1. จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 113/2549 เรื่อง จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ ดังนี้
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 516/2548 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2548 ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 24/2549 ลงวันที่ 27 มกราคม 2549 แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติและมอบอำนาจเพิ่มเติม และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 58/2549 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2549 แต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) (8) และ(9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
1. ให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 516/2548 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2548 คำสั่งสำนักนายก รัฐมนตรี ที่ 24/2549 ลงวันที่ 27 มกราคม 2549 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 58/2549 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2549 บรรดาคำสั่งอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งนี้แทน
2. ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ขึ้นในกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
2.1 ที่ปรึกษา
2.1.1 พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษา
2.1.2 ศาสตราจารย์ประเวศ วะสี ที่ปรึกษา
2.1.3 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ปรึกษา
2.1.4 ประธานกรรมการหอการค้าไทย ที่ปรึกษา
2.1.5 ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษา
2.2 คณะกรรมการ ประกอบด้วย
2.2.1 พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์ ผู้อำนวยการ
รองนายกรัฐมนตรี /ประธานกรรมการ
2.2.2 นายเนวิน ชิดชอบ รองผู้อำนวยการ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี /รองประธานกรรมการ
2.2.3 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองผู้อำนวยการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย /รองประธานกรรมการ
2.2.4 เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รองผู้อำนวยการ
/รองประธานกรรมการ
2.2.5 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ
2.2.6 เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ กรรมการ
และสังคมแห่งชาติ
2.2.7 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการ
2.2.8 ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ
2.2.9 ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง กรรมการ
ของมนุษย์
2.2.10 ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ
2.2.11 ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กรรมการ
และสิ่งแวดล้อม
2.2.12 ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรรมการ
2.2.13 ปลัดกระทรวงแรงงาน กรรมการ
2.2.14 ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ
2.2.15 ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ
2.2.16 ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ
2.2.17 อธิบดีกรมธนารักษ์ กรรมการ
2.2.18 อธิบดีกรมบัญชีกลาง กรรมการ
2.2.19 อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กรรมการ
2.2.20 เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน กรรมการ
เพื่อเกษตรกรรม
2.2.21 อธิบดีกรมป่าไม้ กรรมการ
2.2.22 อธิบดีกรมที่ดิน กรรมการ
2.2.23 อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรรมการ
2.2.24 เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กรรมการ
2.2.25 ผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนา กรรมการ
กองบัญชาการทหารสูงสุด
2.2.26 ปลัดกรุงเทพมหานคร กรรมการ
2.2.27 ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กรรมการ
2.2.28 ผู้จัดการใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตร กรรมการ
และสหกรณ์การเกษตร
2.2.29 ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์ กรรมการ
เป็นทุน
2.2.30 ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้าน กรรมการ
และชุมชนเมืองแห่งชาติ
2.2.31 ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาศักยภาพของ กรรมการ
หมู่บ้าน/ชุมชน
2.2.32 ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กรรมการ
2.2.33 ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการและเลขานุการ
2.2.34 อธิบดีกรมการปกครอง กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.35 อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.36 ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.37 นายไมตรี อินทุสุต กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.38 นายปิติธรรม ฐิติมนตรี กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.3 อำนาจหน้าที่
2.3.1 กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ และกำกับ ดูแล ตรวจสอบการดำเนินการตามนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน ตลอดจนเสนอแนะนโยบายแก่คณะรัฐมนตรี
2.3.2 มอบหมายให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แปลงนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผลสำเร็จ โดยให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดให้มีแผนปฏิบัติการบูรณาการแผนและงบประมาณ เพื่อการดำเนินการให้บังเกิดผลในการปฏิบัติสูงสุด
2.3.3 บูรณาการแผนงานโครงการและงบประมาณ ตลอดจนเสนอคณะรัฐมนตรีในการปรับปรุงแผนงานโครงการและงบประมาณของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ให้เป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน
2.3.4 แสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วมและสนับสนุนช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาความยากจน
2.3.5 อำนวยการ เร่งรัด กำกับดูแล ตรวจสอบติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับให้ดำเนินการตามนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้
2.3.6 เสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีในการโยกย้ายข้าราชการ พนักงานองค์กรของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่เหมาะสม หรือไม่สนองการดำเนินงาน เสนอแต่งตั้งผู้ที่เห็นว่าเหมาะสม ตลอดจนการให้ความดีความชอบให้คุณให้โทษ มาตรการจูงใจ ปกป้องคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานในทุกระดับ
2.3.7 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน เพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่มอบหมาย
2.3.8 ให้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ มีอำนาจในการจัดตั้งและปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการและศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนระดับต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ได้ตามความเหมาะสม
2.3.9 ให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติอย่างรวดเร็วเต็มความสามารถตามที่ได้รับการร้องขอ
2.3.10 ดำเนินการอื่นตามที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
3. ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่ ศตจ. ตั้งขึ้น ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะเดินทาง และอื่นๆ อันพึงมีตามระเบียบทางราชการ
สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุม ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2547 โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
2. แต่งตั้งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 114/2549 เรื่อง แต่งตั้งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ดังนี้
ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2548 และกำหนดนโยบายเร่งด่วนโดยจะระดมความรู้ ความคิด ทรัพยากร และสรรพกำลังทั้งปวง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคม และก่อผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนภายใต้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่เป็นแบบบูรณาการนั้น บัดนี้ สมควรกำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการปัญหาดังกล่าว เป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจที่ตั้งขึ้น เพื่อประสานงาน เร่งรัด กำกับดูแล ตลอดจนให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) (8) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
1. ให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายขจัดยาเสพติด
ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติขึ้นในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทางและมาตรการในการประสานงาน เร่งรัด กำกับดูแล และตรวจสอบการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการขจัดยาเสพติด โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อมติคณะรัฐมนตรี หรือคำสั่งนายกรัฐมนตรี และให้มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี ประสานการดำเนินการกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดและได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีแล้ว
ให้ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายขจัดยาเสพติดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ดังกล่าว และมีอำนาจออกคำสั่งแต่งตั้งรองผู้อำนวยการศูนย์ กรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการได้ตามความจำเป็น แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ
ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายขจัดยาเสพติด มีอำนาจปฏิบัติราชการทั่วไปตามนโยบายรัฐบาลในการขจัดยาเสพติด และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ มีอำนาจเรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐมาชี้แจง ดำเนินการหรืองดเว้นการดำเนินการใดที่ขัดต่อกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี หรือคำสั่งนายก รัฐมนตรี หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน รับเรื่องร้องเรียนจากราษฎรและดำเนินการตรวจสอบ ตลอดจนประสานการดำเนินการระหว่างส่วนราชการหลายแห่งให้ร่วมกันปฏิบัติราชการอย่างเป็นบูรณาการ ในกรณีเห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายและเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาให้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินในด้านนโยบายขจัดยาเสพติดเป็นไปโดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย
2. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกแก่ศูนย์ในด้านงานธุรการ การปฏิบัติหน้าที่ การประชุม งบประมาณ และการจัดให้มีบุคลากรมาช่วยงานตามความจำเป็น
ในกรณีมีปัญหาขัดข้อง ให้ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบหรือวินิจฉัย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
3. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 115/2549 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน ดังนี้
อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 10 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 48 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 59/2549 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2549 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 92/2549 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 และมีคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
1. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีตามลำดับดังนี้
1.1 พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์
1.2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
1.3 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
1.4 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
1.5 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
1.6 นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้นจะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
ส่วนที่ 2 นายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกันตามลำดับดังนี้
ลำดับที่ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีที่รักษาราชการแทนตามลำดับ
1 พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์ 1. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
2. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 1. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
2. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
3 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 1. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
2. นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
4 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 1. นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
2. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
5 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 1. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์
6 นายสุชัย เจริญรัตนกุล 1. พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์
2. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ส่วนที่ 3 นายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน
ในกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนตามลำดับดังนี้
ลำดับที่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายก
รัฐมนตรีที่รักษาราชการแทนตามลำดับ
1 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ 1. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. นายเนวิน ชิดชอบ
2 นายเนวิน ชิดชอบ 1. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
4. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับ ติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 117/2549 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร ดังนี้
โดยที่เป็นการสมควรมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์ในการประสาน ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือ และประเมินผลการปฏิบัติราชการในภูมิภาค และกรุงเทพมหานครให้บังเกิดประสิทธิภาพ เรียบร้อย รวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้โดยไม่มีอุปสรรคด้านกลไกการบริหารราชการ โดยสมควรใช้พื้นที่เขตตรวจราชการของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (1) และ (9) และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 442/2548 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2548 และมีคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร ดังต่อไปนี้
1. พื้นที่
1.1 รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 14 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี
เขตตรวจราชการที่ 18 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา
เขตตรวจราชการที่ 19 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดสงขลา สตูล
1.2 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 5 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี
เขตตรวจราชการที่ 6 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
เขตตรวจราชการที่ 11 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร สกลนคร
1.3 รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 8 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สมุทรปราการ สระแก้ว
เขตตรวจราชการที่ 9 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง
1.4 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 1 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน
เขตตรวจราชการที่ 7 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร
เขตตรวจราชการที่ 16 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง
เขตตรวจราชการที่ 17 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต
และให้มีอำนาจหน้าที่กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี เฉพาะพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาด้วย
1.5 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 2 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์
เขตตรวจราชการที่ 3 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี
และให้มีอำนาจหน้าที่ประสานและติดตามการปฏิบัติราชการส่วนราชการทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศด้วย
1.6 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชัย เจริญรัตนกุล) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 10 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดหนองคาย หนองบัวลำภู เลย อุดรธานี
เขตตรวจราชการที่ 12 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด
เขตตรวจราชการที่ 15 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี
1.7 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
1.8 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเนวิน ชิดชอบ)
1.8.1 กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 4 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง
เขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ (ยกเว้นการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ตาม ความในวรรคท้ายของข้อ 1.4 )
1.8.2 กำกับติดตามการปฏิบัติรราชการและการตรวจราชการตามนโยบายรัฐบาลและการสั่งการของนายกรัฐมนตรี
2. การกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานครตามคำสั่งนี้ หมายถึงการตรวจราชการ การขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่รายงานเหตุการณ์ และผลการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี การประสานราชการเพื่อให้เกิดการบูรณาการ การติดตามผล การเร่งรัด การให้คำแนะนำช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง
3. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานปัญหา อุปสรรค แนวทางการ แก้ไข ตลอดจนข้อเสนอแนะต่างๆ อันเนื่องจากการกำกับ ติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการหรือพื้นที่ในความรับผิดชอบต่อนายกรัฐมนตรีทุกสามสิบวัน
4. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีประจำเขตตรวจราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นฝ่ายเลขานุการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกทั้งให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ตรวจราชการกระทรวง และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดที่เกี่ยวข้องเสนอข้อมูล อำนวยความสะดวก และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้ด้วย สำหรับการกำกับการปฏิบัติราชการส่วนราชการในต่างประเทศให้ทุกกระทรวงที่มีส่วนราชการในต่างประเทศให้ความร่วมมือตามข้อนี้โดยอนุโลม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มิถุนายน 2549--จบ--
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 113/2549 เรื่อง จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ ดังนี้
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 516/2548 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2548 ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 24/2549 ลงวันที่ 27 มกราคม 2549 แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติและมอบอำนาจเพิ่มเติม และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 58/2549 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2549 แต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) (8) และ(9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
1. ให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 516/2548 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2548 คำสั่งสำนักนายก รัฐมนตรี ที่ 24/2549 ลงวันที่ 27 มกราคม 2549 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 58/2549 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2549 บรรดาคำสั่งอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งนี้แทน
2. ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ขึ้นในกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
2.1 ที่ปรึกษา
2.1.1 พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษา
2.1.2 ศาสตราจารย์ประเวศ วะสี ที่ปรึกษา
2.1.3 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ปรึกษา
2.1.4 ประธานกรรมการหอการค้าไทย ที่ปรึกษา
2.1.5 ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษา
2.2 คณะกรรมการ ประกอบด้วย
2.2.1 พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์ ผู้อำนวยการ
รองนายกรัฐมนตรี /ประธานกรรมการ
2.2.2 นายเนวิน ชิดชอบ รองผู้อำนวยการ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี /รองประธานกรรมการ
2.2.3 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองผู้อำนวยการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย /รองประธานกรรมการ
2.2.4 เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รองผู้อำนวยการ
/รองประธานกรรมการ
2.2.5 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ
2.2.6 เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ กรรมการ
และสังคมแห่งชาติ
2.2.7 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการ
2.2.8 ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ
2.2.9 ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง กรรมการ
ของมนุษย์
2.2.10 ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ
2.2.11 ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กรรมการ
และสิ่งแวดล้อม
2.2.12 ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรรมการ
2.2.13 ปลัดกระทรวงแรงงาน กรรมการ
2.2.14 ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ
2.2.15 ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ
2.2.16 ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ
2.2.17 อธิบดีกรมธนารักษ์ กรรมการ
2.2.18 อธิบดีกรมบัญชีกลาง กรรมการ
2.2.19 อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กรรมการ
2.2.20 เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน กรรมการ
เพื่อเกษตรกรรม
2.2.21 อธิบดีกรมป่าไม้ กรรมการ
2.2.22 อธิบดีกรมที่ดิน กรรมการ
2.2.23 อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรรมการ
2.2.24 เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กรรมการ
2.2.25 ผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนา กรรมการ
กองบัญชาการทหารสูงสุด
2.2.26 ปลัดกรุงเทพมหานคร กรรมการ
2.2.27 ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กรรมการ
2.2.28 ผู้จัดการใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตร กรรมการ
และสหกรณ์การเกษตร
2.2.29 ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์ กรรมการ
เป็นทุน
2.2.30 ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้าน กรรมการ
และชุมชนเมืองแห่งชาติ
2.2.31 ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาศักยภาพของ กรรมการ
หมู่บ้าน/ชุมชน
2.2.32 ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กรรมการ
2.2.33 ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการและเลขานุการ
2.2.34 อธิบดีกรมการปกครอง กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.35 อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.36 ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.37 นายไมตรี อินทุสุต กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.2.38 นายปิติธรรม ฐิติมนตรี กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2.3 อำนาจหน้าที่
2.3.1 กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ และกำกับ ดูแล ตรวจสอบการดำเนินการตามนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน ตลอดจนเสนอแนะนโยบายแก่คณะรัฐมนตรี
2.3.2 มอบหมายให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แปลงนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผลสำเร็จ โดยให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดให้มีแผนปฏิบัติการบูรณาการแผนและงบประมาณ เพื่อการดำเนินการให้บังเกิดผลในการปฏิบัติสูงสุด
2.3.3 บูรณาการแผนงานโครงการและงบประมาณ ตลอดจนเสนอคณะรัฐมนตรีในการปรับปรุงแผนงานโครงการและงบประมาณของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ให้เป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน
2.3.4 แสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วมและสนับสนุนช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาความยากจน
2.3.5 อำนวยการ เร่งรัด กำกับดูแล ตรวจสอบติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับให้ดำเนินการตามนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้
2.3.6 เสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีในการโยกย้ายข้าราชการ พนักงานองค์กรของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่เหมาะสม หรือไม่สนองการดำเนินงาน เสนอแต่งตั้งผู้ที่เห็นว่าเหมาะสม ตลอดจนการให้ความดีความชอบให้คุณให้โทษ มาตรการจูงใจ ปกป้องคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานในทุกระดับ
2.3.7 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน เพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่มอบหมาย
2.3.8 ให้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ มีอำนาจในการจัดตั้งและปรับปรุงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการและศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนระดับต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ได้ตามความเหมาะสม
2.3.9 ให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติอย่างรวดเร็วเต็มความสามารถตามที่ได้รับการร้องขอ
2.3.10 ดำเนินการอื่นตามที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
3. ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่ ศตจ. ตั้งขึ้น ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะเดินทาง และอื่นๆ อันพึงมีตามระเบียบทางราชการ
สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุม ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2547 โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
2. แต่งตั้งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 114/2549 เรื่อง แต่งตั้งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ดังนี้
ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2548 และกำหนดนโยบายเร่งด่วนโดยจะระดมความรู้ ความคิด ทรัพยากร และสรรพกำลังทั้งปวง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคม และก่อผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนภายใต้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่เป็นแบบบูรณาการนั้น บัดนี้ สมควรกำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการปัญหาดังกล่าว เป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจที่ตั้งขึ้น เพื่อประสานงาน เร่งรัด กำกับดูแล ตลอดจนให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) (8) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
1. ให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายขจัดยาเสพติด
ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติขึ้นในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทางและมาตรการในการประสานงาน เร่งรัด กำกับดูแล และตรวจสอบการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการขจัดยาเสพติด โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อมติคณะรัฐมนตรี หรือคำสั่งนายกรัฐมนตรี และให้มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี ประสานการดำเนินการกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดและได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีแล้ว
ให้ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายขจัดยาเสพติดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ดังกล่าว และมีอำนาจออกคำสั่งแต่งตั้งรองผู้อำนวยการศูนย์ กรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการได้ตามความจำเป็น แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ
ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายขจัดยาเสพติด มีอำนาจปฏิบัติราชการทั่วไปตามนโยบายรัฐบาลในการขจัดยาเสพติด และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ มีอำนาจเรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐมาชี้แจง ดำเนินการหรืองดเว้นการดำเนินการใดที่ขัดต่อกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี หรือคำสั่งนายก รัฐมนตรี หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน รับเรื่องร้องเรียนจากราษฎรและดำเนินการตรวจสอบ ตลอดจนประสานการดำเนินการระหว่างส่วนราชการหลายแห่งให้ร่วมกันปฏิบัติราชการอย่างเป็นบูรณาการ ในกรณีเห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายและเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาให้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินในด้านนโยบายขจัดยาเสพติดเป็นไปโดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย
2. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกแก่ศูนย์ในด้านงานธุรการ การปฏิบัติหน้าที่ การประชุม งบประมาณ และการจัดให้มีบุคลากรมาช่วยงานตามความจำเป็น
ในกรณีมีปัญหาขัดข้อง ให้ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบหรือวินิจฉัย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
3. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 115/2549 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน ดังนี้
อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 10 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 48 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 59/2549 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2549 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 92/2549 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 และมีคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
1. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีตามลำดับดังนี้
1.1 พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์
1.2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
1.3 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
1.4 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
1.5 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
1.6 นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้นจะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
ส่วนที่ 2 นายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกันตามลำดับดังนี้
ลำดับที่ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีที่รักษาราชการแทนตามลำดับ
1 พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์ 1. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
2. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 1. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
2. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
3 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 1. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
2. นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
4 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 1. นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
2. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
5 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 1. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์
6 นายสุชัย เจริญรัตนกุล 1. พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์
2. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ส่วนที่ 3 นายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนกัน
ในกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนตามลำดับดังนี้
ลำดับที่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายก
รัฐมนตรีที่รักษาราชการแทนตามลำดับ
1 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ 1. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. นายเนวิน ชิดชอบ
2 นายเนวิน ชิดชอบ 1. นายสุชัย เจริญรัตนกุล
2. นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
4. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับ ติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 117/2549 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร ดังนี้
โดยที่เป็นการสมควรมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์ในการประสาน ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือ และประเมินผลการปฏิบัติราชการในภูมิภาค และกรุงเทพมหานครให้บังเกิดประสิทธิภาพ เรียบร้อย รวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้โดยไม่มีอุปสรรคด้านกลไกการบริหารราชการ โดยสมควรใช้พื้นที่เขตตรวจราชการของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (1) และ (9) และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 442/2548 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2548 และมีคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร ดังต่อไปนี้
1. พื้นที่
1.1 รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 14 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี
เขตตรวจราชการที่ 18 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา
เขตตรวจราชการที่ 19 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดสงขลา สตูล
1.2 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 5 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี
เขตตรวจราชการที่ 6 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
เขตตรวจราชการที่ 11 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร สกลนคร
1.3 รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 8 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สมุทรปราการ สระแก้ว
เขตตรวจราชการที่ 9 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง
1.4 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 1 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน
เขตตรวจราชการที่ 7 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร
เขตตรวจราชการที่ 16 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง
เขตตรวจราชการที่ 17 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต
และให้มีอำนาจหน้าที่กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี เฉพาะพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาด้วย
1.5 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 2 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์
เขตตรวจราชการที่ 3 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี
และให้มีอำนาจหน้าที่ประสานและติดตามการปฏิบัติราชการส่วนราชการทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศด้วย
1.6 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชัย เจริญรัตนกุล) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 10 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดหนองคาย หนองบัวลำภู เลย อุดรธานี
เขตตรวจราชการที่ 12 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด
เขตตรวจราชการที่ 15 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี
1.7 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
1.8 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเนวิน ชิดชอบ)
1.8.1 กำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังนี้
เขตตรวจราชการที่ 4 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง
เขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ (ยกเว้นการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ตาม ความในวรรคท้ายของข้อ 1.4 )
1.8.2 กำกับติดตามการปฏิบัติรราชการและการตรวจราชการตามนโยบายรัฐบาลและการสั่งการของนายกรัฐมนตรี
2. การกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคและกรุงเทพมหานครตามคำสั่งนี้ หมายถึงการตรวจราชการ การขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่รายงานเหตุการณ์ และผลการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี การประสานราชการเพื่อให้เกิดการบูรณาการ การติดตามผล การเร่งรัด การให้คำแนะนำช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง
3. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานปัญหา อุปสรรค แนวทางการ แก้ไข ตลอดจนข้อเสนอแนะต่างๆ อันเนื่องจากการกำกับ ติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการหรือพื้นที่ในความรับผิดชอบต่อนายกรัฐมนตรีทุกสามสิบวัน
4. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีประจำเขตตรวจราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นฝ่ายเลขานุการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกทั้งให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ตรวจราชการกระทรวง และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดที่เกี่ยวข้องเสนอข้อมูล อำนวยความสะดวก และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้ด้วย สำหรับการกำกับการปฏิบัติราชการส่วนราชการในต่างประเทศให้ทุกกระทรวงที่มีส่วนราชการในต่างประเทศให้ความร่วมมือตามข้อนี้โดยอนุโลม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มิถุนายน 2549--จบ--