsuke Suematsu ตำแหน่ง Parliamentary Secretary for Finance เกี่ยวกับการร่วมกันผลักดันให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับองค์ประกอบหลักของการจัดทำมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่พหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2552 นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้ขอให้ประเทศญี่ปุ่นสนับสนุนการให้เงินกู้จากแหล่งเงินกู้ทางการของญี่ปุ่นแก่ประเทศไทย

1.2 การหารือทวิภาคีระหว่างไทย-สาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้หารือกับนาย Xie Xuren รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้เห็นร่วมกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดกองทุน CMIM เป็น 120 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการกำหนดกรอบการหาข้อสรุปเกี่ยวกับองค์ประกอบหลักของการจัดตั้งกองทุน CMIM ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2552 นอกจากนี้จีนได้ชี้แจงเกี่ยวกับการเข้ามามีส่วนร่วมของฮ่องกงในกองทุน CMIM ว่า เนื่องจากฮ่องกงมีระบบการเงินและเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เป็นอิสระแยกต่างหากจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนั้น การมีส่วนร่วมของฮ่องกงจะเป็นอิสระจากจีน โดยการลงเงินของฮ่องกงจะลงในสัดส่วนที่เป็นของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งฮ่องกงจะตกลงกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นการภายใน อย่างไรก็ตาม ฮ่องกงจะมีสิทธิต่างๆ อาทิ สิทธิการเบิกถอน สิทธิการออกเสียง แยกต่างจากจีน ในการนี้ไทยยังสงวนท่าทีต่อเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้ชักชวนให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนในโครงการสร้างสาธารณูปโภคของไทยด้วย

1.3 การหารือทวิภาคีระหว่างไทย-สิงคโปร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้หารือกับนาง Hwee Hua Lim ตำแหน่ง Senior Minister of State โดยสิงคโปร์ได้ชี้แจงความเห็นเกี่ยวกับสัดส่วนการลงเงินของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนในกองทุน CMIM โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มประเทศเล็กลงเงินในสัดส่วนที่น้อยกว่าและกลุ่มประเทศอาเซียน 5 (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์) ลงในสัดส่วนที่มากกว่า ซึ่งไทยเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ในกรณีที่ประเทศสมาชิกบางประเทศอาจมีข้อจำกัดไม่สามารถลงเงินในสัดส่วนที่กำหนดได้ ควรมีการผ่อนปรนและกำหนดเงื่อนไขที่ประเทศสมาชิกยอมรับได้

2. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน +3 สมัยพิเศษ

การประชุม Special AFMM+3 จัดขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยและนาย Jeung Hyun Yoon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสาธารณรัฐเกาหลีเป็นประธานร่วมในการประชุม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 ทั้ง 13 ประเทศ เลขาธิการอาเซียน และประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) เข้าร่วมการประชุมด้วย โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

2.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้แจ้งที่ประชุมว่าการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมสมัยพิเศษที่จัดขึ้นเพิ่มเติมจากการประชุมปกติ ซึ่งมีเพียงปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันที่มีความผันผวนมากและมีหลายประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งสัญญาณและกระชับความสัมพันธ์ในการดำเนินนโยบายด้านการเงินการคลังที่มีประสิทธิภาพระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน+3 การจัดการประชุมสมัยพิเศษนี้ขึ้น จะเป็นเวทีหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพิจารณาแนวทางความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ร่วมกัน

2.2 ประธาน ADB ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันและผลกระทบที่มีต่อภูมิภาคเอเชีย ซึ่งที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกเพื่อรองรับวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทยได้นำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยด้วย

2.3 สาธารณรัฐเกาหลีในฐานะประธานร่วมและเป็นหนึ่งในประเทศ Troika ของกลุ่มประเทศ G-20 ในปี 2552 ได้รายงานที่ประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง G-20 และการประชุมสุดยอดผู้นำ G-20 ครั้งต่อไปในเดือนมีนาคมและเมษายน 2552 ตามลำดับ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยจะให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1) Macroeconomic policy coordination 2) Preventing Protectionism และ 3) International Financial Market Reform โดยมีการแบ่งคณะทำงานออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อเสนอแนะแผนปฏิบัติการเร่งด่วน ได้แก่ คณะทำงานที่ 1 Financial Supervision and Regulation คณะทำงานที่ 2 International Cooperation and market integrity คณะทำงานที่ 3 IMF Reform และคณะทำงานที่ 4 Reform of Multilateral Development Banks (MDBs) ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น การต่อต้านการกีดกันทางการค้า การดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส และการปฏิรูป MDBs เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างแท้จริง

2.4 การรับรองแถลงข่าวร่วมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 ในเรื่อง Action Plan to Restore Economic and Financial Stability of the Asian Region ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

2.4.1 การประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคและการแสดงจุดยืนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศร่วมกัน และการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือในเชิงนโยบายระดับพหุภาคีอย่างใกล้ชิดการต่อต้านการกีดกันทางการค้า และการปฏิรูปองค์กรการเงินระหว่างประเทศตามแนวทางของกลุ่มประเทศ G — 20

2.4.2 การเร่งผลักดันในการหาข้อสรุปเกี่ยวกับองค์ประกอบหลักในการจัดตั้งกองทุน CMIM ให้แล้วเสร็จภายในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 3 พฤษภาคม 2552 โดยในการประชุมนี้ได้เห็นชอบองค์ประกอบหลักบางประการแล้วดังนี้

(1) การเพิ่มวงเงินของกองทุน CMIM จาก 80 เป็น 120 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนลงเงินในสัดส่วนร้อยละ 20 ในขณะที่ประเทศจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลีร่วมกันลงเงินในสัดส่วนร้อยละ 80

(2) การเห็นชอบให้มีการจัดตั้งหน่วยงานระวังภัยทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่เป็นอิสระขึ้นมาใหม่

(3) ภายหลังจากที่มีการจัดตั้งหน่วยงานระวังภัยทางเศรษฐกิจของภูมิภาคแล้ว จะมีการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ที่ไม่เชื่อมโยงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF de-linked portion) จากระดับที่กำหนดไว้ร้อยละ 20

2.4.3 การดำเนินการมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียอย่างต่อเนื่องทั้งด้านอุปสงค์ อุปทาน และโครงสร้างตลาด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการพัฒนาตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่น

2.4.4 การสนับสนุนให้มีการเพิ่มทุนใน ADB ในระดับที่สูงและเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 มีนาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ