การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 4, 2009 15:51 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 เรื่อง สรุปผลการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami) ในภาพรวม ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เสนอ

จากเดิม “2.1 การดำเนินงานของศูนย์พิสูจน์บุคคล ให้เตรียมการปิดศูนย์ให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 26 ธันวาคม 2548 สำหรับศพที่ยังไม่สามารถพิสูจน์บุคคลได้ให้เก็บข้อมูลต่าง ๆ และจัดฝังไว้ให้เรียบร้อยเหมาะสมและให้สามารถขุดขึ้นมาพิสูจน์ได้อย่างสะดวก เมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากนั้น มอบให้กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการต่อไป”

เป็น “2.1 การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลให้ ตช.รับผิดชอบจัดพื้นที่สุสานผู้ประสบภัยสึนามิ ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา รวมทั้งรับผิดชอบดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและชันสูตรพลิกศพผู้ประสบภัยให้เป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการตรวจพิสูจน์บุคคลสูญหายและศพนิรนาม สามารถประสานการปฏิบัติกับ ยธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดได้ ทั้งให้พัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงรำลึกด้วย” (หมายเหตุ : มหาดไทยเห็นชอบตามข้อเสนอของ ตช. แต่ ยธ. เห็นชอบในการที่ ตช. จะดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ส่วนกรณีการตรวจพิสูจน์บุคคลสูญหายและศพนิรนาม ควรอยู่ในความรับผิดชอบ ยธ.)

สาระสำคัญของเรื่อง

ตช.ได้พิจารณาความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมแล้วรายงานว่า

1. ตช.ได้มีการดำเนินการฝังศพผู้ประสบภัยอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและมาตรฐานสากล รวมถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์ที่ฝังศพเป็น “สุสานผู้ประสบภัยสึนามิ” ให้มีความสงบ สวยงาม เหมาะแก่การที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงรำลึก

2. สำหรับการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ตช.เป็นหน่วยงานที่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีข้อมูลและเอกสารที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นจำนวนมาก หากมีการส่งมอบภารกิจให้ ยธ. อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และทำให้รัฐสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น ประกอบกับการดำเนินงานจะมีระดับความยากมากขึ้น โดยในส่วนของการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ตช. มีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องมือที่มีความทันสมัย โดยได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ รวมทั้งได้รับความร่วมมือทางด้านวิชาการในด้านนิติวิทยาศาสตร์จากหลายหน่วยงานในต่างประเทศ ส่งผลให้การปฏิบัติงานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่ผ่านของ ตช.เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในชั้นนี้ จึงเห็นว่า ตช.เป็นหน่วยงานที่มีความเหมาะสมและสามารถที่จะทำการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดได้

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ