คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กู้เงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/2552 จำนวน 4,918.94 ล้านบาท และ 179.48 ล้านบาท ตามลำดับ และอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลังได้พิจารณารายการค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและแนวทางในการจัดหาเงิน ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
1. ประเด็นค่าใช้จ่าย
(1) ค่าใช้จ่ายของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 3,523.08 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ
การบริหารงานของ ธ.ก.ส.เอง และเห็นควรให้รอเงินที่จะได้รับจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553
(2) ค่าใช้จ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 30 ล้านบาท จ่ายเพียงครั้งเดียวและได้ชำระเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากเงิน
งบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
(3) สำหรับค่าใช้จ่ายของ อคส. และ อ.ต.ก. เห็นควรโดยใช้ฐานข้อมูลตัวเลขจากสำนักงบประมาณ ณ เดือนมีนาคม 2552 โดย
ปรับลดค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของ อคส. สำหรับค่าใช้จ่ายของ อ.ต.ก. คงเดิม ดังนี้ 1) ค่าใช้จ่ายของ อคส. เป็นจำนวน
เงิน 4,918.94 ล้านบาท 2) ค่าใช้จ่ายของ อ.ต.ก. เป็นจำนวนเงิน 179.48 ล้านบาท
2. แนวทางในการจัดหาเงิน
สำหรับค่าใช้จ่ายของ อคส. และอ.ต.ก. จำนวน 4,918.94 ล้านบาท และ 179.48 ล้านบาท ตามลำดับนั้น เห็นควรให้ อคส. และ อ.ต.ก. กู้เงินเพื่อนำมาใช้สำหรับค่าใช้จ่ายโดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน ตามนัยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2551 มาตรา 27 และมาตรา 29 ได้กำหนดให้กระทรวงการคลังมีอำนาจค้ำประกันรัฐวิสาหกิจโดยจะค้ำประกันเต็มจำนวนหรือแต่บางส่วนก็ได้แต่กระทรวงการคลังจะค้ำประกันแก่รัฐวิสาหกิจที่มิได้ประกอบกิจการอันเป็นสาธารณูปโภคและมีผลประกอบการขาดทุนติดต่อกันเกินสามปีไม่ได้ ซึ่งในที่ประชุม อคส. และ อ.ต.ก.ได้ยืนยันว่าไม่ได้ขาดทุนติดต่อกันเกินสามปีและในการกู้เงินของ อคส. และ อ.ต.ก. จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อนจึงจะดำเนินการ ในชั้นนี้ ที่ประชุมจึงมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการขออนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้จากคณะรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานทั้ง 2 แห่ง มีหนังสือยืนยันสถานะทางการเงินมายังกระทรวงการคลังทันที ซึ่งในวันที่ 2 มิถุนายน 2552 อคส. และ อ.ต.ก. ได้มีหนังสือยืนยันมายังกระทรวงการคลังว่าผลประกอบการไม่ขาดทุนติดต่อกันเกิน 3 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอให้หน่วยงานทั้ง 2 ดำเนินการเสนอคณะกรรมการของแต่ละหน่วยงานเพื่อขออนุมัติกู้เงินต่อไป
สำหรับการกู้เงินของ อคส. และ อ.ต.ก. ดังกล่าวข้างต้น ภาระหนี้ต้นเงินกู้ใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 สำหรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเกิดขึ้นสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้หน่วยงานดำเนินการจัดหาเม็ดเงินเพื่อใช้ดำเนินงานไปก่อน โดยอาจเจียดจ่ายจากงบประมาณของหน่วยงาน ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณชดเชยคืนต่อไปในโอกาสแรก ทั้งนี้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ได้เคยอนุมัติไว้แล้ว นอกจากนี้ เห็นควรให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาจัดหาเงินกู้และดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มิถุนายน 2552 --จบ--