คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2548 ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเสนอดังนี้
คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติได้จัดทำรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย โดยมีเนื้อหาสาระที่ครอบคลุมทั้งด้านประชากรสูงอายุ ภาวะสุขภาพ การศึกษาและการเรียนรู้ การทำงานกับรายได้ ครอบครัวและชุมชน รวมทั้งผลการดำเนินงานผู้สูงอายุในรอบปีที่ผ่านมา ดังนี้
1. ในปี พ.ศ. 2548 มีประชากรผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 6.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 10.2 ของประชากรทั้งประเทศ โดยอายุคาดหมายเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดของเพศชาย 68 ปี และอายุคาดหมายเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดของเพศหญิง 75 ปี
2. ด้านภาวะสุขภาพ พบว่ากลุ่มประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 50 มีปัญหาเรื่องโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว โดยโรคที่เป็นมากอันดับ 1 คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด มีร้อยละ 42.66 อันดับ 2 คือ โรคต่อมไร้ท่อมีร้อยละ 24.34 และอันดับ 3 คือระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูกและข้อ โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคระบบทางเดินหายใจ
3. ด้านครอบครัวและชุมชน พบว่าโดยรวมมีผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ร้อยละ 7.1
4. ด้านการทำงานกับรายได้ ผู้สูงอายุที่ทำงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเดิมในปี พ.ศ. 2544 มีร้อยละ 30.3 และในปี พ.ศ. 2548 มีร้อยละ 37.1 เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากการทำงานจะพบว่ามีรายได้ลดลงโดยในปี พ.ศ. 2544 ผู้สูงอายุมีรายได้เฉลี่ย 5,535 บาทต่อเดือน และในปี พ.ศ. 2548 มีรายได้ลดลงเป็น 4,919 บาทต่อเดือน
5. ด้านการศึกษาและการเรียนรู้ ประมาณสามในสี่ของผู้สูงอายุไทยอ่านออกเขียนได้ โดยส่วนใหญ่ อ่านหนังสือพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 ธันวาคม 2549--จบ--
คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติได้จัดทำรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย โดยมีเนื้อหาสาระที่ครอบคลุมทั้งด้านประชากรสูงอายุ ภาวะสุขภาพ การศึกษาและการเรียนรู้ การทำงานกับรายได้ ครอบครัวและชุมชน รวมทั้งผลการดำเนินงานผู้สูงอายุในรอบปีที่ผ่านมา ดังนี้
1. ในปี พ.ศ. 2548 มีประชากรผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 6.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 10.2 ของประชากรทั้งประเทศ โดยอายุคาดหมายเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดของเพศชาย 68 ปี และอายุคาดหมายเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดของเพศหญิง 75 ปี
2. ด้านภาวะสุขภาพ พบว่ากลุ่มประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 50 มีปัญหาเรื่องโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว โดยโรคที่เป็นมากอันดับ 1 คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด มีร้อยละ 42.66 อันดับ 2 คือ โรคต่อมไร้ท่อมีร้อยละ 24.34 และอันดับ 3 คือระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูกและข้อ โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคระบบทางเดินหายใจ
3. ด้านครอบครัวและชุมชน พบว่าโดยรวมมีผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ร้อยละ 7.1
4. ด้านการทำงานกับรายได้ ผู้สูงอายุที่ทำงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเดิมในปี พ.ศ. 2544 มีร้อยละ 30.3 และในปี พ.ศ. 2548 มีร้อยละ 37.1 เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากการทำงานจะพบว่ามีรายได้ลดลงโดยในปี พ.ศ. 2544 ผู้สูงอายุมีรายได้เฉลี่ย 5,535 บาทต่อเดือน และในปี พ.ศ. 2548 มีรายได้ลดลงเป็น 4,919 บาทต่อเดือน
5. ด้านการศึกษาและการเรียนรู้ ประมาณสามในสี่ของผู้สูงอายุไทยอ่านออกเขียนได้ โดยส่วนใหญ่ อ่านหนังสือพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 ธันวาคม 2549--จบ--