สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 17, 2009 13:47 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และมอบหมายให้ทุกกระทรวงติดตามผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง และมอบหมายให้ส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนที่มีผลกระทบต่อส่วนรวมกำหนดแนวทางดำเนินการให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมตามความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมโดยให้จังหวัด/หน่วยงานที่มีร้อยละของเรื่องที่ยุติต่ำเร่งรัดด้วย

สาระสำคัญของเรื่อง

1. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) รายงานว่า ได้ประมวลผลสถิติการร้องเรียน และผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่มาถึงนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (มกราคม-มีนาคม 2552) สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้

1.1 ประชาชนได้ใช้บริการการร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล 1111 มากที่สุด รองลงมา คือ ช่องทางเว็บไซต์ (www.1111.go.th) และช่องทางตู้ ปณ. 1111/ไปรษณีย์/โทรสาร ตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 1 พบว่า ในไตรมาสที่ 2 มีจำนวนการใช้บริการการร้องเรียนเพิ่มมากขึ้น จำนวน 6,064 ครั้ง เพิ่มขึ้นคิดเป็น 0.23 เท่า

1.2 ประชาชนร้องเรียนในประเภทเรื่องหลักด้านสังคมและสวัสดิการมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านการเมือง-การปกครอง และด้านเศรษฐกิจ

ในการนี้ ประเภทเรื่องรองที่ประชาชนร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ กล่าวโทษหรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ รองลงมา คือ สาธารณูปโภค และสังคมเสื่อมโทรม

1.3 ประเภทเรื่องรองที่มีจำนวนการร้องเรียนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 1 ได้แก่ กล่าวโทษหรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ รองลงมา คือ นโยบายของรัฐ และปัญหาหนี้สิน สำหรับประเภทเรื่องรองที่มีจำนวนการร้องเรียนลดลงมากที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 1 ได้แก่ การเมือง รองลงมา คือ ปัญหาความมั่นคง และปัญหาน้ำผิวดิน

1.4 หน่วยงานที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองลงมา คือ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง

1.5 เรื่องร้องเรียนที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานส่งหน่วยงาน “เพื่อทราบ” นั้น ส่วนใหญ่เป็นกรณีการเสนอข้อคิดเห็น ติชม แจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส บัตรสนเท่ห์ เป็นต้น ส่วนเรื่องที่ประสานส่งหน่วยงาน “เพื่อพิจารณา” ส่วนใหญ่เป็นกรณีปัญหาความเดือดร้อน การขอความช่วยเหลือ ขอความอนุเคราะห์ ขอความเป็นธรรม การร้องเรียนกล่าวโทษ เป็นต้น

1.6 จังหวัดที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร รองลงมา คือ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ตามลำดับ

2. จากการดำเนินภารกิจในการลงพื้นที่ของ สปน. โดยศูนย์บริการประชาชนพบว่า ผู้ร้อง รวมทั้งราษฎรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเรื่องร้องเรียนในหลายกรณีและเห็นว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการยังไม่เปิดโอกาสให้ราษฎรได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนเป็นจริง และขาดการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นหรือตัดสินใจเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อราษฎร จึงเกิดความไม่เชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหานั้นๆ และโดยที่กระแสโลกาภิวัตน์ได้กระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวในเรื่องของการรักษาสิทธิและการมีส่วนร่วม ประกอบกับนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ก็เป็นหนึ่งในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ อีกทั้ง สิทธิในข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียนเป็นสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทยตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ผ่านๆ มาจนถึงปัจจุบันก็ได้กำหนดแนวนโยบายในการมุ่งเน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในด้านต่างๆ อยู่แล้ว หากแต่ในสภาพปัจจุบันพบว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนยังไม่สอดคล้องรับกับกระแสโลกาภิวัตน์และเจตนารมณ์ดังกล่าว โดยประชาชนทั่วไปยังมีข้อจำกัดและปัญหาในการมีส่วนร่วมหลายประการ นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในหลายกรณีเป็นการมีส่วนร่วมในเวลาที่มีการตัดสินใจไปแล้ว โดยเป็นการมีส่วนร่วมแบบประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนยอมรับผลการตัดสินใจ ซึ่งผลของการมีส่วนร่วมไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้รัฐต้องเผชิญกับปัญหาการร้องเรียน ความขัดแย้ง ความไม่ไว้วางใจ และความล้มเหลวในการดำเนินโครงการ

3. เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (29 พฤศจิกายน 2548) ในส่วนของการสรุปผลความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบทุก 3 เดือน และเพื่อให้กระทรวงกับจังหวัดได้รับทราบสถิติจำนวนเรื่องร้องเรียน และผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียน ในส่วนที่เกี่ยวข้องในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ซึ่งสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ในการกำกับติดตามการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบ ให้มีผลการดำเนินการจนได้ข้อยุติเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพื่อเป็นข้อมูลให้กระทรวงและจังหวัดได้วางแผนเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจด้านการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ให้ได้ข้อยุติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งกำหนดให้เป็นตัวชี้วัดในคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณของทุกกระทรวงและทุกจังหวัด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้มีการดำเนินการให้สอดรับกับกระแสโลกาภิวัตน์เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และนโยบายรัฐบาลในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน กับเพื่อให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ช่วยเหลือ ดูแลแก้ไขตามข้อเท็จจริงของสภาพปัญหามากกว่าที่จะเป็นเพียงการยุติเรื่องหรือการส่งผ่านเรื่องโดยยังไม่มีการดูแลแก้ไขข้อเรียกร้องอย่างแท้จริงตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี (10 กุมภาพันธ์ 2552) ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขสนองตอบความต้องการของประชาชน ลดปัญหาการร้องเรียนและความขัดแย้ง ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของส่วนราชการและรัฐบาลโดยรวม

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มิถุนายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ