เรื่อง สรุปความเสียหายจากอุทกภัยโคลนถล่มภาคเหนือและการให้ความช่วยเหลือ (ครั้งที่ 5) และ
รายงานสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2549
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่ กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปความเสียหายจากอุทกภัยโคลนถล่มภาคเหนือและการให้ความช่วยเหลือ (ครั้งที่ 5) และรายงานสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2549 สรุปได้ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม 5 จังหวัดภาคเหนือ (ระหว่างวันที่ 22 พ.ค. - 3 ก.ค. 2549)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 5 จังหวัด 26 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 171 ตำบล 1,200 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ลำปาง และน่าน
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 88 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 75 คน (ลับแล 23 คน ท่าปลา 29 คน เมือง 23 คน) จังหวัดสุโขทัย 8 คน (ศรีสัชนาลัย 6 คน ศรีสำโรง 1 คน และเมืองฯ 1 คน) และจังหวัดแพร่ 5 คน (เมือง) สูญหาย 29 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 28 คน (ลับแล 4 คน ท่าปลา 24 คน) และจังหวัดสุโขทัย 1 คน (ศรีสัชนาลัย) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 352,016 คน 108,542 ครัวเรือน อพยพ 10,601 คน
2) บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 704 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 479 หลัง จ.แพร่ 135 หลัง จ.สุโขทัย 89 หลัง และ จ.น่าน 1 หลัง) บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 4,314 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 3,813 หลัง จ.สุโขทัย 156 หลัง และ จ.แพร่ 345 หลัง)
3) ด้านทรัพย์สิน ถนน 1,028 สาย สะพาน 176 แห่ง พื้นที่การเกษตร 714,793 ไร่ วัด/โรงเรียน/สถานที่ราชการ 226 แห่ง พนังกั้นน้ำ 15 แห่ง ท่อระบายน้ำ 314 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 245 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง/ตะพาบ 5,345 บ่อ ปศุสัตว์ 76,610 ตัว สัตว์ปีก 260,148 ตัว
4) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,344,833,259.- บาท
(ไม่รวมความเสียหายบ้านเรือนและทรัพย์สินของราษฎร)
1.3 สถานการณ์ปัจจุบัน
1) พื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง น่าน และอุตรดิตถ์
2) พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ ยังคงมีน้ำท่วมขังเฉพาะพื้นที่การเกษตรใน 4 ตำบล 25 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลกง (หมู่ที่ 1-13) ระดับน้ำทรงตัว ตำบลไกรนอก (หมู่ที่ 7,8) ตำบลท่าฉนวน (หมู่ที่ 1,4,5,6,7,12) ตำบลกกแรด (หมู่ที่ 2,3,6,12) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.20 เมตร น้ำที่ท่วมขังพื้นที่การเกษตรยังคงเน่าเสีย
1.4 สรุปการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
1) ได้จัดสร้างเต็นท์ พักอาศัยชั่วคราวเสร็จแล้ว จำนวน 161 หลัง ให้แก่ผู้ประสบภัยที่
(1) เทศบาลตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 80 หลัง
(2) ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 13 หลัง
(3) บ้านน้ำต๊ะ และบ้านน้ำรี ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 38 หลัง
(4) ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 30 หลัง
2) ได้จัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ที่บ้านแม่คุ หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 24 หลัง
3) การเตรียมพื้นที่รองรับการสร้างบ้านพักถาวรใน 3 จังหวัด
การก่อสร้างบ้านประกอบสำเร็จรูป (บ้านน็อคดาวน์) มูลนิธิไทยคมจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่ที่มีความพร้อมแล้ว โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับกรมที่ดินจัดวางผังหมู่บ้าน/ชุมชนให้มีความเหมาะสมและมีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ดังนี้
(1) จังหวัดแพร่ ที่อำเภอสูงเม่น จำนวน 23 หลัง สำหรับอำเภอเมือง 104 หลัง และอำเภอเด่นชัย จำนวน 8 หลัง โดยใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
(2) จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้จัดเตรียมที่ดินรองรับเบื้องต้นแล้ว ดังนี้ ในที่ดินที่ของนิคม สร้างตนเองลำน้ำน่าน อ.ท่าปลา 2 แปลง ที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ อ.เมืองฯ (3 แปลง) และลับแล (2 แปลง) รวม 7 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,501 ไร่ โดยราษฎรประสงค์ให้จัดสร้างบ้านในที่ดินที่ราชการจัดให้ 216 หลัง สร้างในที่ดินตนเอง 268 หลัง
(3) จังหวัดสุโขทัย จำนวน 73 หลัง (อำเภอศรีสัชนาลัย) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ต.บ้านตึก
4) ความก้าวหน้าในการก่อสร้างบ้านถาวรของมูลนิธิไทยคม กำหนดส่งมอบในวันที่ 6 ก.ค. 2549
4.1) จ.แพร่ บ้านน้ำพุ ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น จำนวน 23 หลัง
4.2) จ.อุตรดิตถ์ บ้านปากทับ ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จำนวน 46 หลัง
4.3) จ.สุโขทัย บ้านดงย่าปลา ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จำนวน 19 หลัง
5) การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (ข้อมูล ณ 3 ก.ค. 2549)
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 59,620,916 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 88 ราย เป็นเงิน 1,920,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือญาติผู้สูญหาย จำนวน 24 ราย เป็นเงิน 710,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จำนวน 1,042 ราย เป็นเงิน 2,189,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 1,544 ราย เป็นเงิน 27,399,571 บาท
- ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 436 ราย เป็นเงิน 1,805,900 บาท
- ค่าเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 483 ราย เป็นเงิน 535,900 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 237,491 ราย เป็นเงิน 23,587,288 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 5,649,800 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 16,487,090 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 6,548,044 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 86,122,593 บาท
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2549)
ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน — 3 กรกฎาคม 2549 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย เป็นเหตุให้มีฝนตกหนักมากตั้งแต่วันที่ 1 — 3 กรกฎาคม 2549 ในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออก ภาคตะวันตกของประเทศ โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2549 วัดได้ 495.5 มม. ที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด สำหรับภาคใต้ที่ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดได้ 200.0 มม. ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน สิ่งสาธารณประโยชน์และทรัพย์สินของประชาชนเสียหายเป็นจำนวนมาก
2.1 พื้นที่ที่มีสถานการณ์ รวม 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ตราด ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ดังนี้
1) จังหวัดชลบุรี ได้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2549 ในพื้นที่ของตำบลตะเคียนเตี้ย (หมู่ที่ 1,2,3,4) อ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี ระดับน้ำลดลงแล้ว
2) จังหวัดตราด เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 3 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองใหญ่ แหลมงอบ บ่อไร่ กิ่งอำเภอเกาะกูด และกิ่งอำเภอเกาะช้าง ปัจจุบันเข้าสู่สภาวะปกติแล้วในขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังเฉพาะที่ อำเภอคลองใหญ่ ตำบลคลองใหญ่ (หมู่ที่ 1,4,5,6,8) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 ม.
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้เครื่องจักรกลเปิดทางระบายน้ำ และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ ฯ (งบ 50 ล้านบาท)
3) จังหวัดระยอง น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่เทศบาลตำบลแกลง และ อบต.กระเฉด หมู่ที่ 3 บริเวณซอย 9 เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ปภ.จังหวัด เทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเรือท้องแบนออกช่วยเหลือในการขนย้ายสิ่งของของราษฎรออกจากพื้นที่ดังกล่าว ในขณะนี้ระดับน้ำเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
4) จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 49 น้ำจากลำห้วยแม่สอด ลำห้วยแม่ตาก และลำห้วยแห้ง ได้ไหลบ่าเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองอำเภอแม่สอด หลายพื้นที่ โดยเฉพาะถนนสวรรค์วิถี ซอยวัดรางแก้ว สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่สอด ซอยศาลเจ้าจีน ปัจจุบันน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ รถสัญจรไป-มา ได้ตามปกติ คงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มบางพื้นที่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนราษฎรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เก็บสิ่งของไว้ในที่สูงพร้อมกับให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
- อำเภอพบพระ ได้เกิดดินสไลด์ ที่บ้านห้วยน้ำนัก หมู่ที่ 4 ตำบลพบพระ ที่สร้างอยู่เชิงเขาเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง และเสียหายบางส่วน 2 หลัง ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ
- อำเภอแม่ระมาด ได้เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2549 เวลา 07.45 น. รถยนต์รับส่งนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยบงศูนย์อากาเบ้เสียหลักพลิกคว่ำที่ถนนในหมู่บ้านวังผา ม.7 ต.แม่จะเรา เนื่องจากฝนตกหนักรถพลิกคว่ำนักเรียนบาดเจ็บ 25 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต
การให้ความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2549 ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอ ได้เดินทางไปที่บ้านห้วยน้ำนัก หมู่ที่ 4 ตำบลพบพระ เพื่อตรวจสถานการณ์ มอบถุงยังชีพ จำนวน 103 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย และอพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัย รวมทั้งประกาศเป็นเขตอันตราย เนื่องจากมีแนวโน้มว่าดินจะทรุดตัวไหลลงมาอีก
5) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เกิดฝนตกหนักในเทือกเขาตะนาวศรี ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในอำเภอทับสะแก เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 49 จำนวน 2 ตำบลได้แก่ ตำบลนาหูกวาง และตำบลอ่างทอง ระดับน้ำลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ระดับน้ำในคลองทับสะแกต่ำกว่าตลิ่ง 1.60 ม.
- อำเภอบางสะพาน ยังคงมีน้ำท่วมขังในบริเวณโรงพยาบาลบางสะพานเล็กน้อย (ในขณะนี้สามารถเปิดให้บริการตามปกติแล้ว) อบต.พงศ์ประศาสน์น้ำท่วมในที่ลุ่มบางพื้นที่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 - 0.50 เมตร ระดับน้ำแม่น้ำบางสะพานต่ำกว่าตลิ่ง 5.00 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 หน่วยทหาร อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ขนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลบางสะพาน จำนวน 50 ราย ไปยังโรงพยาบาลข้างเคียงตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2549 แล้ว และนำเรือท้องแบน 15 ลำอพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัย
6) จังหวัดชุมพร ได้เกิดสถานการณ์ฝนตกหนัก ระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2549 ทำให้เกิดน้ำท่วมที่อำเภอท่าแซะ และอำเภอประทิว
- อำเภอท่าแซะ บริเวณต้นน้ำคลองท่าแซะฝนได้หยุดตกแล้ว และคลองรับร่อยังมีฝนตกเล็กน้อย สำหรับพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังได้แก่ ตำบลท่าแซะ ตำบลท่าข้าม ตำบลนากระตาม และตำบลทรัพย์อนันต์ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 ม. เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุน และน้ำไหลบ่ามาจากอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในขณะนี้ระดับน้ำที่บริเวณคลองท่าแซะ (x 64) วัดได้ 17.35 ม. สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.22 ม. (ระดับตลิ่ง 17.13 ม.) ระดับน้ำทรงตัว
- อำเภอปะทิว ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในที่ราบลุ่มในพื้นที่ตำบลบางสน ชุมโค ทะเลทรัพย์ สะพลี ปากคลอง ดอนยาง และเขาไชยราช โดยขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดได้แจ้งเตือนไปยังอำเภอทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองชุมพร ได้จัดเตรียมวางกระสอบทรายและเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมแล้ว
2.2 การให้ความช่วยเหลือของกระทรวงมหาดไทย
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เตรียมอุปกรณ์ เครื่องจักรกล เรือท้องแบน สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้แล้ว โดยส่งไปยังศูนย์ฯ เขต เพื่อนำไปช่วยเหลือจังหวัดที่มีสถานการณ์อุทกภัย ดังนี้
- เรือท้องแบน จำนวน 275 ลำ
- รถกู้ภัย จำนวน 111 คัน
- รถเครนขนาดใหญ่ จำนวน 5 คัน
- รถขุดตักไฮดรอลิก จำนวน 81 คัน
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 36 เครื่อง
- รถบรรทุก และเครื่องมืออื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
2) การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านบาท) เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านเครื่องอุปโภคบริโภค ค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ค่าจัดการศพ การจัดหากระสอบทราย การส่งเครื่องจักรกลเข้าเปิดเส้นทาง/เปิดช่องทางระบายน้ำ และซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ชำรุดเสียหายได้ทันที สำหรับพื้นที่การเกษตร และปศุสัตว์ บ่อปลาที่เสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจและจะได้ให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--
รายงานสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2549
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่ กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปความเสียหายจากอุทกภัยโคลนถล่มภาคเหนือและการให้ความช่วยเหลือ (ครั้งที่ 5) และรายงานสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2549 สรุปได้ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม 5 จังหวัดภาคเหนือ (ระหว่างวันที่ 22 พ.ค. - 3 ก.ค. 2549)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 5 จังหวัด 26 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 171 ตำบล 1,200 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ลำปาง และน่าน
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 88 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 75 คน (ลับแล 23 คน ท่าปลา 29 คน เมือง 23 คน) จังหวัดสุโขทัย 8 คน (ศรีสัชนาลัย 6 คน ศรีสำโรง 1 คน และเมืองฯ 1 คน) และจังหวัดแพร่ 5 คน (เมือง) สูญหาย 29 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 28 คน (ลับแล 4 คน ท่าปลา 24 คน) และจังหวัดสุโขทัย 1 คน (ศรีสัชนาลัย) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 352,016 คน 108,542 ครัวเรือน อพยพ 10,601 คน
2) บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 704 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 479 หลัง จ.แพร่ 135 หลัง จ.สุโขทัย 89 หลัง และ จ.น่าน 1 หลัง) บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 4,314 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 3,813 หลัง จ.สุโขทัย 156 หลัง และ จ.แพร่ 345 หลัง)
3) ด้านทรัพย์สิน ถนน 1,028 สาย สะพาน 176 แห่ง พื้นที่การเกษตร 714,793 ไร่ วัด/โรงเรียน/สถานที่ราชการ 226 แห่ง พนังกั้นน้ำ 15 แห่ง ท่อระบายน้ำ 314 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 245 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง/ตะพาบ 5,345 บ่อ ปศุสัตว์ 76,610 ตัว สัตว์ปีก 260,148 ตัว
4) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,344,833,259.- บาท
(ไม่รวมความเสียหายบ้านเรือนและทรัพย์สินของราษฎร)
1.3 สถานการณ์ปัจจุบัน
1) พื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง น่าน และอุตรดิตถ์
2) พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ ยังคงมีน้ำท่วมขังเฉพาะพื้นที่การเกษตรใน 4 ตำบล 25 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลกง (หมู่ที่ 1-13) ระดับน้ำทรงตัว ตำบลไกรนอก (หมู่ที่ 7,8) ตำบลท่าฉนวน (หมู่ที่ 1,4,5,6,7,12) ตำบลกกแรด (หมู่ที่ 2,3,6,12) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.20 เมตร น้ำที่ท่วมขังพื้นที่การเกษตรยังคงเน่าเสีย
1.4 สรุปการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
1) ได้จัดสร้างเต็นท์ พักอาศัยชั่วคราวเสร็จแล้ว จำนวน 161 หลัง ให้แก่ผู้ประสบภัยที่
(1) เทศบาลตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 80 หลัง
(2) ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 13 หลัง
(3) บ้านน้ำต๊ะ และบ้านน้ำรี ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 38 หลัง
(4) ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 30 หลัง
2) ได้จัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ที่บ้านแม่คุ หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 24 หลัง
3) การเตรียมพื้นที่รองรับการสร้างบ้านพักถาวรใน 3 จังหวัด
การก่อสร้างบ้านประกอบสำเร็จรูป (บ้านน็อคดาวน์) มูลนิธิไทยคมจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่ที่มีความพร้อมแล้ว โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับกรมที่ดินจัดวางผังหมู่บ้าน/ชุมชนให้มีความเหมาะสมและมีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ดังนี้
(1) จังหวัดแพร่ ที่อำเภอสูงเม่น จำนวน 23 หลัง สำหรับอำเภอเมือง 104 หลัง และอำเภอเด่นชัย จำนวน 8 หลัง โดยใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
(2) จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้จัดเตรียมที่ดินรองรับเบื้องต้นแล้ว ดังนี้ ในที่ดินที่ของนิคม สร้างตนเองลำน้ำน่าน อ.ท่าปลา 2 แปลง ที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ อ.เมืองฯ (3 แปลง) และลับแล (2 แปลง) รวม 7 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,501 ไร่ โดยราษฎรประสงค์ให้จัดสร้างบ้านในที่ดินที่ราชการจัดให้ 216 หลัง สร้างในที่ดินตนเอง 268 หลัง
(3) จังหวัดสุโขทัย จำนวน 73 หลัง (อำเภอศรีสัชนาลัย) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ต.บ้านตึก
4) ความก้าวหน้าในการก่อสร้างบ้านถาวรของมูลนิธิไทยคม กำหนดส่งมอบในวันที่ 6 ก.ค. 2549
4.1) จ.แพร่ บ้านน้ำพุ ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น จำนวน 23 หลัง
4.2) จ.อุตรดิตถ์ บ้านปากทับ ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จำนวน 46 หลัง
4.3) จ.สุโขทัย บ้านดงย่าปลา ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จำนวน 19 หลัง
5) การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (ข้อมูล ณ 3 ก.ค. 2549)
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 59,620,916 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 88 ราย เป็นเงิน 1,920,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือญาติผู้สูญหาย จำนวน 24 ราย เป็นเงิน 710,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จำนวน 1,042 ราย เป็นเงิน 2,189,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 1,544 ราย เป็นเงิน 27,399,571 บาท
- ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 436 ราย เป็นเงิน 1,805,900 บาท
- ค่าเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 483 ราย เป็นเงิน 535,900 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 237,491 ราย เป็นเงิน 23,587,288 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 5,649,800 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 16,487,090 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 6,548,044 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 86,122,593 บาท
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2549)
ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน — 3 กรกฎาคม 2549 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย เป็นเหตุให้มีฝนตกหนักมากตั้งแต่วันที่ 1 — 3 กรกฎาคม 2549 ในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออก ภาคตะวันตกของประเทศ โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2549 วัดได้ 495.5 มม. ที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด สำหรับภาคใต้ที่ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดได้ 200.0 มม. ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน สิ่งสาธารณประโยชน์และทรัพย์สินของประชาชนเสียหายเป็นจำนวนมาก
2.1 พื้นที่ที่มีสถานการณ์ รวม 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ตราด ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ดังนี้
1) จังหวัดชลบุรี ได้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2549 ในพื้นที่ของตำบลตะเคียนเตี้ย (หมู่ที่ 1,2,3,4) อ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี ระดับน้ำลดลงแล้ว
2) จังหวัดตราด เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 3 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองใหญ่ แหลมงอบ บ่อไร่ กิ่งอำเภอเกาะกูด และกิ่งอำเภอเกาะช้าง ปัจจุบันเข้าสู่สภาวะปกติแล้วในขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังเฉพาะที่ อำเภอคลองใหญ่ ตำบลคลองใหญ่ (หมู่ที่ 1,4,5,6,8) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 ม.
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้เครื่องจักรกลเปิดทางระบายน้ำ และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ ฯ (งบ 50 ล้านบาท)
3) จังหวัดระยอง น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่เทศบาลตำบลแกลง และ อบต.กระเฉด หมู่ที่ 3 บริเวณซอย 9 เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ปภ.จังหวัด เทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเรือท้องแบนออกช่วยเหลือในการขนย้ายสิ่งของของราษฎรออกจากพื้นที่ดังกล่าว ในขณะนี้ระดับน้ำเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
4) จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 49 น้ำจากลำห้วยแม่สอด ลำห้วยแม่ตาก และลำห้วยแห้ง ได้ไหลบ่าเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองอำเภอแม่สอด หลายพื้นที่ โดยเฉพาะถนนสวรรค์วิถี ซอยวัดรางแก้ว สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่สอด ซอยศาลเจ้าจีน ปัจจุบันน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ รถสัญจรไป-มา ได้ตามปกติ คงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มบางพื้นที่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนราษฎรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เก็บสิ่งของไว้ในที่สูงพร้อมกับให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
- อำเภอพบพระ ได้เกิดดินสไลด์ ที่บ้านห้วยน้ำนัก หมู่ที่ 4 ตำบลพบพระ ที่สร้างอยู่เชิงเขาเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง และเสียหายบางส่วน 2 หลัง ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ
- อำเภอแม่ระมาด ได้เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2549 เวลา 07.45 น. รถยนต์รับส่งนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยบงศูนย์อากาเบ้เสียหลักพลิกคว่ำที่ถนนในหมู่บ้านวังผา ม.7 ต.แม่จะเรา เนื่องจากฝนตกหนักรถพลิกคว่ำนักเรียนบาดเจ็บ 25 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต
การให้ความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2549 ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอ ได้เดินทางไปที่บ้านห้วยน้ำนัก หมู่ที่ 4 ตำบลพบพระ เพื่อตรวจสถานการณ์ มอบถุงยังชีพ จำนวน 103 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย และอพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัย รวมทั้งประกาศเป็นเขตอันตราย เนื่องจากมีแนวโน้มว่าดินจะทรุดตัวไหลลงมาอีก
5) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เกิดฝนตกหนักในเทือกเขาตะนาวศรี ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในอำเภอทับสะแก เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 49 จำนวน 2 ตำบลได้แก่ ตำบลนาหูกวาง และตำบลอ่างทอง ระดับน้ำลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ระดับน้ำในคลองทับสะแกต่ำกว่าตลิ่ง 1.60 ม.
- อำเภอบางสะพาน ยังคงมีน้ำท่วมขังในบริเวณโรงพยาบาลบางสะพานเล็กน้อย (ในขณะนี้สามารถเปิดให้บริการตามปกติแล้ว) อบต.พงศ์ประศาสน์น้ำท่วมในที่ลุ่มบางพื้นที่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 - 0.50 เมตร ระดับน้ำแม่น้ำบางสะพานต่ำกว่าตลิ่ง 5.00 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 หน่วยทหาร อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ขนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลบางสะพาน จำนวน 50 ราย ไปยังโรงพยาบาลข้างเคียงตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2549 แล้ว และนำเรือท้องแบน 15 ลำอพยพราษฎรไปอยู่ในที่ปลอดภัย
6) จังหวัดชุมพร ได้เกิดสถานการณ์ฝนตกหนัก ระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2549 ทำให้เกิดน้ำท่วมที่อำเภอท่าแซะ และอำเภอประทิว
- อำเภอท่าแซะ บริเวณต้นน้ำคลองท่าแซะฝนได้หยุดตกแล้ว และคลองรับร่อยังมีฝนตกเล็กน้อย สำหรับพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังได้แก่ ตำบลท่าแซะ ตำบลท่าข้าม ตำบลนากระตาม และตำบลทรัพย์อนันต์ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 ม. เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุน และน้ำไหลบ่ามาจากอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในขณะนี้ระดับน้ำที่บริเวณคลองท่าแซะ (x 64) วัดได้ 17.35 ม. สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.22 ม. (ระดับตลิ่ง 17.13 ม.) ระดับน้ำทรงตัว
- อำเภอปะทิว ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในที่ราบลุ่มในพื้นที่ตำบลบางสน ชุมโค ทะเลทรัพย์ สะพลี ปากคลอง ดอนยาง และเขาไชยราช โดยขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดได้แจ้งเตือนไปยังอำเภอทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองชุมพร ได้จัดเตรียมวางกระสอบทรายและเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมแล้ว
2.2 การให้ความช่วยเหลือของกระทรวงมหาดไทย
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เตรียมอุปกรณ์ เครื่องจักรกล เรือท้องแบน สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้แล้ว โดยส่งไปยังศูนย์ฯ เขต เพื่อนำไปช่วยเหลือจังหวัดที่มีสถานการณ์อุทกภัย ดังนี้
- เรือท้องแบน จำนวน 275 ลำ
- รถกู้ภัย จำนวน 111 คัน
- รถเครนขนาดใหญ่ จำนวน 5 คัน
- รถขุดตักไฮดรอลิก จำนวน 81 คัน
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 36 เครื่อง
- รถบรรทุก และเครื่องมืออื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
2) การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านบาท) เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านเครื่องอุปโภคบริโภค ค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ค่าจัดการศพ การจัดหากระสอบทราย การส่งเครื่องจักรกลเข้าเปิดเส้นทาง/เปิดช่องทางระบายน้ำ และซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ชำรุดเสียหายได้ทันที สำหรับพื้นที่การเกษตร และปศุสัตว์ บ่อปลาที่เสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจและจะได้ให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--