คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้งปี 2549 และแผนการช่วยเหลือ ณ วันที่ 10 มีนาคม 2549 สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์
1.1 ปริมาณน้ำฝน ช่วงวันที่ 3-8 มีนาคม 2549
มีฝนตกเล็กน้อย-หนัก ใน 28 จังหวัด วัดได้ 1,160 มิลลิเมตร โดยวัดจาก 1,207 สถานีวัดฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา(1,054 สถานี) และกรมชลประทาน(153 สถานี)
1.2 สถานการณ์น้ำ สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 9 มีนาคม 2549 มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 49,440 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 72 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2548 (41,827 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 7,729 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 18 ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ อยู่ในเกณฑ์น้อย ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตาม จำนวน 4 อ่างฯ คือ อุบลรัตน์ ลำนางรอง ทับเสลา และบางพระ ซึ่งได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 และขอให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ
1.3 การปลูกพืชฤดูแล้ง
กำหนดนโยบาย มาตรการและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 10.44 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.78 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.66 ล้านไร่ ณ วันที่ 2 มีนาคม 2549 ปลูกแล้วจำนวน 9.91 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.81 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.10 ล้านไร่
1.4 ผลกระทบจากภัยแล้ง
ด้านพืช ช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 — 24 กุมภาพันธ์ 2549 พื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทาน ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จำนวน 14 จังหวัด 25 อำเภอ 120 ตำบล 893 หมู่บ้าน เกษตรกร 66,296 ราย จำนวน 380,281.50 ไร่ เป็นชนิดพืช แยกเป็น ข้าว จำนวน 189,290 ไร่ พืชไร่ จำนวน 88,549.50 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ จำนวน 102,442 ไร่ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจะเกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ วงเงิน 174,288,023 บาท
ด้านประมง ช่วงวันที่ 9 - 14 กุมภาพันธ์ 2549 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 จังหวัด เนื่องจากปริมาณน้ำน้อยทำให้ออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอสำหรับสัตว์น้ำ ได้แก่ จ.มหาสารคาม และ จ.เลย เกษตรกรได้รับผลกระทบ 36 ราย คิดเป็นพื้นที่ 1,726 ตรม. 184 กระชัง
ด้านปศุสัตว์ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
2. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ดำเนินการในช่วงวันที่ 3-9 มีนาคม 2549
2.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบภัยแล้งเป็นการเร่งด่วน โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 9 หน่วย (จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา ระยอง จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี) และ 1 ฐานเติมสารฝนหลวง (จังหวัดภูเก็ต) ตั้งแต่วันที่ 3-9 มีนาคม 2549 ขึ้นปฏิบัติการรวม 164 เที่ยวบิน มีปริมาณฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง วัดได้ ณ สถานีวัดฝนกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานอื่นๆ จำนวน 40 สถานี (จากจำนวนสถานีวัดฝนทั้งสิ้นจำนวน 378 สถานี) ใน 13 จังหวัด ได้แก่ จ.พิษณุโลก กาญจนบุรี จันทบุรี ตราด เลย ศรีสะเกษ นครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ทำให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เป้าหมายที่มีน้ำน้อยรวม 8 อ่าง ได้แก่ เขื่อนกระเสียว เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแซะ เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำนางรอง เขื่อนบางพระ เขื่อนหนองปลาไหล ปริมาณน้ำไหลลงอ่างทั้งสิ้น 16.48 ล้าน ลบ.ม.
2.2 การจัดสรรน้ำและสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถยนต์บรรทุกน้ำ
1) กรมชลประทานได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 อ่างฯ ) จำนวน 11,373 ล้าน ลบ.ม. สนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งปี 2549 ในเขตชลประทาน จำนวน 9.75 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 6.42 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.54 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ 2.79 ล้านไร่
2) สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ช่วยเหลือการปลูกพืชฤดูแล้ง การอุปโภค บริโภค ทั่วประเทศ ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน แล้ว จำนวน 861 เครื่อง แบ่งเป็น
- ในเขตชลประทาน 667 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 241,411 ไร่ พืชไร่ 35,640 ไร่
- นอกเขตชลประทาน 194 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 42,707 ไร่ พืชไร่ 6,787 ไร่
โดยแยกเป็นภาคเหนือ 234 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 299 เครื่อง ภาคกลาง 174 เครื่อง ภาคตะวันออก 71 เครื่อง ภาคตะวันตก 46 เครื่อง ภาคใต้ 37 เครื่อง และสำรองเครื่องสูบน้ำไว้อีก 139 เครื่อง สำหรับรถยนต์บรรทุกน้ำได้ส่งไปช่วยเหลือรวม 9 คัน แยกเป็นภาคเหนือ 5 คัน ในเขตจังหวัดตาก 1 คัน น่าน 3 คัน พิจิตร 1 คัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คัน ในเขต จ. อำนาจเจริญ 1 คัน สุรินทร์ 2 คัน ศรีสะเกษ 1 คัน
นอกจากนี้ยังได้ประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพื่อสนับสนุนเครื่องสูบน้ำพื้นที่นอกเขตชลประทานอีก จำนวน 234 เครื่อง เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 336,473.50 ไร่ ใน 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก นครพนม ยโสธร เลย สิงห์บุรี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดสุพรรณบุรี
2.3 การติดตามสถานการณ์และประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำและส่งเสริมการปลูกพืชไร่ — พืชผักใช้น้ำน้อย การรณรงค์ให้เกษตรกรลดการปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 การควบคุมปริมาณสัตว์น้ำให้หนาแน่นน้อยกว่าปกติ หรือให้งดเว้นการเลี้ยงในพื้นที่เสี่ยง โดยแนะนำให้ทำการตากบ่อและตกแต่งบ่อเลี้ยงแทน เพื่อเตรียมไว้เลี้ยงสัตว์ในรอบต่อไป การดูแลสุขภาพสัตว์และรักษาสัตว์ป่วย และหากมีโรคระบาดเกิดขึ้น จะต้องเร่งทำการป้องกัน รวมทั้งการเก็บ ตัวอย่าง เพื่อตรวจวินิจฉัยและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโดยเร็วที่สุด
2.4 การใช้เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด วงเงิน 50 ล้านบาท ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
- จัดหากระสอบทรายปิดกั้นทางน้ำเพื่อกักเก็บน้ำ นำไปช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 3,000 ไร่ ในจังหวัดหนองบัวลำภู
- จัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 8,000 ลิตร ช่วยในพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ จำนวน 2,118 ไร่ ที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
- ประมงจังหวัดมหาสารคาม และเลย ได้สำรวจความเสียหายแล้วนำเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยระดับจังหวัด เพื่อขออนุมัติเงินทดรองราชการจ่ายชดเชยให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 36 ราย เป็นเงิน 258,000 บาท
3. แผนการช่วยเหลือระหว่างวันที่ 10 -16 มีนาคม 2549
3.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
1) เน้นเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อย จำนวน 11 อ่าง ได้แก่ ภาคกลาง อ่างฯทับเสลา และกระเสียว ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ่างฯอุบลรัตน์,มูลบน,ลำแซะ,ลำตะคอง และลำนางรอง ภาคตะวันออก อ่างฯบางพระ,ดอกกราย และหนองปลาไหล และภาคใต้ อ่างฯบางวาด
2) เน้นปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง โดยเริ่มจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ และขยายพื้นที่ช่วยเหลือไปบริเวณลุ่มน้ำและภาคอื่นๆ ตามความเหมาะสมของสภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และลดการใช้น้ำในเขื่อนต่างๆ
3) แผนปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง
- จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณตอนล่างจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และตาก(ตอนบน) และความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้เพื่อลดความรุนแรงของไฟป่าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
- จังหวัดพิษณุโลก กำหนดแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณอำเภอพรหมพิราม อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก และเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำ ห้วยขอนแก่น ห้วยป่าแดง คลองเฉลียงลับ จังหวัดเพชรบูรณ์
- จังหวัดนครสวรรค์ กำหนดแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ชัยนาท และเพชรบูรณ์(ตอนล่าง) เพิ่มปริมาณให้น้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่างเก็บน้ำทับเสลาและอ่างเก็บน้ำกระเสียว
- จังหวัดอุดรธานี กำหนดแผนปฏิบัติงานช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าไม้ จังหวัดเลย ชัยภูมิ(ตอนบน) ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี และหนองคาย
- จังหวัดนครราชสีมา กำหนดแผนปฏิบัติงานช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จังหวัดชัยภูมิ(ตอนล่าง) นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร
- จังหวัดระยอง กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี และระยอง (ได้แก่ อ่างเก็บน้ำบางพระ หนองปลาไหล และดอกกราย)
- จังหวัดจันทบุรี กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด
- ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำหนดแผนปฏิบัติงานช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และราชบุรี
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่จังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต (อ่างบางวาด)
3.2 แผนการติดตามการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
3.3 การจัดทำโครงการฝึกอบรม ส่งเสริมอาชีพระยะสั้น โครงการนาหญ้าฯ โครงการผลิตกล้าพันธุ์และท่อนพันธุ์พืชอาหารสัตว์เพื่อทดแทนการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ เพื่อเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง อีกทางหนึ่ง
3.4 การสำรองปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์ เสบียงอาหารสัตว์ และพันธุ์สัตว์น้ำ ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2549--จบ--
1. สถานการณ์
1.1 ปริมาณน้ำฝน ช่วงวันที่ 3-8 มีนาคม 2549
มีฝนตกเล็กน้อย-หนัก ใน 28 จังหวัด วัดได้ 1,160 มิลลิเมตร โดยวัดจาก 1,207 สถานีวัดฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา(1,054 สถานี) และกรมชลประทาน(153 สถานี)
1.2 สถานการณ์น้ำ สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 9 มีนาคม 2549 มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 49,440 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 72 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2548 (41,827 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 7,729 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 18 ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ อยู่ในเกณฑ์น้อย ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตาม จำนวน 4 อ่างฯ คือ อุบลรัตน์ ลำนางรอง ทับเสลา และบางพระ ซึ่งได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 และขอให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ
1.3 การปลูกพืชฤดูแล้ง
กำหนดนโยบาย มาตรการและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 10.44 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.78 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.66 ล้านไร่ ณ วันที่ 2 มีนาคม 2549 ปลูกแล้วจำนวน 9.91 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.81 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.10 ล้านไร่
1.4 ผลกระทบจากภัยแล้ง
ด้านพืช ช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 — 24 กุมภาพันธ์ 2549 พื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทาน ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จำนวน 14 จังหวัด 25 อำเภอ 120 ตำบล 893 หมู่บ้าน เกษตรกร 66,296 ราย จำนวน 380,281.50 ไร่ เป็นชนิดพืช แยกเป็น ข้าว จำนวน 189,290 ไร่ พืชไร่ จำนวน 88,549.50 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ จำนวน 102,442 ไร่ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจะเกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ วงเงิน 174,288,023 บาท
ด้านประมง ช่วงวันที่ 9 - 14 กุมภาพันธ์ 2549 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 จังหวัด เนื่องจากปริมาณน้ำน้อยทำให้ออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอสำหรับสัตว์น้ำ ได้แก่ จ.มหาสารคาม และ จ.เลย เกษตรกรได้รับผลกระทบ 36 ราย คิดเป็นพื้นที่ 1,726 ตรม. 184 กระชัง
ด้านปศุสัตว์ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
2. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ดำเนินการในช่วงวันที่ 3-9 มีนาคม 2549
2.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบภัยแล้งเป็นการเร่งด่วน โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 9 หน่วย (จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา ระยอง จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี) และ 1 ฐานเติมสารฝนหลวง (จังหวัดภูเก็ต) ตั้งแต่วันที่ 3-9 มีนาคม 2549 ขึ้นปฏิบัติการรวม 164 เที่ยวบิน มีปริมาณฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง วัดได้ ณ สถานีวัดฝนกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานอื่นๆ จำนวน 40 สถานี (จากจำนวนสถานีวัดฝนทั้งสิ้นจำนวน 378 สถานี) ใน 13 จังหวัด ได้แก่ จ.พิษณุโลก กาญจนบุรี จันทบุรี ตราด เลย ศรีสะเกษ นครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ทำให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เป้าหมายที่มีน้ำน้อยรวม 8 อ่าง ได้แก่ เขื่อนกระเสียว เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแซะ เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำนางรอง เขื่อนบางพระ เขื่อนหนองปลาไหล ปริมาณน้ำไหลลงอ่างทั้งสิ้น 16.48 ล้าน ลบ.ม.
2.2 การจัดสรรน้ำและสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถยนต์บรรทุกน้ำ
1) กรมชลประทานได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 อ่างฯ ) จำนวน 11,373 ล้าน ลบ.ม. สนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งปี 2549 ในเขตชลประทาน จำนวน 9.75 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 6.42 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.54 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ 2.79 ล้านไร่
2) สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ช่วยเหลือการปลูกพืชฤดูแล้ง การอุปโภค บริโภค ทั่วประเทศ ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน แล้ว จำนวน 861 เครื่อง แบ่งเป็น
- ในเขตชลประทาน 667 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 241,411 ไร่ พืชไร่ 35,640 ไร่
- นอกเขตชลประทาน 194 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 42,707 ไร่ พืชไร่ 6,787 ไร่
โดยแยกเป็นภาคเหนือ 234 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 299 เครื่อง ภาคกลาง 174 เครื่อง ภาคตะวันออก 71 เครื่อง ภาคตะวันตก 46 เครื่อง ภาคใต้ 37 เครื่อง และสำรองเครื่องสูบน้ำไว้อีก 139 เครื่อง สำหรับรถยนต์บรรทุกน้ำได้ส่งไปช่วยเหลือรวม 9 คัน แยกเป็นภาคเหนือ 5 คัน ในเขตจังหวัดตาก 1 คัน น่าน 3 คัน พิจิตร 1 คัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คัน ในเขต จ. อำนาจเจริญ 1 คัน สุรินทร์ 2 คัน ศรีสะเกษ 1 คัน
นอกจากนี้ยังได้ประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพื่อสนับสนุนเครื่องสูบน้ำพื้นที่นอกเขตชลประทานอีก จำนวน 234 เครื่อง เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 336,473.50 ไร่ ใน 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก นครพนม ยโสธร เลย สิงห์บุรี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดสุพรรณบุรี
2.3 การติดตามสถานการณ์และประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำและส่งเสริมการปลูกพืชไร่ — พืชผักใช้น้ำน้อย การรณรงค์ให้เกษตรกรลดการปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 การควบคุมปริมาณสัตว์น้ำให้หนาแน่นน้อยกว่าปกติ หรือให้งดเว้นการเลี้ยงในพื้นที่เสี่ยง โดยแนะนำให้ทำการตากบ่อและตกแต่งบ่อเลี้ยงแทน เพื่อเตรียมไว้เลี้ยงสัตว์ในรอบต่อไป การดูแลสุขภาพสัตว์และรักษาสัตว์ป่วย และหากมีโรคระบาดเกิดขึ้น จะต้องเร่งทำการป้องกัน รวมทั้งการเก็บ ตัวอย่าง เพื่อตรวจวินิจฉัยและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโดยเร็วที่สุด
2.4 การใช้เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด วงเงิน 50 ล้านบาท ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
- จัดหากระสอบทรายปิดกั้นทางน้ำเพื่อกักเก็บน้ำ นำไปช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 3,000 ไร่ ในจังหวัดหนองบัวลำภู
- จัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 8,000 ลิตร ช่วยในพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ จำนวน 2,118 ไร่ ที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
- ประมงจังหวัดมหาสารคาม และเลย ได้สำรวจความเสียหายแล้วนำเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยระดับจังหวัด เพื่อขออนุมัติเงินทดรองราชการจ่ายชดเชยให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 36 ราย เป็นเงิน 258,000 บาท
3. แผนการช่วยเหลือระหว่างวันที่ 10 -16 มีนาคม 2549
3.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
1) เน้นเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อย จำนวน 11 อ่าง ได้แก่ ภาคกลาง อ่างฯทับเสลา และกระเสียว ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ่างฯอุบลรัตน์,มูลบน,ลำแซะ,ลำตะคอง และลำนางรอง ภาคตะวันออก อ่างฯบางพระ,ดอกกราย และหนองปลาไหล และภาคใต้ อ่างฯบางวาด
2) เน้นปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง โดยเริ่มจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ และขยายพื้นที่ช่วยเหลือไปบริเวณลุ่มน้ำและภาคอื่นๆ ตามความเหมาะสมของสภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และลดการใช้น้ำในเขื่อนต่างๆ
3) แผนปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง
- จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณตอนล่างจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และตาก(ตอนบน) และความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้เพื่อลดความรุนแรงของไฟป่าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
- จังหวัดพิษณุโลก กำหนดแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณอำเภอพรหมพิราม อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก และเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำ ห้วยขอนแก่น ห้วยป่าแดง คลองเฉลียงลับ จังหวัดเพชรบูรณ์
- จังหวัดนครสวรรค์ กำหนดแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ชัยนาท และเพชรบูรณ์(ตอนล่าง) เพิ่มปริมาณให้น้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่างเก็บน้ำทับเสลาและอ่างเก็บน้ำกระเสียว
- จังหวัดอุดรธานี กำหนดแผนปฏิบัติงานช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าไม้ จังหวัดเลย ชัยภูมิ(ตอนบน) ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี และหนองคาย
- จังหวัดนครราชสีมา กำหนดแผนปฏิบัติงานช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จังหวัดชัยภูมิ(ตอนล่าง) นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร
- จังหวัดระยอง กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี และระยอง (ได้แก่ อ่างเก็บน้ำบางพระ หนองปลาไหล และดอกกราย)
- จังหวัดจันทบุรี กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด
- ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำหนดแผนปฏิบัติงานช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และราชบุรี
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำหนดแผนปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่จังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต (อ่างบางวาด)
3.2 แผนการติดตามการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
3.3 การจัดทำโครงการฝึกอบรม ส่งเสริมอาชีพระยะสั้น โครงการนาหญ้าฯ โครงการผลิตกล้าพันธุ์และท่อนพันธุ์พืชอาหารสัตว์เพื่อทดแทนการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ เพื่อเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง อีกทางหนึ่ง
3.4 การสำรองปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์ เสบียงอาหารสัตว์ และพันธุ์สัตว์น้ำ ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2549--จบ--