คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตั้งตู้นายกฯ ทักษิณ รับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ในรอบ 2 ปี สรุปได้ดังนี้
1. ภาพรวมของผลการดำเนินการ
ภาพรวมผลการดำเนินการตู้นายกฯ ทักษิณรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 24,312 เรื่อง แก้ไขปัญหาแล้วจำนวน 17,567 เรื่อง (72%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 6,573 เรื่อง ส่งส่วนกลาง 172 เรื่อง
ตู้นายกฯ ทักษิณหน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เริ่ม 1 มิถุนายน 2547 จำนวนทั้งสิ้น 16,291 เรื่อง แก้ไขปัญหาแล้วจำนวน 12,047 เรื่อง (74%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 4,129 เรื่อง ส่งส่วนกลาง 115 เรื่อง
หน้าบ้านพิษณุโลก กทม. คตส.นรม. เริ่มส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทย จำนวนทั้งสิ้น 8,021 เรื่อง แก้ไขปัญหาแล้วจำนวน 5,520 เรื่อง (69%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 2,444 เรื่อง ส่งส่วนกลาง 57 เรื่อง
2. การรับเรื่องร้องเรียนผ่านตู้นายกฯ ทักษิณ จำแนกตามกลุ่มปัญหา
ในภาพรวมนับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้นายกฯ ทักษิณ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2547 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 2 ปี กลุ่มปัญหาที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชนผ่านตู้นายกฯ ทักษิณ หน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดและจากหน้าบ้านพิษณุโลก กทม. มีสัดส่วนที่ค่อนข้างใกล้เคียงสอดคล้องเช่นเดียวกัน กล่าวคือ
กลุ่มประเด็นปัญหาความเดือดร้อนที่มีผู้ร้องเรียนในภาพรวมเรียงตามลำดับได้ดังนี้ กลุ่มปัญหา ความเดือดร้อนทั่วไป 8,647 เรื่อง (36%) กลุ่มการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ 5,622 เรื่อง (23%) กลุ่มเรื่องทั่วไป 3,974 เรื่อง (16%) กลุ่มแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด 2,700 เรื่อง (11%) กลุ่มปัญหาที่ดิน 2,297 เรื่อง (10%) กลุ่มขอความช่วยเหลือ 1,072 เรื่อง (4%)
จากภาพรวมในระยะ 2 ปี ของการดำเนินการ พบว่ากลุ่มปัญหาความเดือดร้อนทั่วไป อันได้แก่
ปัญหาพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค เหตุเดือดร้อนรำคาญจากมลภาวะแวดล้อมของสังคมเมือง (เสียง กลิ่น ควัน ฝุ่นละออง) ยังคงมีจำนวนสูงที่สุด คือร้อยละ 36 ซึ่งหากได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและรับผิดชอบจากหน่วยงานในพื้นที่ (Area) ประสานอย่างใกล้ชิดกับส่วนราชการที่รับผิดชอบตามหน้าที่ (Function) แล้ว น่าจะทำให้การร้องเรียนของประชาชนลดน้อยลง
สำหรับการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ ยังมีการร้องเรียนอยู่ถึงร้อยละ 23 พบว่าส่วนหนึ่ง เป็นการกล่าวหาโดยปราศจากมูลความจริง จากจำนวนการร้องเรียนที่สูงสุดเป็นอันดับสอง สะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในการปลูกจิตสำนึกให้บุคลากรในสังกัดไม่สร้างเงื่อนไขหรือที่มาของปัญหา ให้มีคุณธรรม จริยธรรม ในการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รวมทั้งต้องสนองตอบต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนและการสนใจข้อมูล เบาะแส ที่ได้รับแล้วดำเนินการแก้ปัญหาทันที เพื่อสร้างศรัทธาความเชื่อมั่นของประชาชนในการบรรเทาความเดือดร้อน
3. การให้ความช่วยเหลือ/แก้ปัญหา เรื่องที่จังหวัดสามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการได้ดำเนินการแก้ไขในบทบาทหน้าที่ไปแล้วในห้วงระยะเวลานี้ เช่น จังหวัดชุมพร (กรณีปัญหาความเดือดร้อนจากโรงงานปั่นใยมะพร้าว) จังหวัดร้อยเอ็ด (กรณีขอความช่วยเหลือให้แก่ บุตรพิการ) จังหวัดกาฬสินธุ์ (กรณีได้รับความเดือดร้อนจากการปิดจุดกลับรถ) จังหวัดชลบุรี (กรณีปัญหาความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของขยะ) จังหวัดพังงา (กรณีขอความช่วยเหลือเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้) จังหวัดนราธิวาส (กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องการชำระหนี้สิน) จังหวัดตรัง (กรณีขอความช่วยเหลือออกเอกสารสิทธิที่ดินของมัสยิดฯ) จังหวัดแพร่ (กรณีแจ้งเบาะแสลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--
1. ภาพรวมของผลการดำเนินการ
ภาพรวมผลการดำเนินการตู้นายกฯ ทักษิณรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 24,312 เรื่อง แก้ไขปัญหาแล้วจำนวน 17,567 เรื่อง (72%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 6,573 เรื่อง ส่งส่วนกลาง 172 เรื่อง
ตู้นายกฯ ทักษิณหน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เริ่ม 1 มิถุนายน 2547 จำนวนทั้งสิ้น 16,291 เรื่อง แก้ไขปัญหาแล้วจำนวน 12,047 เรื่อง (74%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 4,129 เรื่อง ส่งส่วนกลาง 115 เรื่อง
หน้าบ้านพิษณุโลก กทม. คตส.นรม. เริ่มส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทย จำนวนทั้งสิ้น 8,021 เรื่อง แก้ไขปัญหาแล้วจำนวน 5,520 เรื่อง (69%) อยู่ระหว่างดำเนินการ 2,444 เรื่อง ส่งส่วนกลาง 57 เรื่อง
2. การรับเรื่องร้องเรียนผ่านตู้นายกฯ ทักษิณ จำแนกตามกลุ่มปัญหา
ในภาพรวมนับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งตู้นายกฯ ทักษิณ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2547 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 2 ปี กลุ่มปัญหาที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชนผ่านตู้นายกฯ ทักษิณ หน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดและจากหน้าบ้านพิษณุโลก กทม. มีสัดส่วนที่ค่อนข้างใกล้เคียงสอดคล้องเช่นเดียวกัน กล่าวคือ
กลุ่มประเด็นปัญหาความเดือดร้อนที่มีผู้ร้องเรียนในภาพรวมเรียงตามลำดับได้ดังนี้ กลุ่มปัญหา ความเดือดร้อนทั่วไป 8,647 เรื่อง (36%) กลุ่มการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ 5,622 เรื่อง (23%) กลุ่มเรื่องทั่วไป 3,974 เรื่อง (16%) กลุ่มแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด 2,700 เรื่อง (11%) กลุ่มปัญหาที่ดิน 2,297 เรื่อง (10%) กลุ่มขอความช่วยเหลือ 1,072 เรื่อง (4%)
จากภาพรวมในระยะ 2 ปี ของการดำเนินการ พบว่ากลุ่มปัญหาความเดือดร้อนทั่วไป อันได้แก่
ปัญหาพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค เหตุเดือดร้อนรำคาญจากมลภาวะแวดล้อมของสังคมเมือง (เสียง กลิ่น ควัน ฝุ่นละออง) ยังคงมีจำนวนสูงที่สุด คือร้อยละ 36 ซึ่งหากได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและรับผิดชอบจากหน่วยงานในพื้นที่ (Area) ประสานอย่างใกล้ชิดกับส่วนราชการที่รับผิดชอบตามหน้าที่ (Function) แล้ว น่าจะทำให้การร้องเรียนของประชาชนลดน้อยลง
สำหรับการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ ยังมีการร้องเรียนอยู่ถึงร้อยละ 23 พบว่าส่วนหนึ่ง เป็นการกล่าวหาโดยปราศจากมูลความจริง จากจำนวนการร้องเรียนที่สูงสุดเป็นอันดับสอง สะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในการปลูกจิตสำนึกให้บุคลากรในสังกัดไม่สร้างเงื่อนไขหรือที่มาของปัญหา ให้มีคุณธรรม จริยธรรม ในการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รวมทั้งต้องสนองตอบต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนและการสนใจข้อมูล เบาะแส ที่ได้รับแล้วดำเนินการแก้ปัญหาทันที เพื่อสร้างศรัทธาความเชื่อมั่นของประชาชนในการบรรเทาความเดือดร้อน
3. การให้ความช่วยเหลือ/แก้ปัญหา เรื่องที่จังหวัดสามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการได้ดำเนินการแก้ไขในบทบาทหน้าที่ไปแล้วในห้วงระยะเวลานี้ เช่น จังหวัดชุมพร (กรณีปัญหาความเดือดร้อนจากโรงงานปั่นใยมะพร้าว) จังหวัดร้อยเอ็ด (กรณีขอความช่วยเหลือให้แก่ บุตรพิการ) จังหวัดกาฬสินธุ์ (กรณีได้รับความเดือดร้อนจากการปิดจุดกลับรถ) จังหวัดชลบุรี (กรณีปัญหาความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของขยะ) จังหวัดพังงา (กรณีขอความช่วยเหลือเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้) จังหวัดนราธิวาส (กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องการชำระหนี้สิน) จังหวัดตรัง (กรณีขอความช่วยเหลือออกเอกสารสิทธิที่ดินของมัสยิดฯ) จังหวัดแพร่ (กรณีแจ้งเบาะแสลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--