ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 25, 2009 14:17 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ รายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม 2552 สรุปได้ดังนี้

จากการสำรวจราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศจำนวน 417 รายการครอบคลุม หมวดอาหารและ เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า เคหสถาน การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล พาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร การบันเทิง การอ่าน การศึกษาและการศาสนา ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เพื่อนำมาคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ได้ผลดังนี้

1. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนตุลาคม 2552

ในปี 2550 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เท่ากับ 100 และเดือนตุลาคม 2552 เท่ากับ 105.5 (เดือนกันยายน 2552 คือ 105.3)

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนตุลาคม 2552 เมื่อเทียบกับ

2.1 เดือนกันยายน 2552 สูงขึ้นร้อยละ 0.2

2.2 เดือนตุลาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 0.4

2.3 เฉลี่ยระยะ 10 เดือน ( มกราคม - ตุลาคม ) ปี 2551 ลดลงร้อยละ 1.5

3. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนตุลาคม 2552 เทียบกับ เดือน กันยายน 2552 สูงขึ้นร้อยละ 0.2 ( เดือนกันยายน 2552 สูงขึ้นร้อยละ 0.2 ) เป็นภาวะที่ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับเดือนก่อนหน้า ปัจจัยสำคัญยังคงเป็นผลกระทบจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งสินค้าบางชนิดที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าว ผักและผลไม้ ไก่สด อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ค่าของใช้ส่วนบุคคล เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ค่าโดยสารเครื่องบินและแบตเตอรี่รถยนต์ ในขณะที่สินค้าที่มีราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยภายในประเทศซึ่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ามีราคาลดลง นอกจากนี้เป็นผลกระทบจากราคาอาหารและสินค้าประเภท เนื้อสุกร ไข่ วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและเครื่องรับอุปกรณ์สื่อสาร เป็นต้น

             3.1 ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.6 (เดือนกันยายน 2552 สูงขึ้นร้อยละ 1.1 ) เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว สาเหตุสำคัญเป็นผลจากราคาอาหารหลายชนิดได้มีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ได้แก่ ข้าว ร้อยละ 1.0 ( ข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว ) เนื่องจากผู้ส่งออกเร่งซื้อข้าวเพื่อการส่งมอบให้กับ ผู้ประกอบการต่างประเทศ ผักและผลไม้ ร้อยละ 4.2 ได้แก่ ผักคะน้า เห็ด ถั่วฝักยาว ผักชี มะนาว พริกสด ขึ้นฉ่าย ฝรั่ง ลองกอง มะม่วง ทุเรียนและแตงโม เป็นช่วงเทศกาลกินเจ ทำให้ความต้องบริโภคมีมาก ประกอบกับมีฝนตกชุกและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของแหล่งผลิต ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ไก่สด ร้อยละ 0.8 อาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 0.4        ( กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว อาหารเช้าและข้าวราดแกง ) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 0.2 ( กาแฟผงสำเร็จรูป เครื่องดื่มรสชอกโกแลต และน้ำผลไม้ ) สำหรับสินค้าที่ราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ไข่ ร้อยละ 4.8 ( ไข่ไก่ และไข่เป็ด ) เนื้อสุกร ร้อยละ 0.4 ความต้องการบริโภคลดลงช่วงปิดภาคการศึกษาและอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจ และปลาและสัตว์น้ำ ร้อยละ 0.2 เป็นต้น

3.2 ดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.1 ( เดือนกันยายน ลดลงร้อยละ 0.2 ) เป็นผลกระทบจากราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยภายในประเทศซึ่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ามีราคาลดลง โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ร้อยละ 1.2 วัสดุก่อสร้าง ร้อยละ 0.4 ( ปูนซีเมนต์ กระเบื้องซีเมนต์ใยหินมุงหลังคา ) เครื่องรับอุปกรณ์สื่อสาร ร้อยละ 0.1 ( เครื่องรับโทรศัพท์มือถือ )และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ร้อยละ 0.5 ( ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำและน้ำยาถูพื้น ) สำหรับสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ค่าโดยสารเครื่องบิน ร้อยละ 9.0 ผลจากการปรับภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ ค่าของใช้ส่วนบุคคล ร้อยละ 0.1( สบู่ถูตัว ยาสีฟัน น้ำมันใส่ผมและครีมนวดผม) แบตเตอรี่รถยนต์ ร้อยละ 0.9 และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 0.2 (เบียร์) เป็นต้น

4. ถ้าพิจารณาดัชนีเทียบกับเดือนตุลาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 0.4 เป็นอัตราที่สูงขึ้นเป็นเดือนแรก ซึ่งก่อนหน้านั้นติดลบต่อเนื่อง 9 เดือน สาเหตุสำคัญมาจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.6 เป็นผลกระทบจากดัชนีหมวดเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ร้อยละ 4.0 ผักและผลไม้ ร้อยละ 5.4 ไข่และผลิตภัณฑ์นม ร้อยละ 2.9 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 2.0 และอาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 0.5 รวมทั้งดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ดัชนีหมวดเคหสถาน ร้อยละ 3.5 (ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และวัสดุก่อสร้าง) หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ร้อยละ 1.1 (ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาลและค่าของใช้ส่วนบุคคล) และหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 13.6 (ผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์) อย่างไรก็ตามยังมีดัชนีในหมวดอาหารและ เครื่องดื่มที่ปรับลดลง คือ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ 0.5 และเครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ 1.2 และดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารเครื่องดื่ม ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ 3.4 หมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร ร้อยละ 4.1 และหมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาและการศาสนา ร้อยละ 10.2 เป็นต้น

5. ถ้าพิจารณาดัชนีเฉลี่ยเทียบกับระยะ 10 เดือน (มกราคม - ตุลาคม ) ปี 2551 ลดลงร้อยละ 1.5 สาเหตุสำคัญมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 19.8 (ค่ากระแสไฟฟ้า ร้อยละ 15.2 และค่าน้ำประปา ร้อยละ 19.3) หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ 1.9 (เครื่องแบบนักเรียนอนุบาลและมัธยมชาย,หญิง) หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาและการศาสนา ร้อยละ 5.8 (ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา , หนังสือและอุปกรณ์การศึกษา) ส่งผลให้ดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 6.2 ในขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ร้อยละ 5.1 เป็นผลจาก การสูงขึ้นของ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ 3.0 เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ ร้อยละ 6.3 ไข่และผลิตภัณฑ์นม ร้อยละ 5.4 ผักและผลไม้ ร้อยละ 6.2 อาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 4.1 และเครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ 2.6 เป็นสำคัญ

6. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ (คำนวณจากรายการสินค้าและบริการ 300 รายการ) คือ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศที่หักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสด และกลุ่มพลังงานจำนวน 117 รายการ คิดเป็นประมาณร้อยละ 24 ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม 2552 เท่ากับ 102.7 เมื่อเทียบกับ

6.1 เดือนกันยายน 2552 สูงขึ้นร้อยละ 0.1

6.2 เดือนตุลาคม 2551 ลดลงร้อยละ 0.1

6.3 เฉลี่ยระยะ 10 เดือน ( มกราคม- ตุลาคม ) ปี 2551 สูงขึ้นร้อยละ 0.3

ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนตุลาคม 2552 เมื่อเทียบกับเดือน กันยายน 2552 สูงขึ้นร้อยละ 0.1 (เดือนกันยายน สูงขึ้นร้อยละ 0.1) เป็นอัตราที่สูงขึ้นเท่ากับเดือนก่อนหน้า สาเหตุสำคัญเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าที่มีทั้งที่สูงขึ้นและลดลง โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ค่าโดยสารเครื่องบิน แบตเตอรี่รถยนต์ และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ขณะที่สินค้าที่มีราคาลดลง คือ วัสดุก่อสร้าง และเครื่องรับอุปกรณ์สื่อสาร

7. ผลกระทบของการที่ภาวะเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติมี ดังนี้

7.1 ประชาชน

ค่าครองชีพของประชาชนในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมายังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก ถึงแม้ว่าราคาสินค้ากลุ่มอาหารโดยเฉลี่ยจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมากจากปีที่ผ่านมาประกอบกับมาตรการช่วยค่าครองชีพของรัฐบาล (6 มาตรการ และค่าเล่าเรียน) ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนลดลง ด้านการจับจ่ายใช้สอย จากการที่ภาวะเงินเฟ้อเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติจะทำให้ภาวะการจ้างงานเริ่มจะดีขึ้น มีผลให้ประชาชนเริ่มมีความรู้สึกมั่นใจในรายได้ของตนเองมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

7.2 ผู้ผลิต

เมื่อภาวะเงินเฟ้อเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติจะทำให้ผู้ผลิตมีแรงจูงใจที่จะผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการจ้างงานหรือเพิ่มชั่วโมงการทำงานมากขึ้น

7.3 รัฐบาล

การที่ภาวะเงินเฟ้อและเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจอื่นๆ ชี้ให้เห็นการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรถือโอกาสนี้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลควรดูแลให้การเบิกจ่ายงบประมาณตามนโยบายไทยเข้มแข็งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างลื่นไหล ส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่สะดุดลงไป

7.4 ธนาคารแห่งประเทศไทย

ในช่วงจังหวะนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับการเกื้อหนุนให้ภาวะเศรษฐกิจมีการเติบโต คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับนี้ไว้ เมื่อภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างมั่นคงแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ