เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์
และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาและดำเนินการต่อไปได้
สำนักงาน ก.พ.เสนอว่า
1. โดยที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2551 และได้มีการออกกฎ ระเบียบ เพื่อใช้บังคับตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แล้ว ซึ่งรวมถึงกฎ ก.พ.ค. ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ. 2551 และกฎ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ พ.ศ. 2551 ซึ่งได้ประกาศใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2551 เป็นต้นมา ซึ่งจากข้อกำหนดในกฎ ก.พ.ค. ดังกล่าวได้กำหนดให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ปฏิบัติหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาด ต้องทำงานเต็มเวลา และจะประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอย่างอื่นอันมีลักษณะต้องห้ามมิได้ ซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ ก.พ.ค.
2. ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติหลักการไว้แล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 และได้ผ่านการพิจารณาจากกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
1. กำหนดให้พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ร่างมาตรา 2)
2. กำหนดให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนตามบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มท้ายพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง (ร่างมาตรา 3)
3. กำหนดให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลหรือการประกันสุขภาพตามที่จ่ายจริงในอัตราเบี้ยประกันคนละไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และกำหนดความหมายคำว่า “การประกันสุขภาพ”(ร่างมาตรา 4)
4. กำหนดให้นำหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าใช้บริการวิทยุ โทรศัพท์เคลื่อนที่ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดมาใช้บังคับกับการเบิกจ่ายของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์โดยอนุโลม (ร่างมาตรา 6)
5. กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณบำเหน็จตอบแทน โดยให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์มีสิทธิได้รับบำเหน็จตอบแทนเป็นเงินซึ่งจ่ายครั้งเดียวเมื่อพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กำหนด โดยให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งกำหนดให้สิทธิในบำเหน็จตอบแทนเป็นสิทธิเฉพาะตัว จะโอนไม่ได้ ทั้งนี้ กรณีที่กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุถึงแก่ความตาย ให้จ่ายบำเหน็จตอบแทนแก่ทายาทโดยธรรม (ร่างมาตรา 7-8)
6. กำหนดให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นตามพระราชกฤษฎีกานี้นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง (ร่างมาตรา 9)
7. กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา (ร่างมาตรา 10)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 พฤษภาคม 2552 --จบ--